xs
xsm
sm
md
lg

“สนธิ”สุดเอือมสภากุ๊ย-ระบุ“แม้ว”ใช้เงินล่อทำพฤติกรรม ส.ส.เปลี่ยน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“สนธิ”สุดเอือมพฤติกรรม ส.ส.อันธพาลในสภา ระบุคุณภาพผู้แทนฯ ตกต่ำตั้งแต่ยุคทักษิณเข้ามา เพราะเอาเงินนำหน้า อภิปรายในสภา พูดแรงไว้ก่อน หวังให้สะใจเจ้าของเงิน จนเพิ่มดีกรีขึ้นเรื่อยๆ ขณะ ปชป.เมื่อโดนแรงมาก็แรงตอบเพราะขาดขันติ ติงนายกฯ ลดตัวเองลงตอบโต้ “เฉลิม”คนไร้ราคา พร้อมชี้ “อภิสิทธิ์”กำลังแบกปัญหาทุจริตของพรรคร่วม แนะกล้าตัดสินใจเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ก่อนหลังหักทำ ปชป.พังทั้งพรรค



 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 

รายการ “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ทางเอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน ช่วงเวลา 23.30-22.00 น. วันศุกร์ที่ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมา มีคุณจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ เป็นพิธีกร ได้รับเกียรติจากนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ มาร่วมรายการ เพื่อนำเสนอความเห็นต่อสถานการณ์บ้านเมืองในรอบสัปดาห์ โดยก่อนที่จะเริ่มรายการมีการกล่าวถึงการจัดงานเสวนา พันธมิตรฯสู่การเมืองใหม่ ที่พี่น้องพันมิตรฯหนองมน บางแสน อ่างศิลาและเมืองใหม่ ร่วมตัวกันจัดขึ้น ในวันจันทร์นี้ เวลา 5 โมงเย็นถึง 4 ทุ่ม ที่ชายหาดติดร้านอาหารทับทราย ถ.สุขุมวิท ต.แสนสุข เยื้องสนามกอล์ฟปัญญารีสอร์ท ซึ่งในงานนี้จะมีการสมัครสมาชิกพันธมิตรฯ เป็นครั้งแรก พร้อมย้ำให้ผู้ที่ต้องการทำบัตรสมาชิกให้ นำบัตรประชาชนไปด้วย

นายสนธิ กล่าวชี้แจงเพิ่มเติมถึงการจัดงานว่า ทางผู้จัดได้ติดต่อขอใช้สถานที่กับนายก อบจ. ซึ่งก็คือนายอิทธิพล คุณปลื้ม แต่ได้รับการบอกปัดไม่ให้ใช้ เลยไปใช้ที่ชายหาดแทน เผยในงานนี้มีการทำบัตรสมาชิกเป็นครั้งแรก เพื่อให้เห็นว่าพันธมิตรฯเรามีพลังมากน้อยเพียงใด พร้อมฝากถึงนายกเทศมนตรีเมืองพัทยา ในฐานที่เคยรู้จักกันดี เมื่อตอนหาเสียงยังได้มาหาตนเพื่อให้ช่วยพูดกับพ่อแม่พี่น้องพันธมิตรฯช่วยสนับสนุน อย่างไรก็ดีการปฎิบัติเป็นที่น่าสงสัยหลายประการ อนุญาตให้เสื้อแดงจัดสัมนา วิพากวิจารพันธมิตรฯอย่างเสียๆหายๆ จึงขอฝากบอกพ่อแม่พี่น้องพันธมิตรฯชลบุรี และภาคตะวันนออกทั้งหมด ว่าข้อเท็จจริงเป็นนี้ ใครดีกับเรา เราก็ดีกับเขา ย้ำพี่น้องภาคตะวันออกก็จำไว้ให้ดีๆ ถ้าการเมืองใหม่เกิดขึ้นมาก็ให้รู้ว่าเราจะเลือกหรือยืนอยู่ข้างใคร

เริ่มรายการด้วยการถ่ายทอดสดการประชุมของสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 ผ่านทางสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 ชี้ให้เห็นถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของ ส.ส.หลายคนระหว่างการอภิปรายในสภา โดยเฉพาะความก้าวร้าวในการพูดจา และการไม่เชื่อฟังประธานสภาฯ ของ ส.ส.พรรคเพื่อไทย

