นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่าการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. ล่วงหน้าที่จ.สกลนครเมื่อวันที่ 13 มิ.ย.พบความผิดปกติหลายเรื่อง โดยเฉพาะที่หน่วยเหลือตั้งกลางของ อ.สว่างแดนดิน มีประชาชนมาใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าจำนวนมาก ตั้งแต่ช่วงเช้าจนหมดเวลาลงคะแนน ในเวลา 17.00 น. และหลังหมดเวลายังพบว่ามีผู้ใช้สิทธิที่ยังไม่หยอดบัตรลงคะแนนอีกประมาณเกือบ 200 คน แต่กรรมการประจำหน่วยยังอนุญาตเข้าไปลงคะแนนได้ เพราะไปถึงหน่วยเลือกตั้งก่อนเวลา 17.00 น.
นายพร้อมพงศ์ อ้างว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ พบว่า มีการนำแบบฟอร์ม ขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าไปให้ประชาชนกรอกข้อความและถือมาจากบ้าน ทั้งที่ถูกต้องควรมารับกับเจ้าหน้าที่ กกต. และแสดงความจำนงพร้อมเหตุผล ความจำเป็นต่อหน้าเจ้าหน้าที่ และเมื่อมาถึงหน่วยเลือกตั้งได้เข้าไปแสดงตน เพื่อขอเลือกตั้งล่วงหน้า โดยที่เจ้าหน้าที่ของ กกต. มิได้สอบถามถึงเหตุที่ไม่สามารถ มาใช้สิทธิเลือกตั้งจริง ในวันที่ 21 มิ.ย. ซึ่งขัดต่อมาตรา 95 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ. 2550 และระเบียบ กกต.ว่าด้วยการเลือกตั้ง พ.ศ. 2550
ผู้สมัครของพรรคได้คัดค้านต่อ กกต.จังหวัด และ กกต.เขตแล้ว เพื่อตรวจสอบ โดยเร่งด่วนโดยได้แนบรูปถ่ายการใช้สิทธิเลือกตั้งที่ผิดปกติ และบันทึกการแจ้งความ ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไปแล้ว และยังได้ร้องขอให้ กกต.เข้มงวด เรื่องการรักษาหีบบัตรเลือกตั้ง และเวลาการลงคะแนนด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้มีการทุจริตอีก
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ปฏิเสธว่า ไม่ทราบข่าวมีการขนคนไปเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ล่วงหน้าที่จ.สกลนครและจะลงพื้นที่อีกครั้งในวันที่ 19 มิ.ย.แต่จะไปปราศรัยหาเสียงในพื้นที่หรือไม่ ต้องหารือฝ่ายกฎหมายก่อนว่า จะสามารถดำเนินการได้หรือไม่
อย่างไรก็ตาม ต้องระมัดระวังเรื่องการลงพื้นที่ในช่วงการเลือกตั้งซ่อม ทั้งในจังหวัดสกลนคร และศีรสะเกษ หลังพรรคเพื่อไทยโจมตีว่าการดำเนินการดังกล่าวไม่เหมาะสม
นายชวรัตน์ กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติธรรมดาในเวทีการเมืองที่พรรคภูมิใจไทยจะตกเป็นเป้าโจมตี เนื่องจากเป็นคู่แข่งกับพรรคเพื่อไทยในการสู้ศึกเลือกตั้งครั้งนี้ แต่ได้กำชับข้าราชการกระทรวงมหาดไทยแล้วว่าให้วางตัวเป็นกลาง เพราะเป็นเรื่อง ของพรรค และการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ใช่การต่อสู้ระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ตามที่มีเสียง วิจารณ์ เนื่องจากบุคคลทั้ง 2 ไม่ได้อยู่ในแวดวงการเมืองแล้ว และต้องไปสอบถาม พ.ต.ท.ทักษิณ ถึงกระแสข่าวทุ่มทุนไม่อั้น สำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้เอง
นายชวรัตน์ กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ กกต. ยังไม่ได้เรียกไปสอบสวนกรณีแจกเงิน 2,000 บาท ให้คนพิการที่จังหวัดสกลนครแต่อย่างใด
นายสัลวิทย์ นามโคตร ประธาน กกต.จ.สกลนคร กล่าวว่าการเลือกตั้งซ่อมล่วงหน้า วันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมามีผู้ร้องเรียนถึงการขนคนไปเลือกตั้งค่อนข้างมาก ปกติแล้วการเลือกตั้งซ่อมล่วงหน้าอำเภอใหญ่ๆ จะมีผู้มาลงคะแนนไม่เกิน 1 พันหรืออาจจะเป็นหลักร้อย แต่ครั้งนี้กลับมีผู้มาใช้สิทธิมากกว่าปกติถึง 5-6 เท่า ส่วนอำเภอเล็กๆ ก็มีตัวเลขผู้มาใช้สิทธิล่วงหน้าเพิ่มหลายเท่าตัว โดยมีตัวเลขของผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าวันแรกเกือบ 1 หมื่นคน ถือว่าเป็นจำนวนที่ผิดปกติ แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นฝีมือของฝ่ายใด
การที่ชาวบ้านแห่กันมาใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าถึง 5-6 เท่าในวันแรก เป็นเรื่องที่เราต้องสืบหาต้นตอว่ามีสาเหตุมาจากอะไร เพราะหลังจากที่คนมาใช้สิทธิ เลือกตั้งล่วงหน้าวันแรกแล้ววันที่ 2 ก็ยังพบว่ามีคนมาใช้สิทธิเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องผิดปกติและไม่เคยมีมาก่อน ทั้งนี้ กกต.กลางก็ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาสังเกตการณ์เลือกตั้งครั้งนี้ด้วยเช่นกัน โดยกกต.กลางได้กำชับให้เราจับตาการเลือกตั้งครั้งนี้อย่างเข้มงวด ซึ่งยืนยันว่าจะทำหน้าที่อย่างเป็นกลางโดยไม่เข้าข้างฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่งและจะรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อส่งมอบให้กกต.กลางต่อไป
