ASTVผู้จัดการรายวัน- "มาร์ค"เชื่อหลัง"พัชวาท"ลาพัก คดียิง"สนธิ"จะมีความคืบหน้า และปิดคดีได้ก่อน"ธานี" เกษียณ 30 ก.ย.นี้ ยังกั๊กเรื่องคนมารักษาการแทน ผบ.ตร. รอถก"สุเทพ" ย้ำต้องเป็นคนที่ทำงานได้ จับตาหวยออกที่"ธานี" ไม่สน"เพื่อไทย"ขู่ยื่นถอดถอน บอกยังไม่เข้าใจเรื่องอะไร
เมื่อวานนี้ (2ส.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ ถึงความคืบหน้าคดีลอบยิง นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยมีนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ผู้ดำเนินรายการ จากสถานีโทรทัศน์ ASTV ทำหน้าที่พิธีกรรับเชิญ และตั้งคำถาม โดยนายเจิมศักดิ์ ถามถึงกรณีที่นายกฯบอกว่าพล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)ได้ขอลาเพื่อเดินทางไปต่างประเทศ แต่ ผบ.ตร.กลับออกมาบอกว่าเพียงแค่ไปทำงานที่ประเทศจีน 10 วันเท่านั้น
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องคดีลอบยิงนายสนธิ นั้นหน้าที่ของตนคือเมื่อพนักงานสอบสวนมาบอกว่า เขามีปัญหา ตนก็ต้องการให้คดีเดินได้ แต่ว่าระหว่างที่ทำงานตรงนี้ มันกลายเป็นว่า "ผบ.ตร.ปลด ไม่ปลด โยกย้ายแต่งตั้งอะไรสารพัดไปหมด" แล้วตอนหลังดูแล้วมันลุกลามแน่ เราจะมาเสียเวลากับเรื่องอื่น จนลืมไปว่าเป้าหมายสุดท้ายปลายทางคือเรื่องคดี ก็เลยบอกว่าฟังจากทุกฝ่าย ทั้งคนทำงานระดับล่าง ผู้เกี่ยวข้อง เช่น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ผบ.ตร.
"สุดท้ายผมประมวลดูแล้ว จับมาชนกัน ก็พบว่า หนึ่งถ้าให้บรรยากาศทุกคนไม่มีข้อครหา จริงเท็จนั่นไม่ต้องไปพิสูจน์นะครับ ถ้ามัวแต่ไปพิสูจน์ว่าอะไรจริง อะไรเท็จ ผมว่าคดีนี้ คนทำงานก็จะเกษียณก่อน เอาว่าหลักเป็นอย่างนี้ ผบ.ตร. เสนอมา เรื่องจะลา และเรื่องของการโยกย้ายแต่งตั้ง ผมก็เห็นดีด้วย และทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย เท่านั้นเอง ตอนนี้ตกลงกันได้หมดแล้ว ส่วนในรายละเอียดว่าจะเริ่มลาเมื่อไร จะลาพักร้อน พักหนาว หรือจะไปเมืองนอก หรือไม่เมืองนอก ไม่ใช่สาระสำคัญ เขาเข้าใจดีหมดแล้ว และก่อนเดินทางมาที่นี่ ผมเชิญคนที่ทำคดีมาคุย (1 ส.ค.) เป็นพิเศษ เป็นการเฉพาะ บอกว่า ตกลงเนี่ยไปคุยกับท่าน ผบ.ตร. แล้วทำงานได้ไหม เขายืนยันว่า เดินหน้าได้แน่นอนด้วยความมั่นใจ ผมถือว่า ผมแก้ปัญหาให้จบแล้ว" นายกรัฐมนตรีกล่าว
นายเจิมศักดิ์ ถามว่า แล้วคิดว่าคดีจะเสร็จก่อนเกษียณ ก่อนสิ้นเดือนกันยายนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เขาคิดว่าอย่างนั้น เมื่อถามว่าจะได้ตัวคนบงการหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า "ก็เขาจะทำเต็มที่ครับ แต่ว่าสิ่งที่เขาคิดว่ามันเป็นอุปสรรคอยู่ ซึ่งอาจจะเป็นความหวาดกลัวของลูกน้องเขา หรืออะไรต่างๆ บัดนี้เขายืนว่าปัญหานี้ได้แก้ไขแล้ว"
