“วัชระ” เปรียบฎีกาเสื้อแดง เหมือนฎีกาผ้าป่า สับคำพูด “ไอ้ตู่” ไร้ค่า จี้กลับไปดูแม่บ้าง แนะ ปชช.ดึงญาติพี่น้องป้องสถาบัน ขณะที่ “ประสงค์” ระบุ รบ.ตั้งโต๊ะค้านฎีกาเสื้อแดงชอบแล้ว ชี้หากได้รับอภัยโทษจริง กระบวนการรับจ้างล่ารายชื่อผุด ทำสังคมเสื่อมแน่
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ “รู้ทันประเทศไทย”
รายการ “รู้ทันประเทศไทย” ออกอากาศทางเอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน วันจันทร์ถึงศุกร์ เวลา 18.30-20.00 น. สำหรับวันจันทร์ ที่ 3 สิงหาคม 2552 มีนายสันติสุข มะโรงศรี ดำเนินรายการ โดยได้รับเกียรติจาก นายวัชระ เพชรทอง ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ และนายประสงค์ นุรักษ์ ส.ว.สรรหา มาร่วมพูดคุยเกี่ยวกับประเด็นอำนาจเถื่อนจะอยู่เหนืออำนาจนิติรัฐหรือไม่
นายวัชระกล่าวว่า การล่ารายชื่อถวายฎีกาของคนเสื้อแดง เป็นฎีกาเถื่อน ไม่ต่างอะไรกับฎีกาผ้าป่าที่มีเจ้าภาพใหญ่อยู่ต่างประเทศ จุดประสงค์เพียงเพื่อหวังให้เกิดการเผชิญหน้า ระหว่าง สถาบันพระมหากษัตริย์ กับคนรากหญ้าที่คลั่งไคล้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่อยากให้กลับประเทศโดยไม่ต้องถูกลงโทษ โดยอ้างเพื่อความเป็นธรรม แล้วโจมตีรัฐบาลว่าไม่ให้ความเป็นธรรม ซึ่งข้ออ้างเหล่านั้นล้วนเป็นความเท็จทั้งสิ้น เหมือนกับกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอิน ความเท็จให้ประชาชนชาวไทยฟังมาตลอด และฎีกานี้ถ้าหากไม่สนองตามที่คนร่วมลงชื่อต้องการ ก็จะถูกใช้เป็นข้ออ้างในการปลุกระดมมวลชนให้ปะทะสถาบันโดยตรง
นายวัชระกล่าวถึงคำพูดของนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ว่าเชื่อถือไม่ได้เลย เพราะรู้จักกันดีสมัยเรียนที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง เคยสนับสนุนให้เป็นผู้นักนักศึกษาต่อจากตน กินเที่ยวด้วยกัน ซึ่งยอมรับว่าตอนนั้นนายจตุพร นิสัยดีมาก เพิ่งมาเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเมื่อตอนเข้าเป็นลูกน้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ดูได้จากการพูดในสภาฯเมื่อครั้งมีการเปิดประเด็นโจมตีเรื่องวุฒิการศึกษาปลอม แล้วนายจตุพร ได้สาบานว่าจะลาออก หากนาย นายสันติ พร้อมพัฒน์ ปลอมวุฒิ ในที่สุดมหาวิทยาลัยก็ออกมายืนยันว่า นายสันติ ปลอมแปลงคนเข้าสอบจริง นายจตุพร ก็ไม่ได้ลาออกแต่อย่างใด อีกทั้งยังยอมทำถวายชีวิตอย่างไม่มีเงื่อนไข ด่าได้ทุกเรื่องไม่ว่าจะเป็นใครหากมีใบสั่งมา
ทั้งนี้ ในฐานะที่ตนเองก็เคยเป็นเพื่อนกับนายจตุพรมาก่อน อยากจะบอกว่า ควรกลับไปดูแม่บ้าง แกก็อายุ 80 กว่าแล้ว นอนเตียงไม้มีหมอนเก่าๆ อยู่สองใบ ลูกสาวกั้นห้องให้อยู่หลังบ้านที่ตนไปขณะนั้นแม้กระทั่งพัดลมก็ยังไม่มี อย่างไรก็ดีสิ่งแรกที่ท่านพูดได้บอก “ลูกตู่” แล้วว่าอย่าไปด่า พล.อ.เปรม ตินสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ พร้อมกับถามว่านายจตุพร หยุดด่า พล.อ.เปรม หรือยัง เพื่อให้คนแก่สบายใจตนก็ได้แต่บอกว่าหยุดด่าแล้ว ถ้าถามว่าทำไมแม่นายจตุพรไม่โทรหานายจตุพรเอง นายวัชระกล่าวต่อว่า แม่ขอนายจตุพร ให้ลูกสาวโทรหาเป็นพันเป็นหมื่นครั้ง แต่นายจตุพรไม่เคยรับสายเลย