นายพร้อมพงศ์ อ้างว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ พบว่า มีการนำแบบฟอร์ม ขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าไปให้ประชาชนกรอกข้อความและถือมาจากบ้าน ทั้งที่ถูกต้องควรมารับกับเจ้าหน้าที่ กกต. และแสดงความจำนงพร้อมเหตุผล ความจำเป็นต่อหน้าเจ้าหน้าที่ และเมื่อมาถึงหน่วยเลือกตั้งได้เข้าไปแสดงตน เพื่อขอเลือกตั้งล่วงหน้า โดยที่เจ้าหน้าที่ของ กกต. มิได้สอบถามถึงเหตุที่ไม่สามารถ มาใช้สิทธิเลือกตั้งจริง ในวันที่ 21 มิ.ย. ซึ่งขัดต่อมาตรา 95 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ. 2550 และระเบียบ กกต.ว่าด้วยการเลือกตั้ง พ.ศ. 2550
ผู้สมัครของพรรคได้คัดค้านต่อ กกต.จังหวัด และ กกต.เขตแล้ว เพื่อตรวจสอบ โดยเร่งด่วนโดยได้แนบรูปถ่ายการใช้สิทธิเลือกตั้งที่ผิดปกติ และบันทึกการแจ้งความ ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไปแล้ว และยังได้ร้องขอให้ กกต.เข้มงวด เรื่องการรักษาหีบบัตรเลือกตั้ง และเวลาการลงคะแนนด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้มีการทุจริตอีก
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ปฏิเสธว่า ไม่ทราบข่าวมีการขนคนไปเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ล่วงหน้าที่จ.สกลนครและจะลงพื้นที่อีกครั้งในวันที่ 19 มิ.ย.แต่จะไปปราศรัยหาเสียงในพื้นที่หรือไม่ ต้องหารือฝ่ายกฎหมายก่อนว่า จะสามารถดำเนินการได้หรือไม่
อย่างไรก็ตาม ต้องระมัดระวังเรื่องการลงพื้นที่ในช่วงการเลือกตั้งซ่อม ทั้งในจังหวัดสกลนคร และศีรสะเกษ หลังพรรคเพื่อไทยโจมตีว่าการดำเนินการดังกล่าวไม่เหมาะสม
นายชวรัตน์ กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติธรรมดาในเวทีการเมืองที่พรรคภูมิใจไทยจะตกเป็นเป้าโจมตี เนื่องจากเป็นคู่แข่งกับพรรคเพื่อไทยในการสู้ศึกเลือกตั้งครั้งนี้ แต่ได้กำชับข้าราชการกระทรวงมหาดไทยแล้วว่าให้วางตัวเป็นกลาง เพราะเป็นเรื่อง ของพรรค และการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ใช่การต่อสู้ระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ตามที่มีเสียง วิจารณ์ เนื่องจากบุคคลทั้ง 2 ไม่ได้อยู่ในแวดวงการเมืองแล้ว และต้องไปสอบถาม พ.ต.ท.ทักษิณ ถึงกระแสข่าวทุ่มทุนไม่อั้น สำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้เอง
นายชวรัตน์ กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ กกต. ยังไม่ได้เรียกไปสอบสวนกรณีแจกเงิน 2,000 บาท ให้คนพิการที่จังหวัดสกลนครแต่อย่างใด
นายสัลวิทย์ นามโคตร ประธาน กกต.จ.สกลนคร กล่าวว่าการเลือกตั้งซ่อมล่วงหน้า วันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมามีผู้ร้องเรียนถึงการขนคนไปเลือกตั้งค่อนข้างมาก ปกติแล้วการเลือกตั้งซ่อมล่วงหน้าอำเภอใหญ่ๆ จะมีผู้มาลงคะแนนไม่เกิน 1 พันหรืออาจจะเป็นหลักร้อย แต่ครั้งนี้กลับมีผู้มาใช้สิทธิมากกว่าปกติถึง 5-6 เท่า ส่วนอำเภอเล็กๆ ก็มีตัวเลขผู้มาใช้สิทธิล่วงหน้าเพิ่มหลายเท่าตัว โดยมีตัวเลขของผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าวันแรกเกือบ 1 หมื่นคน ถือว่าเป็นจำนวนที่ผิดปกติ แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นฝีมือของฝ่ายใด
การที่ชาวบ้านแห่กันมาใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าถึง 5-6 เท่าในวันแรก เป็นเรื่องที่เราต้องสืบหาต้นตอว่ามีสาเหตุมาจากอะไร เพราะหลังจากที่คนมาใช้สิทธิ เลือกตั้งล่วงหน้าวันแรกแล้ววันที่ 2 ก็ยังพบว่ามีคนมาใช้สิทธิเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องผิดปกติและไม่เคยมีมาก่อน ทั้งนี้ กกต.กลางก็ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาสังเกตการณ์เลือกตั้งครั้งนี้ด้วยเช่นกัน โดยกกต.กลางได้กำชับให้เราจับตาการเลือกตั้งครั้งนี้อย่างเข้มงวด ซึ่งยืนยันว่าจะทำหน้าที่อย่างเป็นกลางโดยไม่เข้าข้างฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่งและจะรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อส่งมอบให้กกต.กลางต่อไป