xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“ภูมิใจไทย” โคม่า แบะท่า “ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - สถานการณ์ในการหาเสียงช่วงการเลือกตั้งมาถึงขณะนี้ก็เรียกได้ว่ามาถึงครึ่งทางแล้ว ต้องยอมรับว่าศึกเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเดิมพันสูงของพรรคการเมือง 2 ขั้วใหญ่ ทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งต่างก็ได้รับความสนใจและเป็นที่จับตาของทุกฝ่ายเป็นพิเศษ

ขณะเดียวกันหลายฝ่ายก็คาดการณ์ไปในทางเดียวว่า บรรดาพรรคใหญ่อย่างพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ ที่กำลังขับเคี่ยวพยายามช่วงชิงเสียง เพื่อเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล คงไม่สามารถรวมเสียงของส.ส. ให้ได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดจนตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้จำเป็นต้องพึ่งบริการพรรคขนาดกลางมาเป็นอะไหล่ เพื่อรวมเสียงให้ได้เกินครึ่งสภาฯ และได้เสียงมากพอที่จะอยู่ในโซนที่ปลอดภัย

จึงอย่าได้แปลกใจหากจะได้เห็นการเคลื่อนไหว เพื่อสร้างแต้มต่อทางการเมือง กันอย่างหนักหน่วงในห้วงเวลานี้ ของพรรคขนาดกลาง

และที่ต้องโฟกัสก็คงไม่พ้น ตัวแปรอย่างพรรคชาติไทยพัฒนาของนายบรรหาร ศิลปอาชา และพรรคภูมิใจไทย ของนายเนวิน ชิดชอบ ที่ต้องจับตาก็คือเพราะก่อนที่การเลือกตั้งที่จะมาถึงทั้ง 2 พรรค ได้ประกาศร่วมหอลงโรงเป็นพันธมิตรทางการเมือง เรียกว่าใครจะมาเป็นรัฐบาลก็ต้องเรียกอะไหล่จาก 2พรรค ไปเป็นตัวเสริมตั้งรัฐบาล มาถึงขณะนี้แม้ว่าหนังจะเล่นไปเพียงแค่ครึ่งเรื่อง แต่หากจับสัญญาณทางการเมืองที่ถูกส่งออกมาในช่วงเวลานี้แล้ว ดูเหมือนว่าละครการเมืองที่ทั้ง 2พรรคสัญญาจะร่วมหอลงโรงคงต้องปิดกล้องก่อนเวลาอันควรซึ่งก็ทำให้เห็นเค้าลางที่ชัดเจนขึ้นของโฉมหน้ารัฐบาลที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกด้วย

ภูมิใจไทย เสือลำบาก ถูกลอยแพเป็นฝ่ายค้าน

อาจกล่าวได้ว่าตั้งแต่ออกเริ่มต้นในช่วงการเลือกตั้งจนถึงปัจจุบัน กระแสของพรรคภูมิใจไทย ก็ยังไม่ได้กระเตื้องขึ้นเลยแม้แต่น้อย สวนทางกับคู่แข่งสำคัญอย่างพรรคเพื่อไทยที่นับวันกระแสจะยิ่งแรงขึ้นอย่างชัดเจน เพราะถึงขนาดว่า คนระดับหัวหน้าพรรคตัวจริงอย่างนายเนวิน ชิดชอบ ยังได้ออกมาเบรกกระแสด้วยการฟันธงว่า ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะไม่ได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี มาแล้ว

และยิ่งมาดูคำให้สัมภาษณ์ ของนายชวรัตน์ ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรค ก็ดูเหมือนจะยิ่งตอกย้ำว่าพรรคภูมิใจไทยว่ามีสถานการณ์เข้าขั้นโคม่าเพียงใด "การเมืองไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร คำพูดอันนี้ยังใช้ได้อยู่ต้องดูความจำเป็น เมื่อใดหัวหน้าพรรคมานั่งคุยกันนั้นคือสาระ"