**ปลดไม่ปลด รอป.ป.ช.ชี้มูล
นายเจิมศักดิ์ถามว่า ทำไมท่านนายกฯไม่ปลด ผบ.ตร. ตั้งนานแล้ว เพราะมีปัญหามามากตั้งแต่ 7 ตุลาฯ 51 เราฟังจากป.ป.ช. ก็เห็น ท่านเห็นเดือนเมษาฯ ที่ผ่านมาก็ใช่ ก็เหมือนกลับไม่ทำอะไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนให้ความเป็นธรรมกับทุกคน เรื่องที่มีการร้องเรียน ตอนแรกกรณี 7 ตุลาฯ ตนก็เป็นคนร้องเอง แต่กรรมการสิทธิมนุษยชนเขาสรุปมา ตนก็สอบถามไปยังกรรมการสิทธิฯ เขาก็ชี้เพียงว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คนที่อยู่ในตำแหน่งหน้าที่ การรับผิดชอบ คือ อะไร ส่วนว่าเจ้าตัวได้ทำอะไรผิด หรือไม่ เขาส่งให้ป.ป.ช. และป.ป.ช.ถึงวันนี้ยังไม่ได้ชี้มูล มีการแจ้งข้อกล่าวหา ปฏิเสธแล้วแต่ แต่ตนก็สอบถามไปว่า ตกลงชี้หรือยัง ถ้าชี้ก็จบ แต่นี่ยังไม่ชี้
"ส่วนเรื่องเดือนเมษาฯ ตนนั่งอยู่ ทำงานอยู่ด้วยกัน ไม่มีใครอยากให้เกิดอย่างที่เกิดหรอกครับ ที่พัทยา หรืออะไรต่างๆ แต่นั่งอยู่ด้วยกันคุยกันอย่างตรงไปตรงมา รู้ว่ามีข้อจำกัดอะไร และผมก็ให้โอกาสคนทำงาน และอย่างเที่ยวนี้ การปลดล็อกคดี ที่มีข้อห่วงใย ข้อครหาอะไร ท่านก็เป็นคนตัดสินใจด้วยตัวเอง ผมก็คิดว่าขณะนี้ทำงานด้วยกันได้ ไม่มีปัญหาอะไร"
นายเจิมศักดิ์ ถามว่า มีคนบอกว่า ท่านนายกฯ พยายามเลี่ยงที่จะปลด หรือจะย้าย แล้วก็จะอาศัยจังหวะให้ ป.ป.ช.ชี้มูล แล้วมันก็จบกันไป ฉะนั้นช่วงนี้ ก็ไปตกลงกันแบบไทยไทย ตนเคยเป็นบอร์ดท่าอากาศยาน คนที่เป็น ผอ.ใหญ่ เห็นมีปัญหาก็แทนที่จะปลดออก ไล่ออก ก็กลัวเสียประวัติ ก็คุยกันซะให้ลาออกเอง หรือให้ทำอะไรต่ออะไร ก็เป็นแบบไทยไทย อันนี้ท่านนายกฯ ทำแบบไทยไทย หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คือตนไม่รู้ว่า แบบไทยไทย หรือไม่ไทยไทย แต่ตนทำงานตนให้เกียรติทุกคนและให้ความเป็นธรรมทุกคน ถ้าตนจะปลดใคร ก็คงต้องมีเหตุผลที่ชัดเจน เพราะว่าจะปลดตามใจชอบเพราะความรู้สึกก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้น ตนตั้งไว้ 3 เรื่อง คือ หนึ่งคดีเดินได้ สอง ทุกคนได้รับความเป็นธรรม สาม การบริหารองค์กรไม่เสียหาย แนวทางที่ออกมาก็ตรงตามกับวัตถุประสงค์ทั้ง สามข้อ แต่จะไทย หรือฝรั่ง ไม่ทราบ แต่คิดว่าแนวทางนี้ ทุกฝ่าย คนทำคดี ผบ.ตร. คนคุมนโยบาย ทุกฝ่ายพอใจแนวทางนี้ งานเดินได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อนายเจิมศักดิ์ ถามต่อว่าภายใน 30 ก.ย. เราคงได้เห็น ซึ่งนายอภิสิทธิ์ ได้ชิงตอบทันทีว่า "ผมหวังจะเห็นอย่างนั้นนะครับ แต่ว่าอันนี้พนักงานสอบสวน ก็ต้องเดินหน้าเต็มที่ แต่ว่าคุยกับเขา เขาก็ค่อนข้างมั่นใจ"
