ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 19.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตี ได้จัดรายการ เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์ เป็นครั้งที่ 14 ตามปกติ โดยจัดรายการที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล และมีออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ ช่อง 11 และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
นายอภิสิทธิ์ เริ่มด้วยการชี้แจง สถานการณ์โดยลำดับเหตุการณ์ต่าง ๆ ให้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในช่วง 7 วันที่ผ่านมา จุดยืนแนวทางของรัฐบาลในการทำงานเป็นอย่างไร และจะพูดถึงการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ หลังจากนี้ไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งทำอย่างไร จะให้บ้านเมืองกลับคืนสู่ความสงบสุข และเกิดความสมัครสมานสามัคคีระหว่างพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนได้อย่างไร
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สัปดาห์ที่แล้วเป็นช่วงที่รัฐบาลต้องประกาศเลื่อนการประชุมสุดยอดอาเซียน และอาเซียนกับคู่เจรจาออกไป เนื่องจากเกิดเหตุการณ์ที่ผู้ชุมนุม ได้ขัดขวางและบุกเข้าไปในโรงแรมของที่ประชุมที่รัฐบาลไทยได้เตรียมจัดไว้ หลังจากนั้นตนได้เดินทางกลับมาที่กรุงเทพฯ และได้เห็นปัญหาที่เกิดขึ้นคือว่า ผู้ชุมนุมส่วนหนึ่ง หรือส่วนน้อยที่มีความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงลักษณะของการชุมนุม จากที่ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญโดยสงบปราศจากอาวุธ มาเป็นลักษณะที่เราได้เห็น ตั้งแต่ก่อนที่มีการประชุมอาเซียนจะเริ่มขึ้น ก็มีการปิดอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และแยกต่างๆ ในกรุงเทพฯ รวมไปถึงว่าเมื่อรัฐบาลได้เข้าจับกุมแกนนำที่บุกรุกเข้าไป และขัดขวางการประชุมอาเซียนก็มีการจัดการชุมนุม ไปล้อมศาล เพื่อที่จะกดดันให้มีการปล่อยตัวออกมา
แฉเสื้อแดงหวังผล2ประการ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ความ มุ่งหมายของคนกลุ่มหนึ่งก็คือต้องการให้เกิด 2 อย่าง คือต้องการให้เกิดสภาพของความโกลาหลทั่วไป เพื่อแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไทย ไม่สามารถที่จะควบคุมสถานการณ์ หรือบริหารราชการแผ่นดินได้อีกต่อไปแล้ว หรือ มิฉะนั้น ประการที่ 2 ก็คือว่า ต้องการที่จะยั่วยุให้เกิดการใช้ความรุนแรงจากภาครัฐ ซึ่งในที่สุดจะนำไปสู่ปัญหาระหว่างรัฐบาลกับมวลชน
