ประชุม 2 สภาถกปัญหาวิกฤติชาติวนในอ่าง “เพื่อไทย” ฉวยโอกาสแก้ต่างให้ “นช.แม้ว” โยนบาปรัฐบาล-ทหาร ทำร้ายเสื้อแดงมือเปล่า กลบเกลื่อนฝ่ายตัวเองเผาเมือง-ยิงชาวบ้านดับ ท่องคาถารัฐบาลสองมาตรฐาน “เป็ดเหลิม” อวดวาทะ ตั้งฉายา “รัฐบาลลาขึ้นรถ” - “อภิสิทธิ์” โต้ทุกดอก ยันมาตรฐานเดียว “สุเทพ” แฉ “อริสมันต์” ล็อกคอนักบินจนต้องลงจอดฉุกเฉิน ยันทหารเล็งปืนแนวราบยิงรถเมล์ “เจะอามิง” ซัดคนเสื้อแดงรักประชาธิปไตยแบบเถื่อนๆ
การประชุมร่วมกันของสองสภา เริ่มขึ้นเมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 22 เม.ย. เพื่อให้มีการอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 179 ตามที่คณะรัฐมนตรีเสนอ มีนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธาน เพื่อเปิดรับฟังความคิดเห็นของสมาชิกรัฐสภาในการชี้นำให้รัฐบาลแก้ปัญหาวิกฤตชาติเพื่อให้เดินไปข้างหน้าได้
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวต่อที่ประชุมโดยได้เล่าถึงที่มาของการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงที่บางส่วนมาด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่ปรากฏว่ามีคนกลุ่มในลักษณะความรุนแรงจนนำไปสู่การล้มเลิกประชุมอาเซียน และการไล่ล่าตน และบุคคลต่างๆ ที่กระทรวงมหาดไทย รวมถึงการก่อจลาจลต่างๆ จนทำให้เกิดการบาดเจ็บและเสียชีวิต จึงขอเปิดประชุมฯ ตามมาตรา 179 ในวันนี้ก็เป็นการเปิดโอกาสให้สมาชิกนำเสนอข้อมูลต่างๆ ได้ เพื่อที่ช่วยกันตรวจสอบและหาข้อเท็จจริงเพื่อชี้แจงประชาชนต่อไป แต่ขอยืนยันว่าแนวทางของรัฐบาลที่ผ่านมาไม่มีเรื่องใดเลยที่เป็นลักษณะของการที่จะจงใจใช้ความรุนแรงกับพี่น้องประชาชนที่สำคัญที่สุดก็คือเป้าหมายทั้งหมดของการทำงานไม่ใช่เรื่องของการเข้าปราบปรามในเรื่องของการชุมนุมทางการเมืองแต่เพื่อรักษากฎหมาย
“หลังจากนี้ไป ได้ให้นโยบายชัดเจนนับตั้งแต่การปฏิบัติการต่างๆ สิ้นสุดลง ว่าเรื่องนี้ไม่มีฝ่ายใดทางการเมืองชนะอย่างแน่นอน แต่เป็นเรื่องของการนำความสงบสุขกลับคืนมาเพื่อที่จะเอาเวลาที่อยู่ในความสงบนั้น มาพูดคุยกันถึงทางออกในการแก้ปัญหาความขัดแย้งที่ดำรงอยู่ในสังคมของเราต่อไป ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์สำคัญที่สุดที่กระผมได้ขอกราบเรียนท่านประธาน เพื่อเปิดการอภิปรายทั่วไป และรับฟังความคิดเห็นของเพื่อนสมาชิกรัฐสภาในวันนี้”
เผยมีกลุ่มไม่ต้องการให้ความขัดแย้งยุติ
ส่วนประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญและปฏิรูปการเมืองนั้นเราจะเดินหน้าอย่างเต็มที่ ในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลนั้นได้มีการมอบหมายให้ทุกพรรคไปประมวลข้อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ภายใน 2 สัปดาห์ เพื่อกลับมาประชุมร่วมกันอีกที่หนึ่ง แต่ก็ยังมีการดำเนินการของคนบางกลุ่ม ซึ่งไม่ต้องการให้ความขัดแย้งนั้นสิ้นสุดลง โดยในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาก็ได้มีการเคลื่อนไหวของคนบางกลุ่มอ้างอิงภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหว และปรากฏตามสถานีโทรทัศน์บางช่องเสนอไปก็ คือว่าไม่ได้ตรงกับความเป็นจริง พยายามอาศัยเงื่อนไขนี้ ปลุกระดมให้สภาพของบ้านเมืองเราย้อนกลับไปเหมือนกับในช่วงก่อนสงกรานต์ ซึ่งเชื่อมั่นว่าคนที่มีจิตใจเป็นประชาธิปไตยนั้น ย่อมไม่คิดอ่านที่จะทำเช่นนั้น และก็จะไม่เป็นผลดีกับฝ่ายใด และยิ่งจะมีความสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียเลือดเนื้อของพี่น้องประชาชนคนไทยด้วยกัน และที่สำคัญก็คือสุ่มเสี่ยงต่อการที่เราจะสูญเสียอธิปไตย
“เพื่อแม้ว” เรียงหน้าป้ายสีรัฐบาลมือเปื้อนเลือด
จากนั้นสมาชิกทั้งสองสภาต่างลุกขึ้นอภิปรายแสดงความคิดเห็นกันอย่างกว้างขวาง โดยในส่วนของพรรคฝ่ายค้านพุ่งเป้าไปในเชิงตำหนิการปฏิบัติงานของรัฐบาลต่อการสลายการชุมนุม โดยพยายามให้เห็นว่า กลุ่มเสื้อแดงที่ทำการประท้วงครั้งนี้เป็นผู้บริสุทธิ์ และ ชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ แต่รัฐบาลได้ทำการกระทำอย่างรุนแรงจนทำให้มีประชาชนบาดเจ็บและเสียชีวิตจากการสลายการชุมนุมของทหาร และตำหนิต่อการตัดสินใจใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินว่า สร้างความเสียหายให้กับประเทศเป็นอย่างมาก และกล่าวหาว่ารัฐบาลปฏิบัติสองมาตรฐาน รวมทั้งอ้างว่านายเนวิน ชิดชอบ แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวินร่วมมือในการสลายกลุ่มเสื้อแดงด้วย
นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย อภิปรายว่าเหตุใดจึงไม่คิดใช้เวทีสภาฯ ในการแก้ไขปัญหาก่อนที่จะเกิดความรุนแรง ทั้งที่ฝ่ายค้านได้พยายามเสนอญัตติแต่ประธานสภาฯ ก็ชิงปิดสภาฯหนี ที่สำคัญกลับมี ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ตะโกนหลายครั้งในสภาฯ ว่าฝ่ายค้านเป็นพวกล้มล้างสถาบัน การกล่าวหาเช่นนี้เป็นสิ่งที่พวกตนยอมรับไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีความพยายามระดมประชาชนให้ใส่เสื้อสีน้ำเงินมาร่วมงานในวันฉัตรมงคล ปัญหาจึงยังมีอยู่ ดังนั้น ขอนายกรัฐมนตรีว่ามีบุคคลนอกคณะรัฐมนตรีคนหนึ่ง ที่ไม่ได้อยู่ในรัฐบาลเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยมีภาพ ปรากฏอยู่ในคลิปวิดีโอ จนเป็นเหตุการณ์ให้เกิดวิกฤตทางการเมืองตามมา และนายสุเทพ ที่เป็นรองนายกฯฝ่ายความมั่นคง นำหลักฐานอะไรมาแถลงผ่านโทรทัศน์ว่า คนที่ยิง เอ็ม 79 ใส่ศาลรัฐธรรมนูญ เป็นฝีมือของกลุ่ม นปช.เพราะการพูดเช่นนี้เป็นการเติมน้ำมันบนลงกองไฟ
อ้างมั่วรัฐบาลจัดฉากดึงเสื้อแดงเป็นแพะ