**ไม่จำเป็นต้องให้สุเทพดูแล
ต่อมา เมื่อเวลา 11.25 น. ที่ท่าอากาศยานกองการบิน กรมการขนส่งทางบก นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์อีกครั้ง ก่อนเดินทางลงพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ถึงกรณีที่นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย แนะนำให้นายกฯ ถอยจากคดีลอบยิงนายสนธิ และควรมอบหมายให้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ดูแลแทน ว่า เวลานี้ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว พนักงานสอบสวนสามารถเดินหน้าได้ คงไม่มีปัญหาอะไรแล้ว
เมื่อถามว่า มีข่าวออกมาว่ามีการบีบให้การทำคดีเสร็จภายใน 7 วัน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มี การทำคดีต้องรอบคอบรัดกุม ไม่ต้องไปขีดเส้นตาย แล้วทำให้มีปัญหาในการดำเนินคดี เราต้องการให้มีความตรงไปตรงมา แบบมีประสิทธิภาพที่สุด
"ผมบอกเขาแล้วว่า ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องไปขีดเส้นตายอย่างนั้น แต่ตัว พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผบ.ตร ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีนายสนธิ จะเกษียณ ท่านก็มั่นใจว่าท่านทำได้" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ความมั่นใจของคนทำคดีเป็นอย่างไร นายอภสิทธิ์ กล่าวว่า ก็ดีมาก เมื่อวาน (1ส.ค.) ที่เชิญมาคุยเพื่อให้เกิดความมั่นใจ ทั้ง 2 ท่าน ก็บอกว่าพร้อมทำงานเต็มที่ เมื่อถามว่าการายงานความคืบหน้าของคดี คงไม่ต้องมารายงานกับนายกรัฐมนตรีแล้วใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าไม่มีปัญหาอุปสรรคอะไรใหม่ ก็ไม่จำเป็น สามารถเดินหน้าได้เลย เมื่อถามว่าปัญหาอุปสรรคเดิมคงไม่กลับมาอีกแล้ว นายอภสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่น่าจะมี เพราะถาม 2 ท่าน ก็ไม่มีปัญหาอะไร
**ยังกั๊กเรื่องรักษาการ ผบ.ตร.
เมื่อถามว่าวันลาของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ จะเพียงพอต่อการทำคดีหรือไม่ นายอภสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องเวลา สัปดาห์นี้จะดูกันอีกครั้ง ส่วนเรื่องคดีเดินหน้าเต็มที่แล้ว
เมื่อถามว่าขณะนี้มีการหารือเรื่องผู้ที่จะมาปฏิบัติหน้าที่แทนแล้วหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จะคุยกับนายสุเทพ เมื่อถามว่าเป็นอำนาจของนายกฯ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นอำนาจของนายกฯ แต่การปฏิบัติงานเกี่ยวกับตำรวจได้มอบหมายให้นายสุเทพ ส่วนหนึ่ง จึงจะมาคุยกัน
เมื่อถามว่า ต้องถามความเห็นของ ผบ.ตร. ด้วยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนจะคุยกับนายสุเทพ เมื่อถามว่าจะดูตามหลักอาวุโสหรือตามลำดับ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ดูตามความเหมาะสม และให้ทำงานได้
เมื่อถามถึงพรรคเพื่อไทย จะยื่นถอดถอน โดยอ้างว่าเข้าไปยุ่งเรื่องโผโยกย้ายนายพลตำรวจ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มี ยังไม่เข้าใจเลยว่าเรื่องอะไร
