ASTVผู้จัดการรายวัน-“ปิยะพันธ์”แจงเหตุเบี้ยวชี้แจงกรรมาธิการเรื่องยูโรทู ยันติดภารกิจจริง เปิดใจพร้อมชี้แจง ยันประมูลถูกต้อง คลังตอบกลับไม่มีปัญหาเรื่องไม่มีกรอบวงเงิน แจงบริสุทธิ์ใจชี้แจงสังคมเหตุขสมก.ถูกกล่าวหาเช่าเอ็นจีวี ไม่โปร่งใส โต้ไม่ได้ปกป้องนักการเมือง เปิดกว้างขุดคุ้ยได้ แต่กล่าวทุจริตไม่เหมาะสม พร้อมปกป้องตัวเองตามสิทธิ์ ขณะที่”“พิเณศวร์” ลาออกหลังลาป่วยครบกำหนด อ้างปัญหาสุขภาพ บอร์ดตั้ง
”โอภาส”รักษาการแทน เร่งสนข.สรุปข้อมูลส่งสศช.ในเวลาที่กำหนด
นายปิยะพันธ์ จัมปาสุต ประธานคณะกรรมการบริหาร องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยถึงกรณีที่ถูกคณะกรรมาธิการการคมนาคม และคณะกรรมาธิการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร ระบุว่าบ่ายเบี่ยงไม่ให้ความร่วมมือในการไม่ไปชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการฯ เรื่องโครงการเช่ารถโดยสารปรับอากาศใช้ก๊าซธรรมชาติ (NGV) จำนวน 4,000 คัน
โดยยืนยันว่าไม่ได้หลีกเลี่ยง แต่ติดภารกิจ ทั้ง 3 ครั้ง โดยครั้งแรก วันที่ 2 มิ.ย.2552 ติดถ่ายรายการ “อร่อยร้อยเส้นทาง” ครั้งที่ 2 วันที่ 9 มิ.ย. มีนัดกับกองบก.หนังสือพิมพ์มติชน ซึ่งนัดกันก่อนที่กรรมาธิการจะเรียกไปชี้แจงและครั้งที่ 3 วันที่ 16 มิ.ย.ติดถ่ายรายการเช่นกัน ซึ่งได้มอบหมายให้นายชัยรัตน์ สงวนชื่อ อธิบดีกรมการขนส่งทางบกในฐานะรักษาการผู้อำนายการขสมก.ไปชี้แจงแทน
“ยืนยันว่า เคารพในสถาบันนิติบัญญัติและพร้อมให้ความร่วมมือ โดยได้แสดงความจริงใจในการชี้แจงข้อมูล โดยได้ทำหนังสือถึงกรรมาธิการฯ แจ้งวันที่สามารถเข้าไปชี้แจงได้ คือ วันอังคารที่ 23 มิ.ย.2552 เวลา 13.00-17.00 น. ส่วนอังคารที่ 30 มิ.ย.นั้นติดภารกิจ ถ้ากรรมาธิการฯยังอยากเชิญให้ไปตอบข้อซักถามก็ยินดีไป”
ส่วนกรณีที่มีการขุดคุ้ยการเช่ารถยูโรทู 500 คันเมื่อปี 2543 นั้น นายปิยะพันธ์กล่าวว่า เป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้ และตนไม่มีปัญหาไม่เดือดร้อนหรือวิตกกังวลใดๆ แต่ไม่ต้องการให้ใช้คำพูดว่า มีการทุจริตเพราะถือเป็นการกล่าวหา ซึ่งตนจะต้องป้องกันตนเองตามที่เห็นสมควรต่อไป ทั้งนี้เนื่องจาก กรณีการเช่ารถยูโรทูดังกล่าว
“ในขณะนั้นตนเป็นบอร์ดขสมก.และได้รับมอบหมายให้เป็นประธานคณะกรรมการพิจารณาการประกวดราคาและต่อรองราคา และได้สรุปเรื่องเสนอบอร์ดในขณะนั้นและกระทรวงการคลังเพื่ออนุมัติตามขั้นตอน”
นายปิยะพันธ์ชี้แจง การเช่ารถยูโรทู 500 คันว่า ในการดำเนินงานของขสมก. ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจจะไม่มีกรอบวงเงินจะใช้ราคาประมาณการและการประมูลดังกล่าวจะเลือกผู้ที่เสนอราคาต่ำสุด ไม่เหมือนหน่วยงานราชการที่ต้องใช้คำว่าวงเงิน ซึ่งข้อกล่าวหาว่าเกินวงเงิน กระทรวงคมนาคมในขณะนั้นได้มีการตั้งกรรมการสอบสวนและหารือกระทรวงการคลังกรณีว่าเป็นวงเงินหรือไม่ซึ่งคลังได้ตอบยืนยันว่าไม่ใช่วงเงิน แต่ราคาปี 2541 เป็นราคาอ้างอิง เพื่อทำแผนการเช่ารถเสนอ สศช.
