“อภิสิทธิ์” ค้าน ส.ส.-ส.ว.ลาออก ชี้ ทำหน้าที่นิติบัญญัติไม่ใช่ฝ่ายบริหาร

นายกฯยืนกรานไม่เห็นด้วย ส.ว.-ส.ส.หลังถูก กกต.ชี้พ้นสภาพ ระบุ ไม่เกี่ยวกับตำแหน่งบริหาร แนะอดใจรอศาล รธน.วินิจฉัย ป้อง “เทพเทือก” ไม่ผิดกฎเหล็ก 9 ข้อ นั่งรองนายกฯต่อได้ ชี้ การลาออก ส.ส.ถือเป็นเอกสิทธิ์ส่วนตัวแม้จะไม่เห็นด้วย



วันนี้ (19 ก.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์” ถึงมติคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) วินิจฉัยให้ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ขาดคุณสมบัติ โดย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค ได้ลาออกจากการเป็น ส.ส.ว่า เข้าใจว่า มี ส.ส.และ ส.ว.ประมาณ 60 คน ถือหุ้น ทาง กกต.ได้พิจารณาหลังได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ ใครที่ถือหุ้นในบริษัทที่เกียวข้องกับสื่อมวลชนหรือเป็นคู่สัญญากับรัฐในลักษณะของการรับสัมปทาน กกต.ก็ตีความว่าขาดคุณสมบัติ แต่คนเหล่านี้มีความเห็นที่ไม่ตรง เพราะว่าตัวเองถือหุ้นเล็กกน้อย ไม่เพียงพอที่จะเกี่ยวข้องกับการบริหารแทรกแซงอะไรต่างๆ เป็นคนละมุมมองกัน คนที่จะต้องชี้ขาดคือศาลรัฐธรรมนูญว่าเป็นอย่างไร

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา กกต.ได้ทยอยพิจารณา ซึ่งมี 16 ส.ว. 13 ส.ส.จากพรรคประชาธิปัตย์ และที่รอคิวอยู่เป็น ส.ส.จากพรรคการเมืองอื่นๆ ทั้งนี้ ขั้นตอนต่อไปต้องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ ตนไม่สนับสนุนให้ ส.ส.และ ส.ว.ลาออก เพราะจะต้องมีการเลือกตั้ง และยังไม่เป็นข้อยุติ ที่สำคัญคือ ตำแหน่ง ส.ส.และ ส.ว.ไม่ใช่ตำแหน่งที่อยู่ในฐานะการบริหารราชการแผ่นดิน อยู่ในฝ่ายนิติบัญญัติ ฉะนั้น คิดว่า น่าจะรอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเป็นบรรทัดฐาน

“กรณีของ นายสุเทพ ท่านให้เหตุผลสองอย่าง หนึ่ง บอกว่า รับไม่ได้กับการตัดสินของ กกต.และสอง ท่านบอกว่า หากยังเป็น ส.ส.อยู่ จะต้องไปต่อสู้คดีในศาลรัฐธรรมนูญ ตรงนี้จะเป็นภาระที่ทำให้กระทบต่อการทำหน้าที่ในฐานะรองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ที่มีภารกิจมากมาย จึงสละสิทธิ์ ไม่ขอต่อสู้ในชั้นศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมลาออกจากการเป็น ส.ส.หากถามว่าทำไมไม่ลาออกจากการเป็นรองนายกฯต้องบอกว่า เมื่อมีปัญหาการมองข้อกฎหมายไม่ตรงกันตรงนี้ นายสุเทพ ได้ขายหุ้นไปหมดก่อนที่จะมาเป็นรองนายกฯ ฉะนั้น นายสุเทพ ไม่เคยหุ้นในฐานะรองนายกฯ และ นายสุเทพ จะปฏิบัติหน้าที่ตรงนี้ต่อไป หากถามผมความจริงนายสุเทพปรารภเรื่องนี้มานานแล้ว ซึ่งผมบอกว่าในส่วนตัวของผมนั้นไม่เห็นด้วยกับการลาออก” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

เมื่อถามว่า ทำไมไม่เห็นด้วยที่จะให้ ส.ส.ลาออก เพื่อเป็นการยกมาตรฐาน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่า ต้องแยกตำแหน่ง ส.ส.กับตำแหน่งทางฝ่ายบริหาร หากเป็นฝ่ายบริหารจะมีความเข้มงวดกวดขันขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง หากทำหน้าที่แล้วมีปัญหา มีผลประโยชน์ทับซ้อน แล้วมีปัญหาโต้แย้งและจะไปถึงศาล คิดว่าฝ่ายบริหารควรจะแสดงออก แต่ฝ่ายนิติบัญญัติเขาไม่ได้มีอำนาจหน้าที่ในการบริหารและไม่ได้เป็นตำแหน่งที่แต่งตั้ง แต่เป็นตำแหน่งที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ในแง่นั้นหาก ส.ส.ลาออกก็ต้องไปเลือกตั้งซ่อม หากถามในทางกลับกันหากลาออก 50 คน เลือกตั้งซ่อม 50 เขต แต่มีคนหนึ่งไม่ลาออก ไปต่อสู้ในชั้นศาลแล้วเกิดชนะขึ้นมา จะไม่ถูกคนว่าหรือไปเสียเงินเลือกตั้งซ่อม 50 เขตทำไม และอย่าลืมว่า ส.ส.ที่ลาออกมีสิทธิ์ไปลงเลือกตั้งด้วย เขาไม่ได้ขาดคุณสมบัติส่วนใหญ่ก็ขายหุ้นไปแล้ว และได้รับเลือกตั้งกลับเข้ามา คนจะไม่บ่นหรือว่าเสียเงินเลือกตั้งไปทำไม 50 เขต

เมื่อถามว่า มีการตั้งคำถามถึงกฎเหล็ก 9 ข้อที่นายกฯตั้งไว้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อันนั้นสำหรับฝ่ายบริหาร ไม่ใช่ฝ่ายนิติบัญญัติ กฎเหล็กในระดับ ส.ส.ก็เรื่องหนึ่ง ของฝ่ายบริหารก็อีกเรื่องหนึ่งและนายสุเทพ ไม่ได้มีปัญหาในฝ่ายบริหาร แต่การลาออกจาก ส.ส.ของนายสุเทพ ได้บอกแล้วว่าไม่เห็นด้วย แต่มันก็เป็นเอกสิทธิ์ของนายสุเทพ