ไม่เว้นแม้แต่หัวหอกในการศึกเลือกตั้ง อย่างนายโสภณ ซารัมย์ ก็ยังพูดอยู่บ่อยครั้งในเวทีหาเสียงตามจังหวัดต่างๆ ทำนองว่า "พรรคภูมิใจไทยไม่ได้แข่งกับใครที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่เราจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาล เพราะเราไม่เชื่อว่าพรรคอันดับ 1จะจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว เพราะเสียงไม่พอ ดังนั้น พรรคที่ได้คะแนนอันดับ 1 แม้จะเกลียดเราขนาดไหน ก็ต้องมาเชิญพรรคภูมิใจไทยเข้าร่วมรัฐบาล โดยพรรคภูมิใจไทยจะเป็นพรรคลำดับที่ 3 หากประชาชนช่วยกันเลือกได้เกิน 40 คน"

ที่ถึงแม้ นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย จะออกมาแก้ข่าวเป็นพัลวัน แต่ก็คงกลบเกลื่อนอาการไม่สู้ดีที่พร้อมจะเข้าร่วมกับพรรคเพื่อไทย ไม่มิดอยู่ดี

เกมนี้พรรคเพื่อไทย รู้จุดอ่อนของภูมิใจไทยเป็นอย่างดี หลังจากออกมาแบไต๋ ขอเป็นร่วมเป็นรัฐบาลกับทุกพรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้ง ยังรวมไปถึงการรู้ทันเกมของพรรคภูมิใจไทย ที่ประกาศซุกใต้ปีกกระแสของพรรคเพื่อไทย ดังนั้นสำหรับยุทธวิธีหาเสียงในพื้นที่ภาคอีสาน ซึ่ของพรรคเพื่อไทยจะเน้นโจมตีพรรคภูมิใจไทยว่าเป็นคนทรยศนายใหญ่ จนกระแสหายเกือบจมดิน

อีกด้วยความแค้นฝังหุ่น จึงได้โอกาสดี ที่ทักษิณ ชินวัตร เอาคืนด้วยการปิดประตูกัน สั่งสอนคนทรยศ เพื่อปิดทางไม่ให้ภูมิใจเกาะกระแสคนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทย เข้าสภาได้ง่ายๆ โดยช็อตแรกส่งยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ออกมาแสดงจุดยืนหนักแน่นว่า พรรคเพื่อไทยยังขอยึดจุดยืนเดิมของพรรค ที่มีแถลงการณ์ตามที่หัวหน้าพรรคได้ลงนามไปแล้ว ว่าอุดมการณ์และแนวทางของพรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทยนั้น ไม่ตรงกัน

ยิ่งระส่ำเข้าไปอีกเมื่อต้องมาถูกปล่อยข่าวบอนไซเรื่องการถูกดูด ส.ส.กลุ่มมัชฉิมาของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ออกจากอ้อมอกพรรคภูมิใจไทย ที่กำลังลุ้นเก้าอี้ สส.ภาคเหนือตอนล่างและภาคกลางเกือบ 10 ที่นั่ง ก็มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับทักษิณ ชินวัตร ร้อนถึงนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มมัชฌิมา จึงได้ออกมาปฏิเสธว่า "ไม่มีใครพูดถึงการย้ายไปจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่าไม่มีมูลของความจริง พรรคภูมิใจไทยไม่มีกลุ่มก้อนใดๆ เราเป็นทองแผ่นเดียวกัน” ทั้งนี้หากพิเคราะห์แล้วข่าวที่ปล่อยออกมาก็คงมิใช่ใครอื่นนอกจากเครือข่ายของพรรคเพื่อไทยที่หวังซ้ำกระแสที่ไม่กระเตื้องขึ้นของพรรคภูมิใจไทย

