โฆษกนายกฯ เมินเสื้อแดงขู่ฟ้องฐานขัดขวางถวายฏีกา ท้าฟ้อง ปชช.ทั้งประเทศ เพราะไม่มีใครเอาด้วย ย้ำ “แม้ว” ยันไม่มีสิทธิ์จัดงานแซยิดอวดศักดาท้องสนามหลวง เย้ยนอกจากจะเป็น “ทักษิณาธิบดี” ด้านทีมโฆษกสับหัวขวดบิดเบือนอ้างขอภัยโทษเป็นราชประเพณี
วันนี้ (6 ก.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่คนเสื้อแดงขู่ฟ้องผู้ที่ขัดขวางการล่ารายชื่อถวายฎีกา เพราะเป็นกระทำที่ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทว่า เท่าที่ไปพลิกกฎหมายดูไม่เห็นว่าจะมีกฎหมายฉบับใดที่คนเสื้อแดงสามารถนำมาฟ้องได้ หากคนเสื้อแดงจะฟ้องก็ต้องฟ้องคนไทยทั่ว 63 ล้านคนที่รับไม่ได้ต่อการกระทำดังกล่าว การเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นยุทธศาสตร์ทางการเมืองเพื่อกดดันพระราชอำนาจ แบ่งประชาชนเป็น 2 ฝ่าย ทำให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ต้องลำบากพระราชหฤทัย ดังนั้น พ.ต.ท.ทักษิณต้องแสดงความชัดเจน เพราะสามเกลอพูดชัดว่าเป็นสายตรงของ พ.ต.ท.ทักษิณ
นายเทพไทกล่าวว่า ส่วนที่สามเกลอหัวกลมทะเลาะกับนายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ อาจเป็นการช่วงชิงว่าใครใกล้ชิดนายใหญ่มากกว่ากัน นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างภาพว่าสามเกลอจงรักภักดี เพราะไม่เกี่ยวข้องกับนายสุรชัยที่เป็นซ้ายประกาศล้มศักดินา เป็นการแบ่งพวกซ้ายเก่าในกลุ่มคนเสื้อแดงออกเป็น 2 พวก คือซ้ายคอมมิวนิสต์ และซ้ายคอมมิชชัน
โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวด้วยว่า สำหรับกรณีที่คนเสื้อแดงอ้างว่าท้องสนามหลวงเป็นพื้นที่สาธารณะ สามารถใช้จัดงานแซยิดฉลองครบรอบ 60 ปี ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 26 กรกฎาคมได้ว่า
“คนที่จัดงานวันเกิดที่ท้องสนามหลวงได้ มีแต่เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินเท่านั้น คือวัน 5 ธันวามหาราชแลวันที่ 12 สิงหามหาราชินี หาก พ.ต.ท.ทักษิณมาจัดอีก ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นการจัดงาน “ทักษิณาธิบดี” หรือไม่”
ส่วนกรณี นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ระบุว่ารัฐบาลชุดนี้บริหารประเทศล้มเหลวนั้น นายเทพไทกล่าวว่า ปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นเป็นการหมักหมมมาจากรัฐบาลชุดก่อน และรัฐบาลเพิ่งเข้ามาบริหารประเทศได้เพียง 6 เดือนเท่านั้น เชื่อว่าหากงบประมาณปี 53 นำไปสู่การปฏิบัติจะทำให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้นอย่างแน่นอน ส่วนกรณีที่ระบุว่าการแก้ไปปัญหาความขัดแย้งในสังคมล้มเหลวนั้น รัฐบาลได้เปิดโอกาสให้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาทั้งสองชุดผ่านตัวแทนในระบบรัฐสภา แต่ปรากฏว่ามีพรรคพวกของนายจาตุรนต์ออกมายุยงปลุกปั่นประชาชน จนทำให้เกิดความแตกแยกขึ้น ซึ่งเท่ากับเป็นการซ้ำเติมวิกฤตของประเทศ ทั้งๆ ที่นายจาตุรนต์อ้างว่าเป็นนักประชาธิปไตย แต่กลับกระโดดขึ้นเวทีของคนเสื้อแดงจนก่อให้เกิดเหตุการณ์จลาจลกลางเมืองมาแล้ว
