อภิปรายงบประมาณจืดสนิท มีแต่ “ไข่แม้ว” ยึดเวที สรรเสริฐ “พ่อแม้ว” กรอกหูชาวบ้าน จน “ไอ้ตู่” ลุกขึ้นอภิปรายปากเก่งด่ากราดแกว่งปากหาเรื่องไปทั่ว ทั้งขวางงบ สตช.อ้างปฏิบัติสองมาตรฐาน รับไม่ได้ตั้งงบปราบม็อบ กล่าวหาส่อโกงเลือกตั้งสกลนคร เจอ ส.ส.รุมยำยับด่าพ่อ-ล่อแม่ แถมโดนด่าอกตัญญู ทั้งสาปแช่งฉิบหายยกตระกูล เจอคนจริง ส.ส.ภูมิใจไทย ท้าสาบานต่อ หน้า ร.7
วันนี้ (18 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การอภิปรายการจัดงบประมาณเป็นไปอย่างจืดชืด โดยส่วนใหญ่เป็น ส.ส.จากพรรคเพื่อไทย ที่เรียงหน้าตำหนิการจัดงบประมาณครั้งนี้ นอกจากนี้ ยังได้พยายามนำไปเปรียบเทียบกับผลงานการบริหารรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า มีประสิทธิภาพมากกว่า จนเป็นที่พึงพอใจของประชาชน อีกทั้งยังโจมตีว่ารัฐบาลไม่มีความยุติธรรม กรณีการดำเนินคดีกับแกนนำกลุ่มเสื้อแดง และการไล่ล่าตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งที่ไม่มีความผิดอะไร แต่เป็นเกมทางการเมืองของรัฐบาลมากกว่า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเย็น บรรยากาศในสภาค่อนข้างดุเดือด เมื่อ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นอภิปรายถึงการจัดงบประมาณของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช) ที่ตั้งงบประมาณกว่า 6.6 หมื่นล้านบาท ว่า ไม่สมควรได้รับงบประมาณก้อนนี้ เพราะมีการปฏิบัติกับคนไม่เท่าเทียมกัน โดยเฉพาะการดำเนินคดีกับกลุ่มของตนที่มีการออกหมายจับเพิ่มเติมจาก 8 คน และบางคนยังถูกออกหมายจับซ้ำกันถึงสองครั้ง ผิดกับคดีของคนที่ใกล้ชิดกับรัฐบาล โดยเฉพาะของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ รมว.ต่างประเทศ ตกเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาด้วยหลายคดี แต่จนถึงขณะนี้ คดียังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด ขณะเดียวกัน ยังพบว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี รับผิดชอบด้านความมั่นคงเข้าไปเกี่ยวข้องกับงบประมาณของหน่วยงานด้านความมั่นคงทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ หรือกระทรวงมหาดไทย ทั้งยังพบว่าในการไปให้ข้อมูลของนายสุเทพ ต่อคณะกรรมการตรวจสอบเหตุการณ์ความรุนแรงระหว่างวันที่ 8-13 เม.ย.ยังพบว่าเป็นการให้ข้อมูลเท็จ โดยยืนยันว่า นายกรัฐมนตรีอยู่ในรถ ซึ่งความจริงไม่เป็นเช่นนี้ ตนจะปล่อยให้คนที่พูดเท็จ มาดูแลงบประมาณทีเกี่ยวข้องกับหน่วยงานด้านความมั่นคงได้อย่างไร และที่สำคัญ นายสุเทพ ยังถูก กกต.ชี้มูลความผิดเกี่ยวกับการทุจริตเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี จึงไม่อาจไว้ให้ นายสุเทพ บริหารงบประมาณได้ต่อไป