ต่อมา นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอประณามนายกฯ ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายขึ้น เพราะนายกฯ ได้แถลงและมีเอกสารลงนามโดยยอมรับว่า มีกลุ่มอาสาสมัครมาร่วมในเหตุการณ์ด้วย ขณะที่มีภาพคนเสื้อแดงเข้ามาช่วยอุ้มนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกฯ ออกจากรถ ข่าวว่าซี่โครงหัก (วันที่ 12 เม.ย.) แต่พอวันที่ 17 เม.ย. นายนิพนธ์กลับวิ่งขึ้นบันไดตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาลได้อย่างคล่องแคล่ว ส่วนกลุ่มโจรที่อ้างว่าเตรียมก่อวินาศกรรมที่ตึกซีพีและธนาคารกรุงเทพ ถนนสีลมนั้น รับสารภาพว่ารับค่าจ้างเพียง 5 พันบาท ต้องเรียกว่าเป็นโจรกระจอก และรถกระบะที่ใช้ก่อเหตุก็ทะเบียนบุรีรัมย์ สำหรับรถเมล์ที่เอาออกมา 30-40 คัน ไม่ทราบวิ่งเข้ามาในเมืองได้อย่างไร เพราะมีด่านทหารและตำรวจตรวจตราอย่างเข้มงวด ส่วนคนขับรถแก๊สนั้นแดงปลอม เพราะคนเสื้อแดงขับรถแก๊สไม่เป็น
“ถ้าเป็นผมจะระเบิดแม่ง ไม่เอาไว้ มันเป็นการจัดฉากทั้งนั้น รัฐบาลสั่งสลายการชุมนุมทำให้มีคนตายจำนวนมาก แต่วันนี้ถูกทหารนำศพไปเผาหมดแล้ว นายกฯ และรัฐบาลสั่งฆ่าประชาชนอย่างโหดเหี้ยม ดังนั้นขอให้นายกฯ ยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน” นายสุรพงษ์กล่าวอ้างอย่างเลื่อนลอย
ทั้งนี้ นายสุรพงษ์ได้นำกระทะล้อรถเมล์ที่ถูกคนเสื้อแดงเผาซึ่งมีรูอยู่ 1 รู มาประกอบการอภิปราย โดยอ้างว่าเป็นรูที่เกิดจากปืนเอ็ม 16 ที่ทหารยิงใส่คนเสื้อแดง นอกจากนี้ยังยอมรับว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีคือนายใหญ่ของเขา และเขากำลังทำเพื่อนายใหญ่
ต่อมา พ.ต.ท สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่ารัฐบาลกับทหาร รู้เห็นเป็นใจ ต่างเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะการจัดสรรงบประมาณล่าสุด 53,990 ล้านบาท ทางกองทัพไม่มีการประมูลแข่งขันกันเลย บางบริษัทไม่เคยยื่นประมูล ทั้งนี้หากรัฐบาลยังอยู่ใต้กลุ่มอำนาจทหารบางกลุ่มคงไม่ได้ เพราะอาวุธบางอย่างกองทัพไม่ต้องการ แต่เป็นความต้องการของผู้นำกองทัพบางคน วันนี้รัฐบาลทำอะไรไม่ได้เลย เพราะท่านมาจากทหาร นายกฯ คือจ๊อกกี้ กองทัพคือม้า สำหรับการสลายการชุมนุมกำลังทหารที่ขนมายิ่งกว่าการปฏิวัติ อาวุธครบมือ กระสุนจริง เพราะดูจากสภาพบาดแผล เหวอะหวะ และปลอกกระสุนที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ ไม่ใช่เป็นกระสุนลูกกระดาษ แบบที่ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก หรือ “โฆษกม้าตัวเมีย” กล่าวอ้าง ตนไม่อยากประณามนายกฯ ว่ามือเปื้อนเลือด ทั้งนี้ขอเรียกร้องให้ทหารกลับกรม กอง ปล่อยให้การเมืองเจรจากับการเมืองเอง
นอกจากนี้ พ.ต.ท.สมชายได้ถามถึงรัฐบาลว่ารู้เห็นเป็นใจกับกลุ่มเสื้อสีน้ำเงินที่พัทยา หรือไม่ เพราะมีคนเห็นคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับฝ่ายความมั่นคง ไปร่วมประชุมกับนายตำรวจ ที่ศาลากลางเมืองพัทยา และอยากถามว่ามีการขว้างระเบิดควัน เข้าไปในกลุ่มเสื้อแดง โดยอาวุธชนิดนี้ใช้ในราชการเท่านั้น ถือเป็นยุทธภัณฑ์ คนเสื้อน้ำเงินเอามาจากไหน
“เป็ดเหลิม” ตั้งฉาย รัฐบาลลาขึ้นรถ
ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นอภิปรายโดยย้อนกลับไปเอาเรื่องเก่ามาพูดว่า นายกฯ ได้อำนาจมาโดยไม่ชอบธรรมไม่อายบ้างหรือ วันนี้ต้องรู้สำนึกได้แล้วว่าได้มาเป็นนายกฯ เพราะใคร ที่วันนี้ตนต้องเรียงลำดับย้อนเหตุการณ์เพราะต้องการให้ทุกฝ่ายรู้สำนึกซึ่งกันและกัน
ร.ต.อ.เฉลิม ยังคงดักดานกล่าวหาว่ารัฐบาลนี้มี 2 มาตรฐาน สั่งดำเนินคดีกับคนเสื้อแดงทั้งนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายวีระ มุสิกพงศ์ แต่ไม่มีการดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรฯ (ทั้งที่ความพันธมิตรฯ ถูกดำเนินคดี 100 กว่าคดี) อีกทั้งการดำเนินการภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินต้องมีหลักการ คือ ต้องขอศาลก่อนคุมตัวขัง และมีกำหนดระยะเวลาในการกักขังไม่เกิน 30 วัน กักขังครั้งละ 7 วัน หากไม่มีข้อกล่าวหาอื่นก็ต้องปล่อยตัวภายใน 7 วัน แต่มาครั้งนี้ผิดปกติคือ ไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาและไม่มีการปล่อยตัว รวมทั้งเมื่อมีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉบับนี้แล้ว ภายใน 15 วัน นายอภิสิทธิ์ก็ยังไม่นำเข้ามายัง ครม.และไม่ได้ยกเลิก แสดงให้เห็นว่าเป็นเหมือนลักษณะการใช้อำนาจของคณะปฏิวัติในอดีตที่เที่ยวนำคนมาขังและการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ใจกลางเมือง อยากถามไปยังนายกฯ ว่าใช้ส่วนไหนคิด เพราะสร้างความเสียหายให้เศรษฐกิจของไทยเป็นอย่างมาก
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวท้าทายอย่างไร้สาระว่า นายอภิสิทธิ์ แน่จริงอย่าเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ให้คงไว้ ประเทศจะได้ฉิบหาย ฉะนั้นจึงขอตั้งฉายารัฐบาลนี้ว่า รัฐบาลลาขึ้นรถ ที่จะดึงที่หัวก็ถอยหลัง หรือถ้าดึงที่ก้นก็เดินหน้า ซึ่งเสมือนกับว่าเป็นการไม่ฟังใคร
โบ้ยรัฐบาลปั้นสถานการณ์ยิงมัสยิด
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า กรณีการชุมนุมของคนเสื้อแดง ที่มีทั้งการยิงมัสยิด การเผารถเมล์ การนำรถแก๊สเข้ามา ขอเรียนว่าเรื่องนี้เป็นการสร้างสถานการณ์เพื่อสร้างความชอบธรรมในการสลายการชุมนุม เพราะต้องเข้าใจว่าการใส่เสื้อสีแดงนั้นง่ายมาก แค่ใส่แล้วก็ถอดออก นอกจากนี้ อยากทวงถามไปยังรัฐบาลว่าจะเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านชี้แจงที่ ช่อง 11 เมื่อไหร่ เพราะตอนตั้งรัฐบาลใหม่ๆ ก็มีการสัญญาไว้ หรือขอท้านายอภิสิทธิ์ มาดีเบตด้วยกัน จะให้เวลาตนกี่นาทีก็ได้ ไม่มีปัญหา
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า กรณีแกนนำกลุ่มเสื้อแดง 19 คน ที่ถูกจับตั้งแต่วันพรุ่งนี้ไปให้มาที่พรรคเพื่อไทย โดยทางพรรคจะให้ทีมกฎหมายพรรค ทำการฟ้องรัฐบาลให้หมด และที่ตำรวจอ้างว่า ที่จับกุม เนื่องจากจับตามประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้น ถามว่า การจับกุมตอนตี 4 แล้วไปขออนุญาตหมายศาลตอนไหน เพราะที่ทำการศาลปิดอยู่ และอยากถามว่า เอาอำนาจอะไร มาทำ หรือว่า นายอภิสิทธิ์ มีอำนาจจะทำอะไรก็ได้ หรือหากใช้การจับกุมโดยกฎหมาย ป.วิอาญา ม.80 ก็จะต้องแจ้งให้ผู้ต้องหาทราบก่อน แต่ก็ไม่มี การแจ้งมาก่อน กลับจับไปกักขังที่ จ.สระบุรี เลย ถือว่า เป็นการกระทำที่อัปยศที่สุด