นายปิยะพันธ์กล่าวว่า คำตอบของกระทรวงการคลังถือว่า เรื่องดังกล่าวยุติแล้ว และที่ผ่านมาไม่มีการสอบสวนใดๆ อีก ทั้งปปช.และสตง.โดยยืนยันว่า กระทรวงการคลังได้ทำหนังสือลงวันที่ 8 พ.ย.2549ยืนยันว่าการเสนอทำสัญญาเช่ารถยูโรทู ไม่ทำให้ขสมก.เสียหายและกรรมการประกวดราคาไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ รวมถึงผู้บริหารและบอร์ดขสมก.ในขณะนั้นด้วย ถือเป็นข้อยืนยัน ดังกล่าว จึงทำให้ตนไม่กังวลเรื่องที่กรรมาธิการฯออกมาระบุในขณะนี้
นายปิยะพันธ์กล่าวถึงกรณีที่มีติดคัตเอ้าต์ชี้แจงโครงการเช่ารถเอ็นจีวี 4,000 คัน ว่า เป็นเรื่องของฝ่ายบริหารขสมก. ไม่เกี่ยวกับบอร์ด แต่ส่วนตัวเห็นด้วยกับการชี้แจงดังกล่าว เพราะขสมก.ถูกกล่าวหาว่าไม่โปร่งใส โครงการมีเงินตกหล่น ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงขององค์กร จำเป็นต้องชี้แจง ซึ่งงบประมาณที่ใช้ถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับหน่วยงานอื่น
อย่างไรก็ตาม การที่ตนออกชี้แจงผ่านสื่อต่างๆ ไม่ได้เป็นการปกป้องหรือตอบโต้แทนนักการเมือง เป็นการทำหน้าที่ในฐานะประธานบอร์ดด้วยความบริสุทธิ์ใจและชี้แจงตามหลักการที่บอร์ดได้เห็นชอบแผนฟื้นฟูขสมก. และมั่นใจว่าเป็นแนวทางที่ดีที่สุดที่จะเกิดประโยชน์ต่อขสมก. ส่วนการเช่ารถเอ็นจีวี4,000 คันนั้น บอร์ดเห็นชอบตามที่ฝ่ายบริหารขสมก.เสนอ เพราะเห็นว่าเป็นโครงการที่ดี ยกระดับคนกรุงเทพฯ มีความสมเหตุสมผล แต่หากรัฐบาลเห็นว่า การซื้อดีกว่าหรือจะยกเลิกโครงการ ก็ถือว่าบอร์ดได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว
ส่วนความคืบหน้าการที่คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จัดทำหนังสือให้ส่งรายละเอียดแผนฟื้นฟู ขสมก.ภายใน 10 วัน ยืนยันว่าจะส่งข้อมูลให้ได้ภายในวันที่ 18 มิ.ย. นี้ เรื่องดังกล่าว โดยขณะนี้ สำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) และขสมก.ประสานงานร่วมกันในการสรุปข้อมูลส่งสศช.