นายจตุพร กล่าวว่า การประชุม ครม.เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ครม.ได้อนุมัติงบประมาณจำนวนมากในการจัดซื้อรถหุ้มเกราะสำหรับผู้นำของประเทศ หากเป็นผู้นำแล้วยังขี้ขลาดหวาดกลัวจะมาเป็นผู้นำทำไมลาออกไปเลย นอกจากนี้ ยังมีการอนุมัติงบประมาณสำหรับตั้งกองร้อยพิเศษในการปราบปรามม็อบ โดยมีการอนุมัติงบในการจัดซื้ออุปกรณ์และอาวุธในการควบคุมม็อบ หรือเป็นเพราะว่าในการใช้กำลังทหารปราบการชุมนุม เมื่อช่วงเดือนสงกรานต์ที่ผ่านมามีการใช้กระสุนจริง จริงต้องมีการอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อจัดซื้ออาวุธ
นายจตุพร กล่าวว่า สาเหตุที่ยอมรับไม่ได้กับงบประมาณของ สตช.ที่ต้องไปรับใช้นักการเมืองและปฏิบัติสองมาตรฐานกับประชาชน นอกจากนี้ ยังมีงบประมาณของกระทรวงมหาดไทยอีกเป็นจำนวนมาก แต่ที่พูดวันนี้ไม่ได้ต้องการต่อรองของแบ่งปันงบประมาณ แต่เวลานี้กำลังจะมีการเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดสกลนคร แต่ปรากฏว่า มีการร้องเรียนเรื่องการทุจริตเป็นจำนวนมาก และที่โรงพักไม่อนุญาตให้เก็บหีบเลือกตั้ง แต่ปรากฏว่า ได้นำหีบบัตรไปเก็บไว้ที่รถคุมขังผู้ต้องหาเคลื่อนที่ ทำให้การเลือกตั้งจังหวัดสกลนครแปลกประหลาดที่สุดมีการขนคนไปเลือกตั้ง เอาหีบบัตรใส่ในรถผู้คุมขัง ตนอยากบอกว่าให้เอาหีบบัตรออก แต่ให้เอาผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ไปขังแทน เพื่อให้การเลือกตั้งเกิดความบริสุทธิ์ยุติธรรม
นายจตุพร กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้แปลกประหลาดมากที่สุด ที่เอาหับบัตรไปไว้ในรถคุมขังผู้ต้องหา จึงเกรงว่าจะมีการเปลี่ยนหีบบัตรเลือกตั้งล่วงหน้า เพราะมีคนไปใช้สิทธิมากผิดปกติ ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ของรัฐไม่มีสิทธิ์ไปบอกให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้า เพราะเหตุผล คือ ต้องการให้ผู้ติดภารกิจไม่สามารมาเลือกตั้งได้ ไม่ใช้มาขนคนมาเลือกตั้ง โดยมีการตั้งเป้าไว้ถึง 5 หมื่นคน และขนมาได้เพียง 2 หมื่นคนเท่านั้น จึงอยากร้องขอไปยัง กกต.ให้จัดการเลือกตั้งด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม หากไม่ยุติธรรมความสงบก็ไม่เกิดขึ้น
ส.ส.สัดส่วนเพื่อไทย กล่าวว่า พฤติกรรมของรัฐบาลชุดนี้น่าเป็นห่วง เพราะนอกจากจะถูกทหารอุ้มเข้ามาแล้ว ยังมีกรณีกระทรวงกลาโหมจัดซื้อฝูงบินกริบเพ่น ของกองทัพอากาศ ซึ่งมีความไม่โปร่งใส ที่มีการซื้อแพงเกินจริงกว่าประเทศอื่นๆ มูลค่าร่วมกว่า 2 หมื่นล้านบาท แต่ซื้อจริงต้องใช้งบประมาณกว่า 3.4 หมื่นล้านเป็นงบผูกพัน ทำให้ประเทศไทยเสียค่าโง่ ไปกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท ตนจะไม่ยอมให้กองทัพทุจริตเอาความปลอดภัยของประเทศไปหากิน ผิดกับสมัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรับมนตรี ทีเอาผัก เอาผลไม่ไปแลก เพื่อไม่ให้เสียเปรียบ นอกจากนี้งบของ กอ.