โดยทั้ง 2 กรณีนี้ส่วนตัวไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องของการที่จะมาดำเนินการอะไรกับรัฐบาลที่มีตนเป็นผู้นำ แต่เป็นการดำเนินการเพื่อจะนำไปสู่ความล้มเหลวของรัฐบาลไทยหรือรัฐไทย ซึ่งจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างมหาศาล ความจริงลำพังการล้มการประชุมอาเซียนนั้น ก็ส่งผลกระทบอย่างมากต่อความเชื่อมั่นภาพลักษณ์ของประเทศ ซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาทางด้านเศรษฐกิจที่จะรุนแรงมากยิ่งขึ้น คือไม่มีเหตุการณ์เหล่านี้เราก็ทราบอยู่แล้วว่าพี่น้องประชาชนกำลังเดือดร้อนจากปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ และที่ห่วงใยกันมากที่สุดคือคนจะตกงาน คนจะเดือดร้อน ไม่มีรายได้ แต่ว่าเมื่อถูกซ้ำเติมด้วยเหตุการณ์เหล่านี้แล้ว จะทำให้ปัญหาต่าง ๆ แก้ยากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการที่จะดึงนักท่องเที่ยวกลับเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการลงทุนจากต่างประเทศ หรือเรื่องอื่น ๆ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 12 เม.ย. ได้ตัดสินใจที่จะประกาศภาวะฉุกเฉินร้ายแรง ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จากที่มีคนบางกลุ่มต้องการ ก่อความวุ่นวาย แทบจะเรียกได้ว่านำไปสู่การจลาจล ที่สำคัญคือว่าเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนทั่วไป ในแง่ของการที่ได้รับผลกระทบในเรื่องของ การใช้ชีวิตได้อย่างปกติ หรือได้อย่างสะดวก และการละเมิดสิทธิเสรีภาพ ของบุคคลด้วย เพราะว่าการข่มขู่ คุกคาม คนบางคน คนบางกลุ่ม ซึ่งล้วนแล้วแต่ ไม่ได้เป็นไปตามหลักการของประชาธิปไตย
ย้ำม็อบถ่อยหวังเอาชีวิตที่มหาดไทย
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเหตุการณ์ที่กระทรวงมหาดไทยว่า ตน ได้ไปที่กระทรวงมหาดไทยเพื่อที่จะร่วมกับ พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รมว.กลาโหม นายชวรัตน์ ชาญวีรกุล รมว.มหาดไทย และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตร เพื่อแถลงถึงเหตุผลที่จะต้องประกาศภาวะฉุกเฉินร้ายแรง แต่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นที่กระทรวงมหาดไทยหลังจากนั้น ตนเชื่อว่าประชาชนจำนวนไม่น้อยทราบ ก็คือทันทีที่ตน ได้แถลงข่าวเสร็จ และลงมาเพื่อที่จะเดินทางกลับ ปรากฏว่ามีผู้ชุมนุมส่วนหนึ่ง ได้เข้าไปปิดล้อมกระทรวงฯและบุกเข้าไปในพื้นที่ของกระทรวงฯ
ผมอยู่ในรถนะครับ ขึ้นรถแล้ว เห็นด้วยตาของตัวเอง ต้องใช้คำว่า มีความพยายามอย่างชัดเจนที่จะไล่ล่า ทำร้าย ถึงขั้นที่จะเอาชีวิตผม มีการเข้ามา กรูเข้ามาทุบตี เพื่อหวังที่จะให้รถของผมนั้น ไม่อยู่ในสภาพที่ใช้การได้ และขณะเดียวกัน รถคันอื่น ๆ หรือบุคคลอื่นๆ ในรัฐบาลก็ได้ถูกทำร้ายเช่นเดียวกัน หลายคนแทบจะเอาชีวิตมาไม่รอด ผมเรียนว่าก็เป็นโชคดีของผมครับ ที่หลังจากที่ถูกล้อมกรอบอยู่ประมาณ 15-20 นาที รถสามารถที่จะออกมาจากกระทรวงได้ จึงไม่ได้ถูกทำร้าย แต่ว่า มีบุคคลสำคัญหลายคนที่ติดอยู่ที่กระทรวงมหาดไทยและต้องหลบซ่อนอยู่ และสามารถออกมาได้หลังจากที่เหตุการณ์ผ่านไปประมาณ 4-5 ชั่วโมง
เชื่อแกนนำสั่งยกระดมให้รุนแรง