**จับตาตั้ง"ธานี"รักษาการผบ.ตร.
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าในการแต่งตั้งรักษาการผบ.ตร.ว่า นายอภิสิทธิ์ จะลงดาบสองฟัน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ที่แสดงท่าทีจะดื้อแพ่ง ไม่ยอมปฏิบัติตามข้อเสนอที่ให้ลาพักและหยุดปฏิบัติหน้าที่ ผบ.ตร. เป็นเวลาหนึ่งเดือน โดยจะใช้อำนาจนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานคณะกรรมการตำรวจแห่งชาติ ตั้งรอง ผบ.ตร. ขึ้นมาทำหน้าที่รักษาการแทนทันที ภายในวันพุธที่ 5 ส.ค.นี้
ส่วนบุคคลที่อยู่ในข่ายจะได้รับการแต่งตั้งในครั้งนี้ ก็มี พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ และพล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ แต่โอกาสที่จะเซ็นคำสั่งให้ พล.ต.อ.ธานี ขึ้นมาคุมสำนักงานตำรวจแห่งชาติแทนมีมากกว่า เนื่องจากเป็นคนทำคดีลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล ถ้าหากได้อำนาจก็จะทำให้คดีนี้เดินหน้าไปได้ ซึ่งนายอภิสิทธิ์ ได้ย้ำในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยฯ ด้วยว่า อยากให้คดีนี้ปิดสำนวนได้ก่อนที่ พล.ต.อ.ธานี เกษียณ
**ไม่ห่วงเรื่องถอดถอนนายกฯ
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกส่วนตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีสมาชิกพรรคเพื่อไทย จะยื่นถอดถอนนายกรัฐมนตรี โดยกล่าวหาว่าไปขัดขวางการโยกย้ายแต่งตั้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ซึ่ง อาจขัดมาตรา 265 และ 266 ของรัฐธรรมนูญ ที่เป็นการแทรกแซงการโยกย้ายข้าราชการ ว่า เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดที่นายกฯ จะต้องมีความผิดตามรัฐธรรมนูญ เพราะเรื่องนี้นายกฯ ดูกฎหมายมาตลอด และสามารถทำได้ ในฐานะที่เป็นนายกฯ
นายเทพไท กล่าวว่า การที่นายกฯ บอกว่าควรจะให้ ผบ.ตร. คนใหม่มาดูการแต่งตั้งโยกย้าย ก็ใช้อำนาจในฐานะเป็นผู้บริหารสูงสุด และเป็นการให้นโยบายกับ สตช. ไม่ได้เป็นการเข้าไปแทรกแซงที่จะชี้ว่า ควรจะโยกย้ายคนนั้นคนนี้ ให้ดำรงตำแหน่งนั้นตำแหน่งนี้ ซึ่งตรงนั้นอาจจะเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 265 และ 266 จริง แต่การดำเนินการดังกล่าว เป็นการให้แนวทางในการปฏิบัติหน้าที่ ว่าควรจะให้ ผบ.ตร. คนใหม่เป็นผู้แต่งตั้งผู้ใต้บังคับบัญชา เพื่อความเป็นเอกภาพ และความคล่องตัวในการปฏิบัติหน้าที่ของ ผบ.ตร.คนใหม่เท่านั้นเอง เรื่องนี้เป็นประเด็นเล็กๆ ที่พรรคเพื่อไทย พยายามที่จะหยิบมาเป็นประเด็นทางการเมือง เพื่อให้ปรากฏในหน้าหนังสือพิมพ์เท่านั้นเอง โดยไม่ได้หวังผลอะไรมากกว่านี้