รมน.เพื่อสร้างความจงรักภักดี แต่ปรากฏว่ารัฐบาลได้ใช้ความจงรักภักดี ไปหากินทางการเมือง มีการตั้งงบประมาณ ที่สร้างความไม่สบายใจให้คนในชาติ ประชาชน 60 ล้านคน จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ รัฐบาลโดยเฉพาะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไม่มีสิทธิ์มาร้องขอให้ประชาชนจงรักภักดี เพราะประชาชนทุกคนจงรักภักดีอยู่แล้ว จึงขอร้องว่าอย่าให้สถาบันมาเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง
ทำให้ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นประท้วงว่า นายจตุพรไม่ควรพูดถึงสถาบัน โดยไม่จำเป็น และไม่มีหลักฐานว่าเอาความจงรักภักดีมาหากิน จึงอยากให้ถอนคำพูด และในระหว่างที่ นายจตุพร อภิปรายอยู่นั้น มีประชาชนชาวพิษณุโลกโทรศัพท์เข้ามาบอกว่า นายจตุพร อย่าทำหน้าถมึงทึงระหว่างการอภิปราย
นายจตุพร ตอบโต้ว่า ตนเป็นนักการเมืองไม่ใช่หมอทำแท้ง ที่จะทำหน้าระรื่น ขณะนี้ นพ.วงรค์ ประท้วงให้ นายจตุพร ถอนคำว่าหมอทำแท้งออก เพราะตนมีอาชีพเป็นหมอสูตินรีเวชมาก่อน แต่ นายจตุพร แก้ตัวว่าไม่ได้บอกว่าเป็นหมอวรงค์เป็นหมอทำแท้ง ซึ่ง นพ.วรงค์ ยืนยันว่าจะต้องถอน เพราะตนเป็นหมอสูตินรีเวชจริง มีหน้าที่ทำคลอด หากภรรยาของนายจตุพร ต้องการจะทำแท้ง ตนก็สามารถช่วยได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างนั้น มี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ หลายคนลูกขึ้นประท้วงและให้ถอนคำพูด ทำให้บรรยากาศเป็นไปอย่างตรึงเครียด จน นายชัย สั่งให้ นายจตุพร ถอนคำพูด
นายจตุพร ได้อภิปรายต่อในส่วนของงบกระทรวงการต่างประเทศต่อว่า วันนี้รัฐบาลได้ทวงคืนเขาพระวิหารหรือยัง เพราะเห็นนายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคงเดินทางไปกัมพูชาหลายครั้ง แล้วได้มีการทวงคืนหรือยัง เพราะประเด็นนี้เป็นเรื่องที่พรรคประชาธิปัตย์ตราหน้า และโจมตีรัฐบาลของ นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี และนายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้กัมพูชามีการรุกล้ำอาณาเขตไม่ว่าจะเป็นการสร้างถนนเข้ามาในประเทศไทย รัฐบาลชุดนี้ได้ทำอะไรไปบ้าง วันนี้การบริหารประเทศรัฐบาลกำลังจะนำไปสู่ความหายนะ
ต่อจากนั้น นายสนอง เทพอักษรณรงค์ ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย ลุกขึ้นประท้วงว่า พรรคภูมิใจไทยเสียหายที่ถูกกล่าวหาว่ามีการกระทำส่อทุจริตเลือกตั้ง จนทำให้คนที่อยู่ในต่างประเทศ ต้องโทร.มาหากำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ว่าให้ต้องช่วยกัน ทั้งหมดนี้เป็นการกล่าวคำเท็จของนายจตุพร จึงอยากให้มีการถอนคำพูด