นายชัยรัตน์ สงวนชื่อ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ในฐานะรักษาการผอ.ขสมก.กล่าวว่า โครงการเช่ารถเอ็นจีวี 4,000 คัน ขสมก.ได้ตั้งงบด้านประชาสัมพันธ์ไว้ 4 ล้านบาท ซึ่งการชี้แจงความโปร่งใสโครงการเป็นเรื่องที่ดำเนินการตามขั้นตอนและเหตุผลที่ต้องชี้แจงทำความเข้าใจต่อสังคม
สำหรับความคืบหน้านั้นการจัดทำข้อมูลส่งสศช.นั้นขณะนี้ได้จัดทำเป็น 2 ส่วนโดยส่วนแรกเป็นข้อมูลที่ส่งมาที่กระทรวงคมนาคม และกระทรวงคมนาคมได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายและแผนการขนส่งและการจราจร(สนข.) จัดทำรายละเอียดในเรื่องของ การจราจร การเดินทางเชื่อมต่อทุกรูปแบบ
ส่วนที่สองเป็นข้อมูลที่ส่งมาให้กับฝ่ายบริหารรวมรวมข้อมูลทุกๆประเด็นตามข้อสงสัยของสศช. ขณะนี้เจ้าหน้าขสมก.ได้จัดทำข้อมูลคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 18 มิ.ย.2552 และส่งให้กับสศช.ได้ตามกำหนด
นายปิยะพันธ์กล่าวอีกว่า บอร์ดอนุมัติหนังสือลาออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการขสมก.ของนายพิเณศวร์ พัวพัฒนกุล โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 19 มิ.ย.2552 โดยนายพิเณศวร์ระบุว่าเหตุว่ามีปัญหาสุขภาพซึ่งมีใบรับรองแพทย์ยืนยัน โดยบอร์ดได้แต่งตั้ง นายโอภาส เพชรมุณี กรรมบอร์ดทำหน้าที่รักษาการ ผอ.ขสมก.แทน เนื่องจากนายโอภาสเคยเป็นบอร์ดขสมก.และเคยรักษาการผอ.ขสมก.ตั้งแต่สมัยนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล และพลเรือเอก ธีระ ห้าวเจริญเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จึงถือเป็นผู้มีความเข้าใจทั้งเรื่องแผนฟื้นฟูขสมก. รวมถึงโครงการเช่ารถเมล์ ขสมก.4,000 คันมาตั้งแต่ต้น
ขณะที่นายชัยรัตน์กล่าวถึงสาเหตุที่ไม่รับตำแหน่งรักษาการ ผอ.ขสมก.ต่อไป เนื่องจาก ขสมก.เป็นองค์กรใหญ่และให้บริการสาธารณะ ประกอบกับตนต้องปฎิบัติหน้าที่ในฐานะอธิบดีกรมการขนส่งทางบก(ขบ.) ซึ่งมีภารกิจมาก เกรงว่าจะให้ปฏิบัติหน้าที่ไม่ดีพอ
ทั้งนี้ นายโอภาสเคยรับตำแหน่งกรรมการและรักษาการผอ.ขสมก. และได้ยื่นหนังสื่อลาออกจากตำแหน่งรักษาการ ผู้อำนวยการ ขสมก. ในระหว่างการประชุมบอร์ด ขสมก. เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 2549 โดยที่ประชุมได้อนุมัติตามที่เสนอ และมีผลตั้งแต่ วันที่ 1 ม.ค. 2550 ซึ่ง นายโอภาส ยังคงเป็นบอร์ด ขสมก. และในระหว่างที่ไม่มีรักษาการ ผอ.ขสมก. ที่ประชุมบอร์ดแต่งตั้งนายสุกรี คุ้มพันธ์ อดีตผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ ซึ่งเป็นบอร์ด ขสมก.รักษาการตำแหน่ง ผอ.ขสมก.