นายสนธิ กล่าวว่า พฤติกรรมของ ส.ส.ในสภาเป็นอย่างนี้มานาน ตั้งแต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เข้ามาพฤติกรรมของ ส.ส.ก็เลวลงเรื่อยๆ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณใช้เงินนำหน้า เอาเงินมาล่อ คนที่เป็น ส.ส.ก็เข้าไปเพื่อรับใช้เงิน เมื่อรับใช้เงินก็ลืมรากเหง้าของความเป็นไทย ขาดความเอื้ออาทร มีแต่ทำงานเพื่อเจ้าของเงิน ให้เจ้าของเงินเห็นว่าคุ้มกับเงินที่ให้มา

นายสนธิ กล่าวต่อว่า เมื่อยังมีผู้ให้เงินสนับสนุน ส.ส.พวกนี้ก็แข่งกันทำคะแนนเพื่อให้ได้เงินมา ถ้าพูดสุภาพไป อาจไม่ได้ผล ต้องด่าให้แรงขึ้น เพื่อเอาใจเจ้าของเงิน ดีกรีความรุนแรงจึงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ บางคนที่ชุมนุมประท้วงก็ได้เงินสนับสนุน เมื่อเข้าไปในสภา ก็เอาภาษาที่ใช้นอกสภาไปใช้ในสภาด้วย ในสภาก็กล้าพูด นอกสภาก็กล้าพูดเพื่อให้ได้ 2 เด้ง นี่คือพฤติกรรมการเมืองเก่า ที่หยาบคายถึงขั้นจะชกกัน ยกนิ้วกลางให้กัน แม้กระทั่งกระโดดถีบ เป็นพฤติกรรมที่ถ่อยสถุล ภายนอกดูเป็นผู้ทรงเกียรติก็แค่เพราะใส่สูทเท่านั้น แต่จริยธรรม คุณธรรม และมารยาทไม่มี

“พฤติกรรม ส.ส.ในสภาตอนนี้ไม่ใช่วิ่งที่เราต้องการ รวมถึงพฤติกรรมนอกสภาที่ฉ้อราษฎร์บังหลวง เมืองไทยมันไม่มีความหวัง การเมืองใหม่ถึงต้องเกิดขึ้น การเมืองใหม่จะเกิดขึ้นด้วยวิสัยทัศน์ ความเสียสละ ซื่อสัตย์ มีประสิทธิภาพ และเป็นสุภาพบุรุษ เมื่อก่อนประธานสภาสั่งให้หยุดก็หยุด แต่พอทักษิณมา เปลี่ยนพฤติกรรมคนไปหมด คนที่เคยเอื้ออาทร กตัญญูรู้คุณ ก็เปลี่ยนไปหมด จากขาวไปเป็นดำ และเป็นคนไม่มียางอาย ไม่มีหิริโอตปะน่าสมเพชมาก”

นายสนธิ กล่าวต่อว่า พรรคประชาธิปัตย์ก็เคยอยู่ในสภาด้วยความสุภาพ แต่พอมาเจอไทยรักไทยก็เอาแรงเข้าตอบโต้ เพราะขาดขันติ ไม่มีธรรมนำหน้า ถ้าอยู่ในสภา ยิ่งฝ่ายตรงข้ามว่าเรา เราต้องท่องพุทโธ เพื่อให้มีสติตลอด จะพูดอะไรออกไปต้องให้เกิดประโยชน์ไหม ไม่ต้องพูดส่อเสียด แม้แต่นายอภสิทธิ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี บางครั้งก็ลืมตัว เช่น กรณีตอบโต้ ร.ต.ท.เฉลิม อยู่บำรุง เรื่องชาวบ้านกดรีโมตหนีเวลาเห็นนายกฯ ออกทีวี ซึ่งไม่ควรตอบโต้ เพราะ ร.ต.อ.เฉลิมไม่มีราคา อย่าลดตัวลงไปโต้กับคนอย่าง ร.ต.อ.เฉลิม หรือถ้าจะหยอดก็หยอดในลักษณะที่ไม่ส่อเสียดเขา ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นว่า พอประดาบก็เลือดเดือด