ด้าน นายจุมพฎ บุญใหญ่ ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย ซึ่งนั่งอยู่ในกลุ่มของ ส.ส.ภูมิใจไทย ได้ลุกขึ้น ประท้วงว่า นายจตุพร กล่าวพาดพิงว่าตนขายตัว ทั้งๆ ที่ตนได้แสดงเจตนาชัดเจนว่าเตรียมตัวจะย้ายไปพรรคภูมิใจไทย ทำให้ครอบครัวและวงศ์ตระกูลของตนเสียหาย
“หากผมขายตัว รับเงินแม้แต่บาทเดียวจากพรรคภูมิใจไทย ขอให้โคตรตระกูลของกระผมฉิบหายวายวอด หากคำกล่าวหาไม่เป็นความจริง ขอให้โคตรตระกูลของคนนั้นฉิบหายวายวอดเช่นกัน” นายจุมพฏ กล่าวและว่า ตนไม่อยากจะเป็น ส.ส.ที่อยู่ใต้การบงการของใครคนใดคนหนึ่ง แต่ตนเป็น ส.ส.คนจนไม่มีเงินจ่ายค่าเลือกตั้งซ่อม หากพรรคเพื่อไทย วางเงิน 11 ล้านบาท เป็นค่าเลือกตั้งซ่อมให้ตนได้ ก็พร้อมจะลาออกทันที เพราะไม่อยากเป็น ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว
จากนั้น นายจตุพร ยืนยันว่า พรรคขับออกแน่นอน ไม่เอาคนทรยศไว้ในพรรคอย่างแน่นอน จึงอยากขอถาม กกต.ว่าถ้าจ่ายเงินแทนทำได้หรือไม่ แต่คนที่ออกมาพูดเช่นนี้เป็นการสะท้อนถึงความโง่
ขณะที่ นายเชน ลุกขึ้นประท้วงกรณีกล่าวพาดพิง ที่ถูกนายจตุพรกล่าวพาดพิงถึงการเลือกตั้ง จ.สุราษฎร์ธานี ว่า เสียใจที่มี ส.ส.แบบนี้ โดยเป็นผู้ที่อาศัยเกิดที่ จ.สุราษฎร์ธานี แต่ไม่เคยกตัญญูกับพ่อแม่ แต่ไปกตัญญูกับคนที่จ่ายเงินให้ ไม่เคยคิดว่าจะเจออันธพาลในสภาแบบนี้
มาถึงช่วงนี้ทำให้ นายจตุพร ลุกขึ้นมาประท้วงอย่างดุเดือด ว่า ที่ตนนำข้อมูลการเลือกตั้งที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีมาพูด เพราะเป็นคำวินิจฉัยของ กกต.แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเอาแม่ของตนมาพูด
ขณะที่ นายเชิดชัย วิเชียรวรรณ ส.ส.อุดรธานี พรรคภูมิไทย ได้ลุกขึ้นตอบโต้ที่ นายจตุพร กล่าวหาว่า มีการขนคนไปเลือกตั้งล่วงหน้าที่จังหวัดสกลนคร แบ่งเป็นวันคู่และวันคี่ ทำให้พรรคภูมิใจไทยเสียหาย จึงขอท้าให้ไปสาบานที่หน้าพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 7 ที่บริเวณหน้าอาคารรัฐสภา จากนั้นนายชัยได้พยายามไกล่เกลี่ย และตัดบทให้สมาชิกอภิปรายงบประมาณต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังจากที่มีการท้าทายให้มีการสาบานในห้องประชุมสภาแล้ว ปรากฏว่า ในเวลา 18.30 น.นายสนอง เทพอักษรณรงค์ ส.ส.บุรีรัมย์ รองเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย นายเชิดชัย วิเชียรวรรณ ส.ส.อุดรธานี พรรคภูมิใจไทย และ ส.ส.ของพรรคภูมิใจไทย รวม 6 คน ลงมาสาบานต่อหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ ร.7 ด้านหน้าอาคารรัฐสภา
โดย นายสนอง กล่าวว่า การอภิปรายของนายจตุพรใช้ถ้อยคำที่เป็นเท็จกรณีการกล่าวหาเรื่องหาเสียงเลือกตั้งซ่อมสกลนคร หากเป็นเรื่องจริงขอให้พรรคภูมิใจไทยมีอันเป็นไปในทางการเมือง แต่ถ้าไม่จริงขอให้พรรคเพื่อไทยและนายจตุพรและครอบครัวพบกับความวิบัติ อย่ารุ่งเรืองทั้งอนาคตทางการเมืองและชีวิตในทางการเมือง ขอให้มีอันเป็นไปภายใน 7 วัน