ส่วนกรณีที่นายพิเณศวร์ นั้น ก่อนหน้านี้ได้ลาป่วยตั้งแต่วันที่ 12 พ.ค. 2552 เป็นเวลา 1 เดือนและต่อด้วยลาพักผ่อนประจำปีอีก 1 สัปดาห์โดยอ้างเหตุผลเรื่องสุขภาพนั้น คาดว่าสาเหตุหลักส่วนหนึ่งมาจากแรงกดดันจากหลาย ๆ จากกรณีการเช้ารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คันเป็นหลัก
”โอภาส”รักษาการแทน เร่งสนข.สรุปข้อมูลส่งสศช.ในเวลาที่กำหนด
นายปิยะพันธ์ จัมปาสุต ประธานคณะกรรมการบริหาร องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยถึงกรณีที่ถูกคณะกรรมาธิการการคมนาคม และคณะกรรมาธิการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร ระบุว่าบ่ายเบี่ยงไม่ให้ความร่วมมือในการไม่ไปชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการฯ เรื่องโครงการเช่ารถโดยสารปรับอากาศใช้ก๊าซธรรมชาติ (NGV) จำนวน 4,000 คัน
โดยยืนยันว่าไม่ได้หลีกเลี่ยง แต่ติดภารกิจ ทั้ง 3 ครั้ง โดยครั้งแรก วันที่ 2 มิ.ย.2552 ติดถ่ายรายการ “อร่อยร้อยเส้นทาง” ครั้งที่ 2 วันที่ 9 มิ.ย. มีนัดกับกองบก.หนังสือพิมพ์มติชน ซึ่งนัดกันก่อนที่กรรมาธิการจะเรียกไปชี้แจงและครั้งที่ 3 วันที่ 16 มิ.ย.ติดถ่ายรายการเช่นกัน ซึ่งได้มอบหมายให้นายชัยรัตน์ สงวนชื่อ อธิบดีกรมการขนส่งทางบกในฐานะรักษาการผู้อำนายการขสมก.ไปชี้แจงแทน
“ยืนยันว่า เคารพในสถาบันนิติบัญญัติและพร้อมให้ความร่วมมือ โดยได้แสดงความจริงใจในการชี้แจงข้อมูล โดยได้ทำหนังสือถึงกรรมาธิการฯ แจ้งวันที่สามารถเข้าไปชี้แจงได้ คือ วันอังคารที่ 23 มิ.ย.2552 เวลา 13.00-17.00 น. ส่วนอังคารที่ 30 มิ.ย.นั้นติดภารกิจ ถ้ากรรมาธิการฯยังอยากเชิญให้ไปตอบข้อซักถามก็ยินดีไป”
ส่วนกรณีที่มีการขุดคุ้ยการเช่ารถยูโรทู 500 คันเมื่อปี 2543 นั้น นายปิยะพันธ์กล่าวว่า เป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้ และตนไม่มีปัญหาไม่เดือดร้อนหรือวิตกกังวลใดๆ แต่ไม่ต้องการให้ใช้คำพูดว่า มีการทุจริตเพราะถือเป็นการกล่าวหา ซึ่งตนจะต้องป้องกันตนเองตามที่เห็นสมควรต่อไป ทั้งนี้เนื่องจาก กรณีการเช่ารถยูโรทูดังกล่าว
“ในขณะนั้นตนเป็นบอร์ดขสมก.และได้รับมอบหมายให้เป็นประธานคณะกรรมการพิจารณาการประกวดราคาและต่อรองราคา และได้สรุปเรื่องเสนอบอร์ดในขณะนั้นและกระทรวงการคลังเพื่ออนุมัติตามขั้นตอน”
นายปิยะพันธ์ชี้แจง การเช่ารถยูโรทู 500 คันว่า ในการดำเนินงานของขสมก. ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจจะไม่มีกรอบวงเงินจะใช้ราคาประมาณการและการประมูลดังกล่าวจะเลือกผู้ที่เสนอราคาต่ำสุด ไม่เหมือนหน่วยงานราชการที่ต้องใช้คำว่าวงเงิน ซึ่งข้อกล่าวหาว่าเกินวงเงิน กระทรวงคมนาคมในขณะนั้นได้มีการตั้งกรรมการสอบสวนและหารือกระทรวงการคลังกรณีว่าเป็นวงเงินหรือไม่ซึ่งคลังได้ตอบยืนยันว่าไม่ใช่วงเงิน แต่ราคาปี 2541 เป็นราคาอ้างอิง เพื่อทำแผนการเช่ารถเสนอ สศช.