“ประชาชนควรใช้สติ วิจารณญาณ บอกญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง ว่าการกระทำของกลุ่มคนเสื้อแดงไม่ชอบธรรม เพราะคนปกติ เมื่อศาลพิพากษาว่ามีความผิดบุคคลนั้นจะต้องรับโทษ แล้วพ.ต.ท.ทักษิณ จะใช้สิทธิเหนือผู้อื่นได้อย่างไร และการกระทำดังกล่าวไม่บังควรอย่างยิ่งที่จะดึงสถาบันเบื้องสูงมาเกี่ยวข้องกับการเมือง เพราะฎีกานี้เป็นเรื่องการเมือง ทำเพื่อคนๆเดียว ที่ต้องการให้พ้นผิด” นายวัชระ กล่าว
นายวัชระกล่าวว่า การที่นายจตุพรบอกว่าอย่ามาเสือก ตรงนี้จะไม่ให้เกี่ยวไม่ได้ เพราะพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมหัวใจของคนไทยทั้งประเทศ เมื่อมีการนำสถาบันเข้ามาแปดเปื้อนกับการเมืองก็เป็นหน้าที่ของ ส.ส.ซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชน มาบอกกล่าวให้ประชาชนเข้าใจ ว่า การล่ารายชื่อถวายฎีกาเป็นนี้สิ่งที่ไม่ถูกต้อง ส่วนที่บอกว่ามีถึง 4-5 ล้านคนมาร่วมลงชื่อ ตรงนี้สำนักราชเลขาธิการต้องตรวจสอบว่าคนเหล่านั้นได้มาลงชื่อจริงหรือไม่ เพราะเคยมีตัวอย่างมาแล้วสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ อ้างไทยรักไทยมีสมาชิกเป็นสิบล้านคน แต่เมื่อตรวจสอบแล้ว ในรายชื่อนั้นแล้วปรากฏว่ามีสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์รวมอยู่ด้วย ซึ่งจากข้อเท็จจริงแล้วมันเป็นไปไม่ได้เลย
“พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ไม่ว่าจะดำรงค์ตำแหน่ง ผบ.ตร. อยู่หรือไม่ แต่ตอนนี้ พล.อ.พัชรวาท ยังเป็น ผบ.ตร. อยู่อีกหรือ เพราะในความรู้สึกของตน ท่านหมดความชอบธรรมตั้งแต่เกิดเสียงปืนแตกนัดแรก เมื่อ 7 ต.ค.2551 แล้ว มิหนำซ้ำยังปล่อยให้เกิดความรุนแรงที่พัทยา และหน้ากระทรวงมหาดไทย ซึ่ง ผบ.ตร.จะคิดว่าตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งของวงศ์ตระกูลไม่ได้ เพราะว่าแม้วงศ์ตระกูลจะยิ่งใหญ่ขนาดไหน ก็ไม่สามารถต้านทานพลังประชาชนได้ ดังนี้ผบ.ตร. ต้องไตร่ตรองดูให้ดี ท่านตกเป็นจำเลยของประชาชนทั้งประเทศและสังคมไม่ได้ไว้วางใจท่าน” นายวัชระ กล่าว
นายประสงค์กล่าวว่า สิ่งที่จะถือว่าเป็นเหตุเลวร้ายที่สุดในสถานการณ์บ้านเมือง คือ หากกลุ่มเสื้อแดง ไม่เล่นตามกติกาแล้วหันหน้าไปใช้กำลังอาวุธ เข้ายึดอำนาจรัฐที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งปัจจุบันโอกาสที่จะเกิดขึ้นนั้นมีความเป็นไปได้ถ้ามันถึงทางตัน เพราะในขณะที่รัฐบาลพยายามบริหารประเทศ ก็มีบางกลุ่มพยายามสร้างสถานการณ์ให้เกิดความรุนแรงขึ้นในสังคม แล้วอาศัยเหตุรุนแรงนั้นถือเป็นความชอบธรรมในการแทรกแซงกระบวนการทางการเมืองที่ผิดวิธี
“อดห่วงไม่ได้กับการล่ารายชื่อถวายฎีกาของคนเสื้อแดง เพราะถ้าหากมีการอภัยโทษได้จริง จะก่อให้เกิดกระบวนการรับจ้างล่ารายชื่อ ซึ่งในปัจจุบันมีนักโทษที่มีเงินหลบหนีคดีอีกมาก และพร้อมที่จะอาศัยกระบวนการนี้ เพื่อช่วยให้ตนเองรอดพ้นจากการถูกลงโทษ” นายประสงค์ กล่าว
นายประสงค์กล่าวต่อว่า เห็นด้วยกับการที่รัฐบาลตั้งโต๊ะเปิดให้ประชาชนแสดงออกไม่เห็นด้วยกับการล่ารายชื่อถวายฎีกาของกลุ่มเสื้อแดง แต่ถ้ารัฐบาลจะนำรายชื่อผู้ไม่เห็นด้วยนี้ไปยื่นถวายฎีกาเป็นสิ่งที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง ทั้งนี้อยากให้การล่ารายชื่อเป็นเพียง สิ่งกระตุ้นให้รัฐบาลได้ฉุดคิดว่า มีคนเห็นด้วยกับการล่ารายชื่อถวายฎีกาเป็นล้าน ในขณะเดียวกันก็มีคนไม่เห็นด้วยเป็นล้านๆ เหมือนกัน ซึ่งต่อไปก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องทำให้ประชาชนเข้าใจ อะไรเป็นสิ่งที่ถูกต้องอะไรสมควร ไม่สมควรทำ