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สิ่งที่ได้สัมผัสตรงนั้นเป็นการยืนยันชัดเจนถึงการชุมนุม ที่ไม่ได้เป็นไปโดยความสงบไม่ได้เป็นไปตามความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญอีกต่อไป และลักษณะของความรุนแรงนี้ได้ขยายผลมาสู่การปิดแยกการจราจรต่าง ๆตนไม่ทราบ แต่เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ที่เคยไปชุมนุมที่ทำเนียบฯ ไม่ได้เห็นด้วยกับแนวทางนี้ แต่ว่า คงปฏิเสธไม่ได้ว่ามีแกนนำและผู้นำการชุมนุมอีกจำนวนมาก ซึ่งได้ประกาศชัดแจ้งว่า ต้องการที่จะให้การชุมนุมยกระดับขึ้นมา และมีการสนับสนุน สั่งการให้มีการปฏิบัติการในลักษณะนี้ รวมไปถึงการแสดงออกถึงความพึงพอใจที่ประเทศไทยไม่สามารถจัดการประชุมอาเซียน ได้
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ดังนั้นเมื่อมีการประกาศใช้ภาวะฉุกเฉินร้ายแรง ได้มีการประชุมฝ่ายความมั่นคง ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ ทหาร ข้าราชการที่เกี่ยวข้อง วางแนวทางที่จะแก้ไขปัญหานี้ นโยบายที่ได้มอบไปคือว่า เราต้องการให้บ้านเมืองกลับมามีความสงบเรียบร้อย ปกครองด้วยกฎหมายโดยเร็วที่สุดขณะเดียวกันก็ได้กำชับว่าการปฏิบัติการใด ๆ นั้น ต้องระมัดระวัง และอดทน อดกลั้น ให้มากที่สุด หลีกเลี่ยงการใช้กำลังกับพี่น้องประชาชน เพราะรู้ว่ามีผู้ชุมนุมหรือผู้นำการชุมนุมประสงค์ที่จะให้เกิดภาวะเช่นนั้น เพื่อสร้างเงื่อนไขในการสร้างความขัดแย้งในสังคมบ้านเมืองและประเทศชาติของ เราต่อไป เพราะฉะนั้น กองกำลังต่างๆ จึงได้รับนโยบายนี้อย่างชัดแจ้ง กรณีของทหารนั้น มีการพูดกันชัดเจนว่า ถ้ามีการใช้ปืน ใช้กระสุนจริงจะต้องเป็นกรณีของการยิงขึ้นฟ้า หรือกรณีที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในการป้องกันตนเองเท่านั้น ซึ่งขอยืนยันว่า แนวทางของการปฏิบัติการหลังจากนั้นมา ได้ยึดตาม แนวทางนี้มาโดยตลอด
ยันปะทะดินแดงทหารเจ็บ1ปชช.2
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คืนของวันที่ 12 เม.ย.มีการนำกำลังต่างๆ เข้ามาเพื่อที่จะรับกับสถานการณ์ของการจลาจล หรือความไม่สงบเรียบร้อยในจุดต่าง ๆ ในกรุงเทพฯ และในเช้าตรู่ของวันที่ 13 จึงได้มีการดำเนินการในการที่จะเปิดทางการคมนาคม การจราจรบริเวณดินแดง ซึ่งเป็นจุดแรกที่เราจำเป็นที่จะต้องนำคืนสู่ความสงบ การทำงานตรงนั้นเสร็จประมาณเจ็ดโมงเช้า เป็นการทำงานซึ่งมีสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศร่วมอยู่ด้วย มีทหารถูกกระสุนได้รับบาดเจ็บ 4 นาย ส่วนประชาชนอีก 2 ราย ที่ถูกกระสุนเช่นเดียวกันนั้น ได้มีการพิสูจน์ต่อมาว่าเป็นกระสุนที่ไม่ได้ออกมาจาก อาวุธสงคราม หรืออาวุธที่ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารได้ใช้
ผมให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เพราะว่ามีความพยายามที่จะบอกว่ามีบางคน เสียชีวิตแล้ว มีการดำเนินการในลักษณะของการใช้ความรุนแรงปกปิด ซึ่งทุกข้อร้องเรียน ทุกข้อมูลที่มีการออกมาว่า ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่ายหรือภาพอื่นๆ นั้น ผมได้ให้ทางเจ้าหน้าที่นั้นได้พิสูจน์ทราบถึงข้อเท็จจริงทั้งหมด และชี้แจงพี่น้องประชาชนมาโดยลำดับตลอดระยะเวลาสัปดาห์ที่ผ่านมา