นายสนธิ กล่าวอีกว่า ส.ส.ทุกวันนี้ ไม่ใช่ตัวแทนประชาชนอย่างแท้จริง แค่อ้างว่ามาจากประชาชนเท่านั้น แต่พฤติกรรมเป็นแค่กุ๊ยข้างถนน ที่ได้รับเลือกตั้งมาเพราะชาวบ้านรับสินบาดคาดสินบน เมื่อเข้ามาแล้วจะทำตัวเป็นสัตว์เลื้อยคลานประเภทไหน ก็ไม่สนใจ นอกจากนี้ พวก ส.ส.ยังหลงตัวเอง เวลาขึ้นเครื่องบินทำตัวยิ่งใหญ่มาก

สำหรับนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ไม่สามารถควบคุมให้ ส.ส.อยู่ในโอกาสได้นั้น อาจเป็นเพราแก่แล้ว มอง ส.ส.เหมือนลูกเหมือนหลาน ซึ่งการใช้คำหวานกับคนพวกนี้ไม่ได้ผล ต้องใช้แส้เท่านั้น และสมัยที่เป็นแค่ ส.ส.นายชัยก็เคยป่วนมาแล้ว

นายสนธิกล่าวต่อว่า ตำแหน่งประธานสภานั้น เป็นตำแหน่งที่สูงส่งมาก เวลาเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ต้องนั่งต่อหน้าพระพักตร์ เพราะฉะนั้นจะเลือกใครมาเป็นต้องดูความเหมาะสม แต่ ส.ส.ทุกวันนี้ไม่ได้นึกถึง พอใจจะเลือกใครที่เป็นพรรคพวกตัวเองก็เลือกไป มีคุณสมบัติเหมาะสมแค่ไหน ไม่ค่อยนึกถึง เมื่อได้ประธานสภาคุณภาพต่ำ ส.ส.ก็คุณภาพต่ำ การศึกษาก็คุณภาพต่ำ เด็กจบมาก็คุณภาพต่ำ ทุกสิ่งทุกอย่างต่ำลงหมด ตั้งแต่ พ.ต.ท.ทักษิณเข้ามา เพราะเอาเงินนำหน้า เห็นความชั่วเป็นเรื่องเล็ก ไม่กลัวบาปอีกต่อไป และคิดว่าทำดีแล้วไม่ได้ดี

นายสนธิ กล่าวต่อว่า การที่ตนถูกลอบยิงถล่มเมื่อวันที่ 17 เม.ย.แล้วเอาชีวิตมาได้ คงพอทำให้คนเห็นคุณค่าของการทำดีมากขึ้น เพราะได้เห็นว่าคนที่ทำดีเพื่อบ้านเมืองแล้วสิ่งศักดิ์สิทธิจะคุ้มครอง และที่สำคัญทำให้คนหันมายึดหลักความเพียรแบบพระมหาชนกมากขึ้น เพราะว่าที่ตนจะต่อสู้มาถึงวันนี้ ต้องผ่านการโจมตี ผ่านการตั้งข้อสงสัยต่างๆ นานา กว่าแต่ละเรื่องจะมีคนเข้าใจต้องใช้เวลา ยอมบาดเจ็บจากข้อกล่าวหาวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา

ต่อมานายสนธิ กล่าวถึงสถานการณ์โดยรวมของรัฐบาลขณะนี้ว่า ต้องย้อนไปตอนที่พรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาลได้ ซึ่งข้อเท็จจริงคือทหารไปบีบพรรคร่วมรัฐบาลเดิมให้มาร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ โดยมีนายเนวิน ชิดชอบ แอบจับมือกับทหารอยู่ก่อนแล้วและเอื้อซึ่งกันและกัน นำ ส.ส.จำนวนหนึ่งออกจากพรรคเพื่อไทยมาตั้งพรรคภูมิใจไทยแล้วมาร่วมรัฐบาลกับประชาธิปัตย์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จึงบอกว่า ถ้าไม่มีเนวิน ก็ไม่มีประชาธิปัตย์ในวันนี้ ถือเป็นบุญคุณกัน ซึ่งตนก็ไม่ติดใจ แต่เมื่อลองคิดดูอีกทีก็จะเห็นว่าถ้าพันธมิตรไม่ประท้วงนายสมัคร สุนทรเวช หรือนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ก็อาจยังเป็นยายกฯ อยู่ นายสุเทพ นายอภิสิทธิ ก็ยังเป็นฝ่ายค้าน แต่ที่รัฐบาลนายสมัครและนายสมชายต้องล้มไป ก็เพราะศาลรัฐธรรมนูญรีบตัดสิน(คดียุบพรรค)จากการกดดันของพันธมิตรฯ