ขณะเดียวกัน ชั่วโมงนี้ทีมยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ประเมินตัวเลขภาคอีสานไว้ไม่ต่ำกว่า 100 เก้าอี้เลยทีเดียว แน่นอนว่า นอกจากรักษาฐานที่มั่นเดิมไว้แล้ว ต้องเข้าไปเจาะพื้นที่คู่แข่งให้มากที่สุด โดยเฉพาะ 3 จังหวัดใหญ่ อุบลราชธานี นครราชสีมา และ บุรีรัมย์ ที่ยังเป็นจุดบอด เนื่องจากว่ากันว่า มีกระแสข่าวภายในพรรคภูมิใจไทยแว่วว่าจาการประเมินกันเองภายใน เนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคคนสำคัญยังต้องกุมขมับ เพราะประเมินตัวเลขส.ส.ทั่วประเทศตอนนี้ได้เต็มที่ไม่ถึง 40 ที่นั่ง

อีกทั้งพื้นที่อีสานเป้าหมายสำคัญก็ยังได้ส่ง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง พล.อ.พัลลพ ปิ่นมณี คีย์แมนคนสำคัญของพรรคเพื่อไทยลงมากำกับดูแลเอง บวกกับการส่งทีมงานชุดใหญ่ลงพื้นที่หาเสียงอย่างหนัก เพื่อตัดเสียงและกระแสของพรรคภูมิใจไทยให้ได้มากที่สุดมาตั้งนานแล้ว ประกอบกับล่าสุดก็แอบแตะมือยื่นข้อเสนอสุดงามให้กับพันธมิตรการเมืองอย่างพรรคชาติไทยพัฒนา เหตุผลเดียวก็คือดัดหลังเนวิน ชิดชอบ ผลักพรรคภูมิใจไทยให้เป็นฝ่ายค้านร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์

ปลาไหลไล่ถล่มประชาธิปัตย์ เทใจให้ปูแดง

ออกมาทิ้งระเบิดใส่นายอภิสิทธิ์ ไม่เว้นวันสำหรับพรรคชาติไทยพัฒนา ไล่มาตั้งแต่หัวหน้าพรรค อย่างนายชุมพล ศิลปอาชา ประเด็นถูกบีบให้ตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร จนต้องงัดข้อกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เสียยกใหญ่ ประมาณว่าถูกบังคับจาก “อำนาจแฝง” ที่ปฏิเสธไม่ได้จึงต้องจำใจร่วมรัฐบาลเมื่อคราวก่อน ไม่จบแค่นั้นไม่เว้นแต่ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสตร์ ก็ยังออกมาขึงขังทิ้งระเบิดใส่อีกลูกใหญ่ว่า " หากพรรคใดพรรคหนึ่งได้คะแนนเสียงข้างมาก มีแนวทางสมานฉันท์ปรองดอง พรรคชาติไทยพัฒนาก็ยินดีเข้าไปร่วมด้วย แต่หากจะมีใครเรียกร้องพรรคการเมืองไปจัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหารคงไม่ไปอย่างแน่นอน เพราะเขตทหารห้ามเข้า"

และด้วยสัญชาตญาณ “ปลาไหล” ที่พัฒนาในเรื่องของความลื่นขั้นสุดยอดอยู่แล้ว ทำให้ต้องแสดงอาการบางอย่างออกมาเสียตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อไม่ต้องการอยู่แบบอดอยากปากแห้งในอนาคต ขณะเดียวกันนี่คือสัญญาณชิ่งเอาตัวรอดอย่างแนบเนียน ซึ่งเหตุผลที่พอจะรองรับกับสถานการณ์นี้คงหนีไม่พ้น ผลโพลต่างๆที่ออกมาตรงกันว่าพรรคที่มีสิทธิ์จะเข้าป้ายเป็นพรรคอันดับหนึ่งคงจะเป็นพรรคเพื่อไทย ของ นช.ทักษิณ ชินวัตร อีกทั้งขนาดว่า พรรคเพื่อไทยของ ทักษิณ ชินวัตร ออกแถลงการณ์เฉดหัว ไม่ร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทยหลังการเลือกตั้ง ซึ่งความหมายก็คือการเอาคืนงูเห่า กลุ่มเนวิน ชิดชอบ ที่ก่อนหน้านี้ชิ่งไปกอดคอกับ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไปร่วมตั้งรัฐบาลให้ไปเป็นฝ่ายค้านให้ได้ พรรคเพื่อไทยจึงต้องทอดไมตรีส่งสัญญาณแบบเฉพาะเจาะจงไปถึงพรรคชาติไทยฯก่อน เพื่อตัดกำลังทั้งพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทย ด้วยข้อเสนอที่มิอาจมองข้ามได้