ส.ว.ตำหนิรัฐไม่ใช้สื่อในมือทำให้ ปชช.สับสน-แตกแยก
ด้านสมาชิกวุฒิสภา เช่น นายตวง อันทะไชย ส.ว.สรรหา เสนอทางออกว่าควรจะใช้วิกฤตการเมืองขณะนี้เป็นโอกาสกอบกู้ฟื้นฟูประเทศ ทั้งการทบทวนการทำงานของหน่วยงานด้านความมั่นคง ไม่ว่าจะเป็น สตช. นอกจากนี้ยังเป็นที่น่าสังเกตว่าหน่วยข่าวกรองยังไม่มีประสิทธิภาพหรือ รัฐบาลไม่ได้ใช้ข้อมูลจากหน่วยข่าวกรองจึงทำให้สถานการณ์รุนแรงขึ้น ซึ่งควรปรับมาตรการรักษาความปลอดภัยผู้นำประเทศให้เป็นมืออาชีพเพิ่มมากขึ้นเพราะที่เหตุการณ์ที่ผ่านมาสร้างความอับอายไปทั่วโลก
นอกจากนี้ ควรเสริมสร้างสังคมสันติสุข โดยใช้เครือข่ายภาคประชาสังคมที่รัฐบาลมีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นองค์กรเอกชนที่ทำงานอยู่แล้ว เช่น สถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา สำนักสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และตั้งกองทุนสร้างเสริมสมานฉันท์ให้เสร็จภายใน 6 เดือนเพื่อให้มีงบประมาณนำไปใช้จ่ายในการแก้ปัญหาให้สำเร็จลุล่วง รวมไปถึงยังต้องปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ใหม่ เพราะประชาธิปไตยไม่สามารถเรียนรู้ได้ในห้องเรียน
น.ส.สุวิมล สุตะวิริยะวัฒน์ ส.ว.จันทบุรี กล่าวตำหนิการใช้สื่อของรัฐว่ารัฐบาลอาจไม่ต้องใช้กำลังพลจำนวนมากเลย เพียงแต่ใช้สื่อของรัฐที่มีอยู่ให้ประชาชนได้รับทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่จริงจึงขอ ติติงว่าทำงานล่าช้า ประชาชนจะตัดสินใจเองว่าอะไรคืออะไร แต่รัฐบาลไม่ได้ทำ หรือทำแต่ล่าช้า จนทำให้ประชาชนรับข้อมูลคลาดเคลื่อนและ นำไปสู่ความแตกแยกของประเทศ รัฐบาลต้องหันกลับไปทบทวนบทบาทการบริหารของสื่อรัฐทำอย่างไรให้ขับเคลื่อนรวดเร็ว เพิ่มพื้นที่ข่าวให้มากขึ้น
ต่อมา นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพได้ลุกขึ้นชี้แจงสมาชิกรัฐสภาแบบคนต่อคน โดยนายอภิสิทธิ์ชี้แจงว่า เรื่องสองมาตรฐานนั้น กรณีคดีของคนเสื้อเหลืองหลายเรื่องไม่ได้เกิดในสมัยที่ตนเป็นรัฐบาล และไม่ควรจะให้เกิดสีอื่นขึ้นมาอีกในสังคมไทย ส่วนเรื่องที่มีบุคคลนอก ครม.เข้ามาเกี่ยวข้องในการแก้ปัญหาด้านความมั่นคงนั้น นายสุเทพเป็นผู้ดูแลและจะเป็นผู้ตอบคำถามนี้เอง ตนมารับผิดชอบด้านความมั่นคงภายหลังจากมีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้ว รัฐบาลไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดกลุ่มมวลชนเพื่อทำให้สถานการณ์ยุ่งยากมากขึ้น จนถึงวันนี้ยังไม่มีผู้ป่วยรายใดได้รับบาดเจ็บจากอาวุธสงคราม