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เมื่อเหตุการณ์ตรงนั้นผ่านพ้นไป ก็เกิดเหตุการณ์อีก หลายจุดตลอดวันที่ 13 เม.ย.ซึ่งเป็นช่วงที่มีการนำรถแก๊สออกมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่บริเวณชุมชนแถวดินแดงก็เป็นสภาพซึ่งพี่น้องประชาชนในพื้นที่มีความหวาดกลัวว่า ถ้ารถแก๊สระเบิด ขึ้นมาจะเกิดความเสียหายอย่างมหาศาล ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องปฏิบัติโดยระมัดระวัง ซึ่งตลอดระยะเวลาของวันที่ 13 เม.ย. ที่ได้มีการนำเอารถแก๊ส ออกมาหลายจุด มีการเข้าไปในชุมชนบางชุมชน และเกิดการปะทะกัน ไม่ว่าจะเป็นชุมชนในเพชรบุรีซอย 5 ซอย 7 ซึ่งมีพี่น้องชาวไทยมุสลิมอยู่จำนวนมาก และที่บริเวณชุมชนนางเลิ้ง ปัญหาเหล่านี้ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องค่อย ๆ คลี่คลาย สถานการณ์ไป จนกระทั่งกล่าวได้ว่าพอถึงดึกของวันที่ 13 เม.ย. ก็สามารถนำความสงบมาสู่พื้นที่เหล่านี้
ผมเรียนว่า เหตุการณ์ที่น่าเสียใจคือว่ามีพี่น้องประชาชนในชุมชนนางเลิ้ง เสียชีวิต 2ราย ซึ่งเกิดจากการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมกับทางพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ทางเจ้าหน้าที่นั้นไม่สามารถที่จะเข้าไปได้ทันเหตุการณ์ เมื่อเราได้รับแจ้งได้พยายาม ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไป เพื่อคลี่คลายสถานการณ์โดยเร็ว แต่ว่าก็เป็นที่น่าเสียใจว่าไม่ทันการ
แจงต้องจับแกนนำเพื่อให้กม.ศักดิ์สิทธิ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หลังจากนั้นได้มีการประเมินกันว่าเหลือผู้ชุมนุมอยู่รอบ ทำเนียบฯประมาณ 2 -4 พันคน มีการประชุมปรึกษาหารือกันและได้ตัดสินใจกันว่า ทางเจ้าหน้าที่นั้นจะไม่เข้าไปสลายการชุมนุม เพราะเกรงว่าอาจจะเกิดการปะทะและนำมาสู่ความสูญเสีย แต่จะใช้วิธีนำกำลังต่างๆ เข้ามาเสริม และขอร้องให้ประชาชน ที่อยากจะกลับบ้านหรือไม่ประสงค์จะร่วมชุมนุมต่อไปกลับบ้าน เพื่อที่จะให้บ้านเมืองกลับคืนสู่ความสงบสุข แนวทางอันนี้เป็นแนวทางซึ่งบ่งบอกชัดเจนว่าตนและรัฐบาลรวมทั้งเจ้าหน้าที่นั้นไม่ประสงค์ที่จะใช้ความรุนแรงใดๆ ทั้งสิ้นกับประชาชน พอเช้าวันที่ 14 หลังจากที่ได้ใช้แนวทางนี้ ทางแกนนำผู้ชุมนุมได้มีการประสานมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และได้มีการยุติการชุมนุมไป
ผมเรียนครับว่าเมื่อมีการยุติการชุมนุมไปแล้ว ก็มีการจับกุมเฉพาะแกนนำ เพราะถือว่าบุคคลเหล่านี้ได้มีส่วนในการยั่วยุให้เกิดความรุนแรง ความปั่นป่วนขึ้น ในบ้านเมือง ซึ่งไม่ใช่เป็นไปตามสิทธิเสรีภาพที่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ส่วนพี่น้องประชาชนโดยทั่วไปที่มาชุมนุมนั้น แม้ว่าจะได้ทำผิดพ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้น แต่เราก็ไม่ได้จับกุม เพราะเรายังเชื่อว่าคนส่วนมากมาด้วยความต้องการที่จะแสดงออกตามวิถีทางของ ประชาธิปไตย
