“ปู่จิ้น” ลงพื้นที่ช่วย “ศุภมาส” ปิ้งหมูสะเต๊ะ ตักข้าวต้มหมู เจอสาวรุมหอมแก้ม “แซม-สุรชาติ” โผล่จ๊ะเอ๋หาเสียงชนกัน โผไหว้ทักทาย ด้านหัวหน้าพรรคโวแชมป์เก่าได้ที่นั่งคืนแน่ ชูคว้า ส.ส.รวม 70 อัพ ยันการเมืองไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร ดูปรองดองเป็นสำคัญ ยังกั๊กจับมือเพื่อไทย แนะควรรับฟังความเห็นทูต เชื่อคงไม่มีอำนาจนอกระบบ
วันนี้ (12 มิ.ย.) นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) พร้อมด้วยนายศุภชัย ใจสมุทร โฆษก ภท.ได้เดินทางไปช่วยนางศุภมาส อิศรภักดี ผู้สมัคร ส.ส.เขต 11 หลักสี่ ดอนเมือง กรุงเทพฯ บริเวณตลาดเมืองทองนิเวศน์ 1 โดยมีชาวบ้าน 200 คนให้การต้อนรับพร้อมมอบดอกกุหลาบสีแดงและคล้องพวงมาลัยดอกดาวเรือง ก่อนเดินไปหาเสียงในตลาด โดยนายชวรัตน์ได้ลงมือปิ้งหมูสะเต๊ะและตักข้าวต้มหมูด้วยตัวเอง โดยมีเสียงนายศุภชัย พูดว่าการเมืองเป็นเรื่องหมูๆ นอกจากนี้ นายชวรัตน์ ยังได้ถูกสาวๆ ที่มาให้กำลังใจดึงตัวเข้าไปหอมแก้มจนมีรอยลิปสติกติดตรงบริเวณแก้มด้วย
ขณะที่ในช่วงที่พรรคภูมิใจไทยกำลังหาเสียง ปรากฏว่าด้านพรรคเพื่อไทย (พท.) ก็มาหาเสียงบริเวณเดียวกัน โดยมีนายยุรนันท์ ภมรมนตรี ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ได้มาช่วยนายสุรชาติ เทียนทอง ผู้สมัคร ส.ส.เขต 11 เช่นเดียวกัน โดยทั้งสองได้เดินเข้าไปไหว้นายชวรัตน์ นายศุภชัย และนางศุภมาส อย่างเป็นกันเอง พร้อมร่วมกันถ่ายรูปนางศุภมาส ระบุว่าขอให้กำลังใจนายสุรชาติเพราะเป็นเหมือนน้องชายตน
จากนั้น นายชวรัตน์ให้สัมภาษณ์ว่า ตอนนี้เร่งลงพื้นที่เพื่อแนะนำพรรคการเมืองของตนเองเพื่อให้ประชาชนได้รู้จัก อยากได้ประชาชนรู้นโยบายพรรค ผู้สมัครคือใคร เช่น นางศุภมาส เป็นผู้แทนเก่าแก่ของพื้นที่แห่งนี้ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่รู้จักและศรัทธา ทำให้พรรคหนุนนางศุภมาส เต็มที่เพื่อมารับใช้ประชาชนในพื้นที่ ทั้งนี้ พรรคมั่นใจในตัวนางศุภมาส ว่าจะสามารถชนะในเขตนี้ เพราะท่านลงเลือกตั้งในเขตนี้มาหลายสมัย รวมถึงพื้นที่อื่นที่พรรคมั่นใจว่าจะได้มากกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 5-10% ซึ่งน่าจะมากกว่า 70 ที่นั่ง เพราะเรามีโพลล์ของพรรค หรือโพลของสถาบันอื่นเป็นเกณฑ์วัด ทำให้เห็นว่าผลโพลของพรรคที่ออกมาตามสื่อดีวันดีคืน
ส่วน นายศุภชัยกล่าวว่า ในวันที่ 16 มิถุนายนนี้ ที่พรรคฯ จะมีการแถลงรายละเอียดนโยบายยกหนี้กองทุนหมู่บ้าน โดยปัจจุบันกองทุนหมู่บ้านมีอยู่ 8 หมื่นหมู่บ้าน มีปัญหาหนี้สินเยอะ เมื่อพรรคมีนโยบายดังกล่าวออกไปก็มีกระแสตอบรับเยอะจากประชาชน
เมื่อถามถึงการจับมือทำงานระหว่าเพื่อไทย กับภูมิใจไทย มีโอกาสหรือไม่ นายชวรัตน์กล่าวว่า “การเมืองไม่มีมิตรแท้และไม่มีศัตรูถาวร” คำพูดอันนี้ยังใช้ได้อยู่ต้องดูความจำเป็น อะไรที่ทำให้บ้านเมืองสงบสุขและเจริญรุ่งเรือง เราคิดว่าเป็นเป้าหมายที่เราจะเดินไปหา ทั้งนี้ เงื่อนไขการปรองดองเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในการพิจารณาร่วมรัฐบาล ถ้าขาดความปรองดองมีความขัดแย้งตลอดเวลาก็ไม่ดี เมื่อถามย้ำว่า ที่ระบุว่าไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวรทางการเมือง แต่เพื่อไทยประกาศจุดยืนไม่ร่วมรัฐบาลกับภูมิใจไทย นายชวรัตน์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรคที่พูด คนที่หาเสียงอาจถือเป็นจุดขายของเขาก็ได้ เราไม่ถือเป็นสาระสำคัญ เมื่อใดหัวหน้าพรรคมานั่งคุยกัน สิ่งนั้นคือสาระ