“เทพเทือก” อัดวีทีอาร์บิดเบือน ยันใช้กระสุนปลอม
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ลุกขึ้นชี้แจง พร้อมฉายภาพวีทีอาร์ถึงข้อแตกต่างระหว่างกระสุนจริงและกระสุนซ้อม โดยระบุว่ากำลังพลของทหารส่วนใหญ่ใช้กระสุนซ้อม ซึ่งในวีดีโอได้แสดงให้เห็นถึงการใช้กระสุนซ้อมกับปืนเอ็ม 16 ที่จะมีทั้งการใส่อแดปเตอร์และที่ไม่ใส่อแดปเตอร์ แต่บางหน่วยงานจะได้นำพานท้ายปลอกกระสุนมาสวมไว้บริเวณปลายกระบอกปืนเพื่อแทนอแดปเตอร์ เพื่อให้การยิงต่อเนื่องโดยไม่ต้องสับไกปืน และได้ฉายตัวอย่างการยิงกระสุนปลอมเพื่อแสดงให้เห็นว่าไม่สามารถทำให้เป้ากระดาษให้ขาดได้มีแต่เสียงดังเท่านั้น
นายสุเทพยืนยันว่า กลุ่มเสื้อแดงมีอาวุธโดยตรวจพบระเบิดมือ และที่กล่าวหาว่ารัฐบาลจัดฉากที่กระทรวงมหาดไทยภาพชัดเจนว่าเสื้อแดงทำร้ายรถนายกฯ และนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกฯ ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลไม่สามารถจัดฉากได้ ส่วนเหตุการณ์ที่พัทยาตนเห็นว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถยับยั้งกลุ่มเสื้อแดงที่จะบุกรุกเข้าที่ประชุมอาเซียน จึงได้มีการปรึกษาหารือ โดยหน่วยงานในจังหวัดและนายกเมืองพัทยาบอกว่าจะชักชวนประชาชนที่ต้องการเห็นความเรียบร้อยและความสำเร็จของการประชุมมายืนเป็นเพื่อนตำรวจและทหารเท่านั้น
นายสุเทพ ยังโต้ ร.ต.อ.เฉลิมกรณี การใช้ พ.ร.ก.ว่า มีความจำเป็นที่ต้องใช้ เพราะ.มีกลุ่มผู้ชุมนุมไปบีบบังคับศาลอาญาให้ปล่อยตัวนายอริสมันต์ และยังมีการปิดการจราจรที่บริเวณสี่แยกดินแดงและอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และก่อนหน้านี้กลุ่มผู้ชุมนุมก็ได้บุกไปใช้ความรุนแรงที่พัทยามาแล้ว ผู้ที่บุกรุกเข้าไปในโรงแรมไม่ได้เข้าไปแล้วถอยกลับแต่ยังควบคุมการเข้าออกของโรงแรมจนถึงช่วงเย็นวันที่ 11 เม.ย.จนทำให้ผู้นำของหลายประเทศต้องขึ้นดาดฟ้าเพื่อขึ้นเฮลิคอปเตอร์ออกจากโรงแรม ขณะที่อีกหลายประเทศต้องรอจนค่ำจึงจะออกจากโรงแรมได้ เหตุการณ์ทั้งหมดจึงไม่ได้เป็นดังที่ ร.ต.อ.เฉลิมเสียดสี
“ถือเป็นครั้งแรกที่การประชุมระดับนานาชาติต้องล้มเหลวไม่เป็นท่า เมื่อศาลอนุมัติออกหมายจับนายอริสมันต์และเจ้าหน้าที่ได้จับกุมตัวแล้วนายอริสมันต์ยังใช้มือล็อกคอนักบินจนต้องนำเครื่องลงฉุกเฉิน กรณีการจับกุมผู้ต้องหาตอนตี 4 เจ้าหน้าที่ได้พิจารณาแล้วว่าเป็นความผิดซึ่งหน้าจับได้ทันที เหตุที่ต้องนำไปขังไว้ที่สระบุรีเพราะไม่ต้องการให้ชิงตัวผู้ต้องหา ได้ทำทุกอย่างตามที่กฎหมายได้ให้อำนาจไว้”นายสุเทพกล่าว
ส.ว.ขู่วอล์กเอาต์ “ประสพสุข” โดนว่าไม่มีสติ