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หลังจากนั้นมา แม้ว่าจะมีความพยายามของการ รวมกลุ่ม ผู้ชุมนุมขึ้นมาใหม่ไม่ว่าจะเป็นในบริเวณแยกวังแดงไปจนถึงที่สนามหลวง ทางเจ้าหน้าที่ได้ใช้วิธีการในการที่จะเข้าไปพูดคุย เพื่อขอร้องว่าขอให้บ้านเมืองกลับสู่ความสงบสุขเสียก่อน ไม่ได้มีการจับกุมอะไรเพิ่มเติม ตรงนี้เพื่อที่จะเป็นการยืนยันจุดยืนแนวทางนโยบายรัฐบาลว่า เราเคารพสิทธิเสรีภาพที่ใช้ในวิถีทางประชาธิปไตย
ฮึ่มต้องเล่นงานวิทยุชุมชนปลุกม็อบ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงวิทยุชุมชนว่า ในแง่ของสื่อต่าง ๆไม่ว่าจะเป็นวิทยุชุมชน ไม่ว่าจะเป็นสถานีโทรทัศน์บางช่อง ตราบเท่าที่การทำงานนั้นเป็นเรื่องของการ วิพากษ์วิจารณ์ติชมโดยสุจริตแม้ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล รัฐบาลก็ให้สิทธิเสรีภาพมาโดยตลอด แต่ว่าถ้ามีสถานีไหนได้มีส่วนในการปลุกปั่นยุยง ให้เกิดความไม่สงบ ก็จำเป็นที่จะต้องระงับการดำเนินการของสถานีเหล่านั้นไว้ก่อน เพื่อไม่ให้ปัญหาต่าง ๆ ลุกลามไป
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ปฏิบัติการทั้งหมดนั้นได้พยายามทำโดยความอด ทนอดกลั้น และหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงอย่างถึงที่สุด และจนถึงขณะนี้ก็ไม่มีใคร ที่ยืนยันว่ามีการเสียชีวิตของพี่น้องประชาชนจาก การทำงานของเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตามตนเปิดใจกว้าง ใครที่คิดว่ามีข้อมูลที่ยังคิดว่ามีปัญหาในเรื่องนี้ เราพร้อมที่จะรับฟัง พร้อมที่จะตรวจสอบและพร้อมที่จะชี้แจงอย่างโปร่งใสต่อไป ตนย้ำอีกครั้งว่าตลอดเวลาของการปฏิบัติการนั้น ทุกอย่างเป็นไปด้วยความโปร่งใส มีสื่อทั้งในและต่างประเทศอยู่ร่วมในเหตุการณ์เหล่านั้นด้วย
แนะถอดความรู้สึกส่วนตัวเพื่อบ้านเมือง
ผมพูดตั้งแต่เหตุการณ์เริ่มสงบลงว่า ไม่ใช่เรื่องของฝ่ายใดชนะ ฝ่ายใดแพ้ แต่เป็นเรื่องที่เราต้องการที่จะให้บ้านเมืองนั้นกลับมาสู่ความสงบสุข เพื่อประโยชน์ของ พี่น้องประชาชนทุกคน ให้รัฐบาลสามารถทำงานต่อได้ผมทราบดีว่าในการปฏิบัติการอย่างนี้ ย่อมจะก่อให้เกิดอารมณ์ บางครั้งก็เป็นความเกลียดชังบางครั้งก็เป็นความหงุดหงิด บางครั้งก็เป็นความอึดอัด ผมเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้นครับ และผมได้เรียนว่า หลายคนก็สอบถามผมว่าหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นกับผมนั้น ผมรู้สึกอย่างไร ผมได้ตอบไปครับว่า ผมก็เป็นคนๆ หนึ่งเป็นมนุษย์ธรรมดา ความรู้สึกก็ต้องมีครับ ใครที่ผ่านเหตุการณ์ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาอย่างผม ผมเชื่อว่าก็ต้องมีความรู้สึก แต่สิ่งที่ผมใช้ในการทำหน้าที่ของผมก็คือว่า ผมต้องแยกและถอดความรู้สึกส่วนตัวทั้งหลายออกไป และสวมหมวกเพียงแค่การ ดำรงตำแหน่งและการมีหน้าที่ในการดูแลพี่น้องประชาชน ทุกคนอย่างเสมอภาค เพื่อให้บ้านเมืองสงบสุข เพื่อให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าได้ ผมได้ทำอย่างนี้ และผมอยากจะเรียนว่า ถ้าพี่น้องประชาชนไม่ว่าท่านจะมีความคิดอ่านทางการเมือง หรืออยู่ฝ่ายใดสามารถทำได้อย่างนี้ นั่นแหละครับจะเป็นหนทางที่เรานำความ สงบสุขกลับคืนมาสู่บ้านเมืองได้อย่าง แท้จริง