นายศุภชัยกล่าวว่า แนวคิดของ ภท.ตอนนี้คือ วันนี้เรามุ่งรณรงค์หาเสียงเพื่อให้ประชาชนได้ตัดสินใจเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แต่เรื่องขั้นตอนเลือกใครเป็นนายกรัฐมนตรี จะร่วมกันหรือไม่ เป็นคนละขั้นตอนยังไม่ถึงเวลา สิ่งที่เราเรียกร้องทำอย่างไรประชาชนถึงจะเข้าใจนโยบาย ซึ่งก็อยากเรียกร้องทุกพรรคการเมืองด้วยว่า วันนี้อย่าเพิ่งชูใครจะมาเป็นนายกฯในการเลือกตั้งครั้งนี้
“วันนี้พี่น้องประชาชนต้องตัดสินใจ แต่เรื่องสำคัญที่สุดวันนี้ท่านมีวิธีคิดจะเลือกพรรคใดพรรคหนึ่งคู่ขัดแย้ง 2พรรคใหญ่ สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือท่านกำลังมอบดาบให้ 2 พรรคใหญ่เตรียมฟาดฟันกันหรือเปล่า หรือตัดสินใจเทคะแนนไปให้พรรคใดพรรคหนึ่ง ผลคือ มอบดาบให้กับพรรคเดียว ถามว่าบ้านเมืองจะสงบหรือไม่ วันนี้นายชัย ชิดชอบ อดีตประธานสภามีหนังสือไปถึงประชาชนทุกคนว่า ให้เลือกผู้แทนอย่างมีสติ เลือกแล้วให้หลุดพ้นบ่วงวังวนเดิมที่เคยมีในความขัดแย้ง ความไม่ปรองดองใน 5-6 ปีที่ผ่านมา ดังนั้น อย่าพยายามมอบดาบให้กับใคร แล้วแนวคิดแก้ไขไม่แก้แค้นคงจะไม่เกิดขึ้น” โฆษก ภท.ระบุ
หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีทูตหลายประเทศรวมตัวกันตั้งวอร์รูมเพื่อติดตามสถานการณ์การเลือกตั้งในประเทศไทย โดยใช้ชื่อกลุ่มว่า “เฟรนด์ ออฟ ไทยแลนด์” (เอฟโอที) และใช้บ้านพักของเอกอัครราชทูตนอร์เวย์ประจำประเทศไทยเป็นสถานที่ และมีความกังวลหากพรรคเพื่อไทยสถานการณ์จะเหมือนรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช กับ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรีว่า เป็นแนวคิดของทูตที่เป็นบุคคลที่ 3 ดังนั้น พรรคไม่อยากวิจารณ์เรื่องนั้น อย่างไรก็ตามในเรื่องนี้ถือเป็นบวก เพราะเป็นการวิจารณ์จากบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องการเมืองของประเทศไทย เมื่อเขาสังเกตดูสถานการณ์ เราก็ควรรับฟังไว้ ส่วนที่หลายฝ่ายวิจารณ์เรื่องอำนาจนอกระบบหลังการเลือกตั้งนั้น เรื่องนี้คงไม่มีอะไร
โฆษก ภท.กล่าวว่า กลุ่มทูตที่ใช้ชื่อกลุ่มว่าเฟรนด์ ออฟ ไทยแลนด์ ได้เชิญกลุ่มนักการเมืองเขาไปพูดคุยทุกพรรค ทราบว่านายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็ไป แต่ที่ทูตนอร์เวย์ได้แสดงความเป็นห่วงในเรื่องดังกล่าว เป็นเรื่องที่ประชาชน และนักการเมืองควรพึงสังวรไว้ นั่นคือการสะท้อนมาจากข้างนอก เขามองเราอย่างนั้น ดังนั้นเราเองต้องร่วมกันทำอย่างไรที่ลดภาพความขัดแย้ง หากจะทำให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปเพื่อให้ต่างชาติยอมรับ
“วันนี้ใครก็ทำนายได้ ในที่สุดแล้วอย่างท่านสมัครเป็นนอมินี บ้านเมืองก็ไปไม่รอด ท่านสมชายที่เป็นครอบครัวก็ไม่รอด ยิ่งคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาเองที่บอกว่าเป็นโคลนนิ่ง เหมือนท่านทักษิณ ดังนั้นวิธีการหาเสียงก็ให้เบาลงหน่อย จะทำให้บรรยากาศดีขึ้นได้ แต่ว่าอนาคตเรื่องใครจะมานำพาประเทศนี้ต่อไป ผมว่าประชาชนจะเป็นคนตัดสิน อำนาจนอกระบบคงไม่สำคัญหรอก แต่สิ่งที่สำคัญตัดสินใจแล้วทำให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้ เป็นสิ่งที่นักการเมืองทุกคนต้องการ” นายศุภชัยระบุ