สำหรับการอภิปรายในช่วงกลางคืน มีความวุ่นวายขึ้นเล็กน้อย เมื่อนายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.ประชาธิปัตย์ จะขอใช้สิทธิพากพิง กรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิมอภิปรายตอนหนึ่งพาดพิงว่าเขาเคยถูกพันธมิตรฯ ปิดล้อมในโรงแรมที่กระบี่ ซึ่งโรงแรมดังดล่าวเป้นของครอบครัวนายพิเชษฐ แต่นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภาในฐานประธานในที่ประชุมขณะนั้นไม่ยอมให้นายพิเชษฐอภิปราย แต่กลับอนุญาตให้ ส.ส.ฝ่ายค้าน นำเอาจดหมายแก้ตัวของนายอริสมันต์ ผู้ต้องหาคดีก่อความวุ่นวายที่พัทยา มาอ่าน ทำให้ ส.ส.ประชาธิปัตย์ประท้วง และนายพิเชษฐได้กล่าวว่าประธานวุฒิสภาวินิจฉัยเรื่องนี้อย่างไม่มีสติ ทำให้ ส.ว.บางส่วนไม่พอใจ ลุกขึ้นมาประท้วงนายพิเชฐ และเรียกร้องให้ถอนคำพูด พร้อมกับขู่ว่าจะวอล์กเอาต์ อย่างไรก็ตาม ต่อมานายพิเชษฐได้ยอมถอนคำพูดดังกล่าว
“สุเทพ” โต้ภาพทหารยิงเสื้อแดง ที่แท้ยิงรถเมล์ที่พุ่งเข้าใส่
ต่อมา ส.ส.ฝ่ายค้านได้ลุกขึ้นอภิปรายต่อ โดยมีการนำภาพวีซีดีทหารยิงปืนในแนวราบมาเปิด แล้วอ้างว่าเป้นภาพที่ทหารยิงปืนใส่ประชาชน อย่างไรก็ตาม นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อภิปรายว่า ภาพดังกล่าวตนก็มี ซึ่งเป็นภาพที่หน้าโรงแรมเซ็นจูรี่ ใกล้สามเหลี่ยมดินแดง โดยขณะนั้นคนเสื้อแดงได้ขับรถเมล์พุ่งเข้าชนทหาร จึงต้องมีการใช้ปืนยิงที่ล้อเพื่อหยุดรถเมล์คันดังกล่าว ซึ่งคนขับเป็นชาวจังหวัดยโสธรได้ถูกควบคุมตัว และนำไปรักษาที่โรงพยาบาลทหารผ่านศึก ก่อนที่จะหลบหนีไป
“เจะอามิง” ซัดเสื้อแดงส่งท้าย ก่อน “ปู่ชัย” ปิดประชุม
การอภิปรายดำเนินมาจนถึงเวลาเกือบ 01.00 น.ของวันใหม่ โดยผู้อภิปรายคนสุดท้ายก่อนปิดประชุมคือนายเจะอามิง โตะตาหยง ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายถึงเหตุการณ์คนเสื้อแดงเข้าไปก่อจลาจลในชุมชนเพชรบุรี ซอย 5 และ ซอย 7 ซึ่งมีการเผายางรถยนต์ ยิงปืน และนำถังแก๊สเข้าไปข่มขู่ชาวบ้าน โดยนายเจ๊ะอามิงได้นำวีซีดีเหตุการณ์มาเปิดด้วย หลังจากนั้นได้อภิปรายพร้อมภาพประกอบเหตุการณ์ที่กระทรวงมหาดไทยซึ่งคนเสื้อแดงได้เข้าไปรุมทุบรถนายกรัฐมนตรี รุมทำร้ายนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรีพร้อมกับคนขับรถ รวมทั้งมีการควบคุมตัวหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยของนายกฯ ไปใส่กุญแจมือ ทำการสอบสวนเอง ซึ่งนายเจ๊ะอามิง กล่าวว่า ที่คนเสื้อแดงอ้างว่ารักประชาธิปไตยนั้น เป็นอย่างนี้หรือ แบบนี้ต้องเรียกว่าประชาธิปไตยแบบเถื่อนๆ
ทั้งนี้ นายเจ๊ะอามิง ยังได้อภิปรายถึงเบื้องหลังที่คนเสื้อแดงออกมาก่อการจลาจลว่ามีการจัดตั้งกันมา โดยได้เปิดวิดีคลิปการปราศรัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่มีกับคนเสื้อแดงโดยผ่านวิดีโอลิงก์มายังหน้าทำเนียบรัฐบาล โดยมีช่วงหนึ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ หลุดปากเรื่องการเข้าแถวรับเงินคนละ 500 บาท
ในที่การประชุมร่วมกันของสองสภาในวันแรกได้ยุติลงเมื่อเวลา 01.00 น.ที่ผ่านมา โดยนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานรัฐสภา ได้สั่งปิดประชุมเนื่องจากหมดผู้อภิปรายตามคิวแล้ว และนัดประชุมต่อในเวลา 10.00 น. วันนี้