ส่วนกรณีที่นายจาตุรนต์ออกมาระบุว่าในรัฐบาลชุดนี้มีการทุจริตคอร์รัปชันเกิดขึ้น นายเทพไทกล่าวว่า อยากให้นายจาตุรนต์ยกตัวอย่างให้ชัดเจนว่า มีโครงการใดบ้างในรัฐบาลชุดนี้ที่มีการทุจริตเกิดขึ้น เพราะยังไม่มีแม้แต่โครงการเดียว ส่วนโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี โครงการขายข้าวโพด และข้าวนั้นก็มีการตรวจสอบหลังจากพบว่ามีข้อสงสัยเพื่อให้เกิดความโปร่งใส และป้องกันไม่ให้มีการทุจริตเกิดขึ้น หากจะออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่ารัฐบาลชุดนี้ทุจจริตคอร์รัปชั่น แต่ทำไมในช่วงรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เห็นนายจาตุรนต์ออกมาวิพากษ์วิจารณ์เลย
นายเทพไทยังกล่าวถึงกรณีที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยจะเดินทางไปเยี่ยมพ .ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทีประเทศดูไบ ว่าหากใครจะไปตนจะฝากเสื้อ “ฉันรักประเทศไทย” ไปให้ พ.ต.ท.ทักษิณ 1 ตัว หากใครจะไปก็บอกด้วยจะได้ฝากถูกคน และหาก พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาเข้าคุกตนก็จะเข้าไปเยี่ยมตามช่องทางปกติในการเยี่ยมผู้ต้องหาต่อไป
ด้าน นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงสถานการณ์การเมืองที่กลุ่มคนเสื้อแดงจะรวบรวมรายชื่อถวายฎีกาพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า พรรคห่วงใยการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงที่พรรคเพื่อไทยให้การสนับสนุน ในการล่ารายชื่อถวายฎีกาเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยเฉพาะการที่กลุ่มคนเสื้อแดงเตรียมชุมนุมเพื่อกดดันพระราชอำนาจ นอกจากนี้ยังมีการบิดเบือนข้อเท็จจริงว่าการขออภัยโทษเป็นราชประเพณี ทั้งที่การขออภัยโทษตามดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา 3 ขั้นตอน 1.ผู้ต้องโทษจะต้องรับผิดและถูกคุมขัง 2.ต้องดำเนินการโดยเจ้าตัวหรือญาติพี่น้องเท่านั้น และ 3.จะต้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมทำบันทึกความเห็นส่งไปยังสำนักราชเลขาธิการ
“พรรครู้สึกเป็นห่วง เพราะมีการบิดเบือนเพื่อหาวิธีล้างความผิดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นอกจากนี้ตัว พ.ต.ท.ทักษิณยังหลบหนีความผิด และไม่เคยสำนึกในความผิดที่ตัวเองได้ก่อไว้เลย การขออภัยโทษดังกล่าว จึงเป็นการใช้ประชาชนให้ตกเป็นเครื่องมือทางการเมือง จึงสุ่มเสี่ยงจะทำให้เกิดความขัดแย้งรอบใหม่” นพ.บุรณัชย์ กล่าว
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงกรณีนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ระบุว่ารัฐบาลชุดนี้บริหารประเทศล้มเหลวเพราะมาจากวิธีการและรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตยนั้น อยากถามกลับนายจาตุรนต์ว่า แล้วรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่มาจากรัฐธรรมนูญฉบับเดียวกัน เหตุใดนายจาตุรนต์จึงไม่ออกมาพูดบ้าง และเห็นว่าข้อมูลด้านเศรษฐกิจที่นายจาตุรนต์พูดเป็นข้อมูลเก่าเกือบทั้งหมด และไม่ยอมพูดความจริง แทบไม่ยอมพูดถึงปัจจัยที่ดีขึ้น ไม่ว่าเป็นแนวโน้มคนตกงานที่น้อยลงหรือตัวเลขการส่งออกที่ดีขึ้น จนทำให้เศรษฐกิจขึ้นมาอยู่ในแดนบวกในไตรมาส 4 ส่วนตัวเลขการท่องเที่ยวที่ลดเหลือ 22.2% นั้นเกิดจากสถานการณ์วิกฤตเศรษฐกิจโลกและการระบาดของไข้หวัด 2009 ขณะที่การส่งออกของไทยเริ่มดีขึ้น