นายอภิสิทธิ์ เริ่มด้วยการชี้แจง สถานการณ์โดยลำดับเหตุการณ์ต่าง ๆ ให้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในช่วง 7 วันที่ผ่านมา จุดยืนแนวทางของรัฐบาลในการทำงานเป็นอย่างไร และจะพูดถึงการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ หลังจากนี้ไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งทำอย่างไร จะให้บ้านเมืองกลับคืนสู่ความสงบสุข และเกิดความสมัครสมานสามัคคีระหว่างพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนได้อย่างไร
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สัปดาห์ที่แล้วเป็นช่วงที่รัฐบาลต้องประกาศเลื่อนการประชุมสุดยอดอาเซียน และอาเซียนกับคู่เจรจาออกไป เนื่องจากเกิดเหตุการณ์ที่ผู้ชุมนุม ได้ขัดขวางและบุกเข้าไปในโรงแรมของที่ประชุมที่รัฐบาลไทยได้เตรียมจัดไว้ หลังจากนั้นตนได้เดินทางกลับมาที่กรุงเทพฯ และได้เห็นปัญหาที่เกิดขึ้นคือว่า ผู้ชุมนุมส่วนหนึ่ง หรือส่วนน้อยที่มีความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงลักษณะของการชุมนุม จากที่ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญโดยสงบปราศจากอาวุธ มาเป็นลักษณะที่เราได้เห็น ตั้งแต่ก่อนที่มีการประชุมอาเซียนจะเริ่มขึ้น ก็มีการปิดอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และแยกต่างๆ ในกรุงเทพฯ รวมไปถึงว่าเมื่อรัฐบาลได้เข้าจับกุมแกนนำที่บุกรุกเข้าไป และขัดขวางการประชุมอาเซียนก็มีการจัดการชุมนุม ไปล้อมศาล เพื่อที่จะกดดันให้มีการปล่อยตัวออกมา
แฉเสื้อแดงหวังผล2ประการ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ความ มุ่งหมายของคนกลุ่มหนึ่งก็คือต้องการให้เกิด 2 อย่าง คือต้องการให้เกิดสภาพของความโกลาหลทั่วไป เพื่อแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไทย ไม่สามารถที่จะควบคุมสถานการณ์ หรือบริหารราชการแผ่นดินได้อีกต่อไปแล้ว หรือ มิฉะนั้น ประการที่ 2 ก็คือว่า ต้องการที่จะยั่วยุให้เกิดการใช้ความรุนแรงจากภาครัฐ ซึ่งในที่สุดจะนำไปสู่ปัญหาระหว่างรัฐบาลกับมวลชน
โดยทั้ง 2 กรณีนี้ส่วนตัวไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องของการที่จะมาดำเนินการอะไรกับรัฐบาลที่มีตนเป็นผู้นำ แต่เป็นการดำเนินการเพื่อจะนำไปสู่ความล้มเหลวของรัฐบาลไทยหรือรัฐไทย ซึ่งจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างมหาศาล ความจริงลำพังการล้มการประชุมอาเซียนนั้น ก็ส่งผลกระทบอย่างมากต่อความเชื่อมั่นภาพลักษณ์ของประเทศ ซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาทางด้านเศรษฐกิจที่จะรุนแรงมากยิ่งขึ้น คือไม่มีเหตุการณ์เหล่านี้เราก็ทราบอยู่แล้วว่าพี่น้องประชาชนกำลังเดือดร้อนจากปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ และที่ห่วงใยกันมากที่สุดคือคนจะตกงาน คนจะเดือดร้อน ไม่มีรายได้ แต่ว่าเมื่อถูกซ้ำเติมด้วยเหตุการณ์เหล่านี้แล้ว จะทำให้ปัญหาต่าง ๆ แก้ยากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการที่จะดึงนักท่องเที่ยวกลับเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการลงทุนจากต่างประเทศ หรือเรื่องอื่น ๆ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 12 เม.ย. ได้ตัดสินใจที่จะประกาศภาวะฉุกเฉินร้ายแรง ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จากที่มีคนบางกลุ่มต้องการ ก่อความวุ่นวาย แทบจะเรียกได้ว่านำไปสู่การจลาจล ที่สำคัญคือว่าเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนทั่วไป ในแง่ของการที่ได้รับผลกระทบในเรื่องของ การใช้ชีวิตได้อย่างปกติ หรือได้อย่างสะดวก และการละเมิดสิทธิเสรีภาพ ของบุคคลด้วย เพราะว่าการข่มขู่ คุกคาม คนบางคน คนบางกลุ่ม ซึ่งล้วนแล้วแต่ ไม่ได้เป็นไปตามหลักการของประชาธิปไตย
ย้ำม็อบถ่อยหวังเอาชีวิตที่มหาดไทย
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเหตุการณ์ที่กระทรวงมหาดไทยว่า ตน ได้ไปที่กระทรวงมหาดไทยเพื่อที่จะร่วมกับ พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รมว.กลาโหม นายชวรัตน์ ชาญวีรกุล รมว.มหาดไทย และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตร เพื่อแถลงถึงเหตุผลที่จะต้องประกาศภาวะฉุกเฉินร้ายแรง แต่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นที่กระทรวงมหาดไทยหลังจากนั้น ตนเชื่อว่าประชาชนจำนวนไม่น้อยทราบ ก็คือทันทีที่ตน ได้แถลงข่าวเสร็จ และลงมาเพื่อที่จะเดินทางกลับ ปรากฏว่ามีผู้ชุมนุมส่วนหนึ่ง ได้เข้าไปปิดล้อมกระทรวงฯและบุกเข้าไปในพื้นที่ของกระทรวงฯ
ผมอยู่ในรถนะครับ ขึ้นรถแล้ว เห็นด้วยตาของตัวเอง ต้องใช้คำว่า มีความพยายามอย่างชัดเจนที่จะไล่ล่า ทำร้าย ถึงขั้นที่จะเอาชีวิตผม มีการเข้ามา กรูเข้ามาทุบตี เพื่อหวังที่จะให้รถของผมนั้น ไม่อยู่ในสภาพที่ใช้การได้ และขณะเดียวกัน รถคันอื่น ๆ หรือบุคคลอื่นๆ ในรัฐบาลก็ได้ถูกทำร้ายเช่นเดียวกัน หลายคนแทบจะเอาชีวิตมาไม่รอด ผมเรียนว่าก็เป็นโชคดีของผมครับ ที่หลังจากที่ถูกล้อมกรอบอยู่ประมาณ 15-20 นาที รถสามารถที่จะออกมาจากกระทรวงได้ จึงไม่ได้ถูกทำร้าย แต่ว่า มีบุคคลสำคัญหลายคนที่ติดอยู่ที่กระทรวงมหาดไทยและต้องหลบซ่อนอยู่ และสามารถออกมาได้หลังจากที่เหตุการณ์ผ่านไปประมาณ 4-5 ชั่วโมง
เชื่อแกนนำสั่งยกระดมให้รุนแรง