ส่วนที่มีการวิเคราะห์กันว่านายกฯ ต้องการที่จะจัดแถวตำรวจเพื่อเตรียมการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้นั้น พรรคเพื่อไทยวิเคราะห์มาหลายครั้งแล้ว เป็นการฝันกลางวันของคนในพรรคเพื่อไทย วันนี้ไม่มีสัญญาณใดๆ ที่จะเห็นว่ารัฐบาลจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง หรือการเมืองมาสู่ทางตัน ที่จะต้องมีการยุบสภาเลือกตั้งใหม่ วันนี้บ้านเมืองกำลังเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ไม่มีเหตุผลใดที่รัฐบาลจะต้องยุบสภาและเตรียมการเลือกตั้งใหม่ การปล่อยข่าวลือเรื่องการปฏิวัติเงียบของสมาชิกพรรคเพื่อไทยเป็นการสร้างกระแสข่าวเพื่อสร้างแรงกระเพื่อมให้เกิดขึ้นในสังคมเท่านั้น ทั้งที่เรื่องดังกล่าวไม่มีมูลความจริงแต่อย่างใด รัฐบาลกำลังบริหารไปได้ด้วยดี การทุจริตคอร์รัปชันก็ไม่ได้เกิดขึ้น เพราะฉะนั้น การปฏิวัติเป็นเหตุผลที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นในขณะนี้ เป็นการวิเคราะห์และการสร้างข่าวของพรรคเพื่อไทยเท่านั้นเอง
**วงษ์สุวรรณกินข้าวชื่นมื่น
วานนี้(2 ส.ค.)ที่บ้านเลขที่ 58 ซอยลาดพร้าว 71 แขวงและเขตวังทองหลาง ซึ่งเป็นบ้านพักของมารดา พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. พล.ต.อ.พัชรวาท ได้เดินทางมารับประทานอาหารเช้าร่วมกับมารดา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และญาติพี่น้องโดยนายพงษ์พันธ์ วงษ์สุวรรณ หรือ "โค้ชก๊อก"ผู้ฝึกสอนทีม ทีโอที เอฟซี น้องชายคนที่ 4 ของ พล.ต.อ.พัชรวาท และผู้บริหารสโมสรฟุตบอล ทีโอที ทีมฟุตบอลในไทยแลนด์ พรีเมียร์ ลีก เข้ามามอบดอกไม้ให้กำลังใจ โดยบรรยากาศภายในบ้านเต็มไปด้วยความชื่นมื่น
นายพงษ์พันธ์ กล่าวว่า พี่ชายไม่ได้เล่าอะไรให้ฟังเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น รู้แต่ว่าพี่ชายยังมีกำลังใจดี และมุ่งมั่นที่จะทำงานต่อไป ซึ่งจะเป็นการกลั่นแกล้งกันหรือไม่ ตนไม่ทราบ แต่ส่วนตัวมองว่า เป็นเรื่องการเมือง
ขณะที่ พล.ต.อ.พัชรวาท ยังมีสีหน้ายิ้มแย้มตลอดเวลา ไม่มีอาการเคร่งเครียดให้เห็น หลังช่วงที่ผ่านมาต้องเผชิญกับข่าวการถูกปลดออกจากตำแหน่ง ผบ.ตร. ทุกวัน โดยมีรายงานว่า วันพรุ่งนี้จะไปทำงานตามปกติ ก่อนที่จะเดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่ประเทศจีน ในวันที่ 5 สิงหาคมนี้ เป็นเวลา 10 วัน จากนั้นจะกลับมาทำงานต่อ ไม่มีการลาราชการตามที่นายกรัฐมนตรีออกมาระบุ