“แรกๆ ผม และหลายคนพยายามเข้าใจว่าเขา(ประชาธิปัตย์)มีความจำเป็นต้องร่วมกับเนวิน แต่จากวันนั้นถึงวันนี้ เป็นเวลา 6 เดือนแล้ว ผมยังไม่เห็นพรรคประชาธิปัตย์ได้ดำเนินการอะไรบ้างที่จะเป็นการป้องกันการซื้อเสียง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พรรคประชาธิปัตย์กลับสนับสนุนให้แก้ ก็ไม่ว่ากัน แต่ที่น่าสนใจคือพรรคประชาธิปัตย์ไม่พยายามต่อสู้หรือสร้างกติกาให้การเลือกตั้งครั้งหน้าซื้อเสียงยากขึ้น ไม่ออกกฎหมายลงโทษคนซื้อเสียง ไม่ออกวิธีใดก็ตามที่จะไม่ให้ซื้อเสียง เหมือนเป็นการส่งเสริมว่าการเลือกตังยังต้องใช้เงินซื้อเสียง

“เมื่อเป็นเช่นนี้ภาพการเมืองเก่าก็เป็นเหมือนเดิม จะเป็น ส.ส.ต้องจ่ายหัวละ 500 ส.ส.1 คนต้องใช้ 30-50 ล้าน ด้วยเหตุนี้จึงต้องทำมาหากิน เพื่อเอาเงินก้อนนี้ แบ่งกันกรรมการครึ่งหนึ่งวัดครึ่งหนึ่ง เพื่อเอาเงินไปซื้อเสียง ไม่ได้หมายความว่า พรรคประชาธิปัตย์จะโกงนะ แต่การเมืองเก่ามันยังมีการซื้อเสียง และรัฐบาลไม่ได้มีทีท่าว่าจะไม่ให้ซื้อสิทธิชายเสียง ไม่มีการประชุมผู้ว่าเพื่อไม่ให้มีการซื้อเสียง แม้แต่เลือกตั้งซ่อมที่สกลนคร

นายสนธิกล่าวต่อว่า มันเหมือนเป็นสัญญาประชาคมว่า พรรคร่วมรัฐบาลว่าจะทำอะไรก็ทำไป เผอิญว่า การทำอะไรนั้นมันเป็นการปล้นกลางแดด มือถือดาบ คาดผ้าประเจียด ไอ้เสืออาวา ปล้น ไม่เหมือนยุคทักษิณที่มีธุรกิจเป็นของตัวเอง ทั้งชินคอร์ป ชินแซทเทลไลท์ เอไอเอส ก็ใช้กฎหมายบีโอไอใหม่ให้ชินแซทฯ ไม่ต้องเสียภาษี แก้กฎหมายสรรพสามิตให้เอไอเอไม่ต้องจ่ายค่าสัมปทาน เพื่อเอื้อธุรกิจของตนเอง แต่ยุคนี้ไม่มี เพราะทุกคนเป็นแค่ลูกน้องทักษิณมาก่อน ก็เปลี่ยนเป็นการทำโครงการที่ใช้งบประมาณมากๆ เช่น ถนนไร้ฝุ่น จำนำข้าว มือใครยาวสาวได้สาวเอา นายอภิสิทธิ์ได้แต่นั่งทำตาปริบๆ เพราะมีนายสุเทพคอยกระซิบว่าอย่าไปขวาง เดี๋ยวพรรคร่วมฯ จะถอนตัวไป