นายปิยะพันธ์กล่าวว่า คำตอบของกระทรวงการคลังถือว่า เรื่องดังกล่าวยุติแล้ว และที่ผ่านมาไม่มีการสอบสวนใดๆ อีก ทั้งปปช.และสตง.โดยยืนยันว่า กระทรวงการคลังได้ทำหนังสือลงวันที่ 8 พ.ย.2549ยืนยันว่าการเสนอทำสัญญาเช่ารถยูโรทู ไม่ทำให้ขสมก.เสียหายและกรรมการประกวดราคาไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ รวมถึงผู้บริหารและบอร์ดขสมก.ในขณะนั้นด้วย ถือเป็นข้อยืนยัน ดังกล่าว จึงทำให้ตนไม่กังวลเรื่องที่กรรมาธิการฯออกมาระบุในขณะนี้
นายปิยะพันธ์กล่าวถึงกรณีที่มีติดคัตเอ้าต์ชี้แจงโครงการเช่ารถเอ็นจีวี 4,000 คัน ว่า เป็นเรื่องของฝ่ายบริหารขสมก. ไม่เกี่ยวกับบอร์ด แต่ส่วนตัวเห็นด้วยกับการชี้แจงดังกล่าว เพราะขสมก.ถูกกล่าวหาว่าไม่โปร่งใส โครงการมีเงินตกหล่น ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงขององค์กร จำเป็นต้องชี้แจง ซึ่งงบประมาณที่ใช้ถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับหน่วยงานอื่น
อย่างไรก็ตาม การที่ตนออกชี้แจงผ่านสื่อต่างๆ ไม่ได้เป็นการปกป้องหรือตอบโต้แทนนักการเมือง เป็นการทำหน้าที่ในฐานะประธานบอร์ดด้วยความบริสุทธิ์ใจและชี้แจงตามหลักการที่บอร์ดได้เห็นชอบแผนฟื้นฟูขสมก. และมั่นใจว่าเป็นแนวทางที่ดีที่สุดที่จะเกิดประโยชน์ต่อขสมก. ส่วนการเช่ารถเอ็นจีวี4,000 คันนั้น บอร์ดเห็นชอบตามที่ฝ่ายบริหารขสมก.เสนอ เพราะเห็นว่าเป็นโครงการที่ดี ยกระดับคนกรุงเทพฯ มีความสมเหตุสมผล แต่หากรัฐบาลเห็นว่า การซื้อดีกว่าหรือจะยกเลิกโครงการ ก็ถือว่าบอร์ดได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว
ส่วนความคืบหน้าการที่คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จัดทำหนังสือให้ส่งรายละเอียดแผนฟื้นฟู ขสมก.ภายใน 10 วัน ยืนยันว่าจะส่งข้อมูลให้ได้ภายในวันที่ 18 มิ.ย. นี้ เรื่องดังกล่าว โดยขณะนี้ สำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) และขสมก.ประสานงานร่วมกันในการสรุปข้อมูลส่งสศช.
นายชัยรัตน์ สงวนชื่อ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ในฐานะรักษาการผอ.ขสมก.กล่าวว่า โครงการเช่ารถเอ็นจีวี 4,000 คัน ขสมก.ได้ตั้งงบด้านประชาสัมพันธ์ไว้ 4 ล้านบาท ซึ่งการชี้แจงความโปร่งใสโครงการเป็นเรื่องที่ดำเนินการตามขั้นตอนและเหตุผลที่ต้องชี้แจงทำความเข้าใจต่อสังคม
สำหรับความคืบหน้านั้นการจัดทำข้อมูลส่งสศช.นั้นขณะนี้ได้จัดทำเป็น 2 ส่วนโดยส่วนแรกเป็นข้อมูลที่ส่งมาที่กระทรวงคมนาคม และกระทรวงคมนาคมได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายและแผนการขนส่งและการจราจร(สนข.) จัดทำรายละเอียดในเรื่องของ การจราจร การเดินทางเชื่อมต่อทุกรูปแบบ
ส่วนที่สองเป็นข้อมูลที่ส่งมาให้กับฝ่ายบริหารรวมรวมข้อมูลทุกๆประเด็นตามข้อสงสัยของสศช. ขณะนี้เจ้าหน้าขสมก.ได้จัดทำข้อมูลคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 18 มิ.ย.2552 และส่งให้กับสศช.ได้ตามกำหนด
นายปิยะพันธ์กล่าวอีกว่า บอร์ดอนุมัติหนังสือลาออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการขสมก.ของนายพิเณศวร์ พัวพัฒนกุล โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 19 มิ.ย.2552 โดยนายพิเณศวร์ระบุว่าเหตุว่ามีปัญหาสุขภาพซึ่งมีใบรับรองแพทย์ยืนยัน โดยบอร์ดได้แต่งตั้ง นายโอภาส เพชรมุณี กรรมบอร์ดทำหน้าที่รักษาการ ผอ.ขสมก.แทน เนื่องจากนายโอภาสเคยเป็นบอร์ดขสมก.และเคยรักษาการผอ.ขสมก.ตั้งแต่สมัยนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล และพลเรือเอก ธีระ ห้าวเจริญเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จึงถือเป็นผู้มีความเข้าใจทั้งเรื่องแผนฟื้นฟูขสมก. รวมถึงโครงการเช่ารถเมล์ ขสมก.4,000 คันมาตั้งแต่ต้น
ขณะที่นายชัยรัตน์กล่าวถึงสาเหตุที่ไม่รับตำแหน่งรักษาการ ผอ.ขสมก.ต่อไป เนื่องจาก ขสมก.เป็นองค์กรใหญ่และให้บริการสาธารณะ ประกอบกับตนต้องปฎิบัติหน้าที่ในฐานะอธิบดีกรมการขนส่งทางบก(ขบ.) ซึ่งมีภารกิจมาก เกรงว่าจะให้ปฏิบัติหน้าที่ไม่ดีพอ
ทั้งนี้ นายโอภาสเคยรับตำแหน่งกรรมการและรักษาการผอ.ขสมก. และได้ยื่นหนังสื่อลาออกจากตำแหน่งรักษาการ ผู้อำนวยการ ขสมก. ในระหว่างการประชุมบอร์ด ขสมก. เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 2549 โดยที่ประชุมได้อนุมัติตามที่เสนอ และมีผลตั้งแต่ วันที่ 1 ม.ค. 2550 ซึ่ง นายโอภาส ยังคงเป็นบอร์ด ขสมก. และในระหว่างที่ไม่มีรักษาการ ผอ.ขสมก. ที่ประชุมบอร์ดแต่งตั้งนายสุกรี คุ้มพันธ์ อดีตผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ ซึ่งเป็นบอร์ด ขสมก.รักษาการตำแหน่ง ผอ.ขสมก.
ส่วนกรณีที่นายพิเณศวร์ นั้น ก่อนหน้านี้ได้ลาป่วยตั้งแต่วันที่ 12 พ.ค. 2552 เป็นเวลา 1 เดือนและต่อด้วยลาพักผ่อนประจำปีอีก 1 สัปดาห์โดยอ้างเหตุผลเรื่องสุขภาพนั้น คาดว่าสาเหตุหลักส่วนหนึ่งมาจากแรงกดดันจากหลาย ๆ จากกรณีการเช้ารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คันเป็นหลัก