ขณะเดียวกันหากสังเกตให้ดีจะพบว่า ไม่ว่าบรรดาพรรคชาติไทยพัฒนา จะเดินเกมเคลื่อนไหวทางตรง ทางลับอย่างไรก็ตาม ก็มิได้ลืมเป้าหมายสำคัญ คือต้องการจะดัน เสธ.หนั่น เป็นนายกฯปรองดองอย่างที่ประกาศกันมาเนิ่นนานแล้วกับพรรคเพื่อไทย เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแผนการ นายชุมพลจึงได้ออกมาหยอดคำหวาน ใส่ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่า"ผ่านมาครึ่งทางกระแสพรรคเพื่อไทยเอาเรื่อง กินขาดเหมือนกัน ซึ่งมีหลายปัจจัย ไม่แน่ใจว่ารู้สึกอึดอัดอะไรในสังคม หรือเพราะคนไทยขี้สงสารที่ผู้หญิงถูกโจมตี ค่อนแคะก็เห็นใจกัน รวมทั้งกระแสผู้หญิงก็มีพอสมควร อีกทั้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ลงพื้นที่และตอบคำถามได้ไม่เบา เอาการเอางาน ลงพื้นที่ซ้ำสองและซ้ำรอยพรรคการเมืองอื่น นอกจากนี้ทางอุปทูตของประเทศออสเตรเลียก็เป็นผู้หญิง และนายกฯ ก็เป็นผู้หญิงทำให้ได้ภาพทางจิตวิทยา"

สอดรับกับ นายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา ก็ยังออกมาขานรับแผนการนี้อย่างชัดถ้อยชัดคำ ที่ว่า “จากแนวโน้มในส่วนนี้ พรรคมั่นว่าจะบรรลุเป้าหมาย ส.ส. 30 ที่นั่งแน่นอน โดยเป้าหมายต่อไปที่พรรควางไว้ คือ ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคมั่นใจว่าทั้งพล.ต.สนั่นขจรประศาสน์ประธานที่ปรึกษาพรรค และนายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีจากขั้วที่สามได้แน่นอน”

ดังนั้นหากตีความแล้ว คงไม่มีความหมายอื่นใดมากไปกว่าการเอาใจทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นเจ้าของพรรคเพื่อไทยให้รับรู้ว่าตัวเองพร้อมแล้วสำหรับการจับขั้วใหม่ทางการเมือง และยังส่งสัญญาณให้เห็นว่ากำลังปฏิเสธประชาธิปัตย์และภูมิใจไทยไปในตัวอีกด้วย เพราะไม่ว่าจะมองมุมไหนตรรกะทางการเมืองของพรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคประชาธิปัตย์ก็ดูจะสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง ทางประชาธิปัตย์ก็ได้ชูธงแล้วว่า คนที่เป็นนายกรัฐมนตรี มีชื่อเดียวคือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่สำหรับพรรคชาติไทยพัฒนาเป้าหมายที่วางไว้ก็มีเพียงเพื่อปูทาง พล.ต.สนั่น ขจรประสาท เป็นนายกรัฐมนตรี เท่านั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น