นายสนธิ ย้ำว่า นายอภิสิทธิ์ต้องกล้าที่จะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยและกล้าตัดสินใจเรื่องต่างๆ ด้วยตัวเอง ไม่ควรใช้กระแสสังคมมาเป็นกำแพง เช่น โครงการรถเมล์ 4 พันคันที่ใช้กระแสสังคมเป็นข้ออ้างในการโยนไปให้สภาพัฒน์พิจารณา แต่นายอภิสิทธิ์ต้องใช้ความกล้าหาญของตัวเองบอกว่าโครงการนี้ยังไม่มีความจำเป็นที่ต้องเสียเงินถึง 6 หมื่นกว่าล้าน

อย่างไรก็ตาม นายสนธิกล่าวว่า การที่นายอภิสิทธิ์เป็นคนดีทำให้คนยังมีคนที่ชื่นชอบอยู่จำนวนมาก นายอภิสิทธิ์อาจใช้ประโยชน์จากความมั่นใจที่ว่าประชาชนยังรัก แต่ลืมไปว่านายอภิสิทธิ์กำลังแบกรัฐบาลทั้งรัฐบาล และแบกประชาธิปัตย์ทั้งพรรค จึงมีคำถามว่าจะแบกได้นานแค่ไหน ถ้าแบกได้นานก็โอเค แต่ถ้าหลังหักเมื่อไหร่ประชาธิปัตย์ก็พังทั้งพรรค เพราะว่าระหว่างพรรคภูมิใจไทย พรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อถึงเวลาต้องหงายไพ่ เชื่อว่าภูมิใจไทยยังจับเมือกับเพื่อไทยได้ เพราะส.ส. ของพรรคภูมิใจไทย ก็คือ ส.ส. เพื่อไทยเก่า ซึ่งเขาย่อมจับมือกันได้ สมมุติในอนาคตมีการเลือกตั้งถ้าภูมิใจไทยจับเมือกับเพื่อไทยแล้วเสียงมันสามรถจัดตังรัฐบาลได้ เชื่อว่า 2พรรคนี้จะกลับมาจับมือกันอีกครั้ง เพราะการเมืองไม่มีมิตรแท้และศัตรูฐาวร

“เมื่อถึงวันนั้น คุณอภิสิทธิ์ก็จะเห็นว่าที่แบกมาตลอดนั้นเหนื่อยฟรี แต่คุณอภิสิทธิ์อาจมียุทธศาสตร์ของท่าน คือท่านอาจรอให้ผ่านงบประมาณไปก่อน แล้วค่อยเด็ดขาดทีหลัง รวมทั้งอาจรอสั่งสมบารมีให้แก่กล้าก่อนที่จะแสดงความกล้าหาญออกมา ตอนนี้ท่านยังไม่กล้าหาญเท่าไหร่ โดยเฉพาะเรื่องตำรวจ เมื่อท่านมาเป็นรัฐบาลท่านควรเร่งจัดการตำรวจที่ฆ่าประชาชนเมื่อวันที่ 7 ตุลา แต่นี่ท่านไม่พูดถึงเลย คนตายก็ตายไป คนเจ็บก็เจ็บไป เพราะว่าคุณพัชรวาทเป็นน้องชายคุณประวิตรที่เป็นเสาหลักในการเอาพรรคร่วมเข้ามา

“ผมสงสารคุณอภิสิทธิ์ เพราะโดยส่วนตัวท่านเป็นคนดี รักความยุติธรรม แต่ท่านพูดไปไม่มีใครฟัง วันดีคืนดี นายโสภณจะสร้างรันเวย์สนามบินใหม่ 2 แสนล้าน จะเช่ารถเมล์ 7 หมื่นล้าน รวมแล้วเฉพาะกระทรวงคมนาคมเกือบ 3 แสนล้าน นี่จะกู้เงินอีก 8 แสนล้าน ก็ยังมีปัญหาอีก มีปัญหาอะไรผมยังไม่บอก แต่มีตัวเลขบางตัวเลข พูดไปแล้ว ท่านนายกฯ อาจจะตกใจ แต่ผมจะมาเล่าให้ฟังสัปดาห์หน้า”นายสนธิกล่าวทิ้งท้าย



กำลังโหลดความคิดเห็น