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สิ่งที่ได้สัมผัสตรงนั้นเป็นการยืนยันชัดเจนถึงการชุมนุม ที่ไม่ได้เป็นไปโดยความสงบไม่ได้เป็นไปตามความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญอีกต่อไป และลักษณะของความรุนแรงนี้ได้ขยายผลมาสู่การปิดแยกการจราจรต่าง ๆตนไม่ทราบ แต่เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ที่เคยไปชุมนุมที่ทำเนียบฯ ไม่ได้เห็นด้วยกับแนวทางนี้ แต่ว่า คงปฏิเสธไม่ได้ว่ามีแกนนำและผู้นำการชุมนุมอีกจำนวนมาก ซึ่งได้ประกาศชัดแจ้งว่า ต้องการที่จะให้การชุมนุมยกระดับขึ้นมา และมีการสนับสนุน สั่งการให้มีการปฏิบัติการในลักษณะนี้ รวมไปถึงการแสดงออกถึงความพึงพอใจที่ประเทศไทยไม่สามารถจัดการประชุมอาเซียน ได้
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ดังนั้นเมื่อมีการประกาศใช้ภาวะฉุกเฉินร้ายแรง ได้มีการประชุมฝ่ายความมั่นคง ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ ทหาร ข้าราชการที่เกี่ยวข้อง วางแนวทางที่จะแก้ไขปัญหานี้ นโยบายที่ได้มอบไปคือว่า เราต้องการให้บ้านเมืองกลับมามีความสงบเรียบร้อย ปกครองด้วยกฎหมายโดยเร็วที่สุดขณะเดียวกันก็ได้กำชับว่าการปฏิบัติการใด ๆ นั้น ต้องระมัดระวัง และอดทน อดกลั้น ให้มากที่สุด หลีกเลี่ยงการใช้กำลังกับพี่น้องประชาชน เพราะรู้ว่ามีผู้ชุมนุมหรือผู้นำการชุมนุมประสงค์ที่จะให้เกิดภาวะเช่นนั้น เพื่อสร้างเงื่อนไขในการสร้างความขัดแย้งในสังคมบ้านเมืองและประเทศชาติของ เราต่อไป เพราะฉะนั้น กองกำลังต่างๆ จึงได้รับนโยบายนี้อย่างชัดแจ้ง กรณีของทหารนั้น มีการพูดกันชัดเจนว่า ถ้ามีการใช้ปืน ใช้กระสุนจริงจะต้องเป็นกรณีของการยิงขึ้นฟ้า หรือกรณีที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในการป้องกันตนเองเท่านั้น ซึ่งขอยืนยันว่า แนวทางของการปฏิบัติการหลังจากนั้นมา ได้ยึดตาม แนวทางนี้มาโดยตลอด
ยันปะทะดินแดงทหารเจ็บ1ปชช.2
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คืนของวันที่ 12 เม.ย.มีการนำกำลังต่างๆ เข้ามาเพื่อที่จะรับกับสถานการณ์ของการจลาจล หรือความไม่สงบเรียบร้อยในจุดต่าง ๆ ในกรุงเทพฯ และในเช้าตรู่ของวันที่ 13 จึงได้มีการดำเนินการในการที่จะเปิดทางการคมนาคม การจราจรบริเวณดินแดง ซึ่งเป็นจุดแรกที่เราจำเป็นที่จะต้องนำคืนสู่ความสงบ การทำงานตรงนั้นเสร็จประมาณเจ็ดโมงเช้า เป็นการทำงานซึ่งมีสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศร่วมอยู่ด้วย มีทหารถูกกระสุนได้รับบาดเจ็บ 4 นาย ส่วนประชาชนอีก 2 ราย ที่ถูกกระสุนเช่นเดียวกันนั้น ได้มีการพิสูจน์ต่อมาว่าเป็นกระสุนที่ไม่ได้ออกมาจาก อาวุธสงคราม หรืออาวุธที่ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารได้ใช้
ผมให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เพราะว่ามีความพยายามที่จะบอกว่ามีบางคน เสียชีวิตแล้ว มีการดำเนินการในลักษณะของการใช้ความรุนแรงปกปิด ซึ่งทุกข้อร้องเรียน ทุกข้อมูลที่มีการออกมาว่า ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่ายหรือภาพอื่นๆ นั้น ผมได้ให้ทางเจ้าหน้าที่นั้นได้พิสูจน์ทราบถึงข้อเท็จจริงทั้งหมด และชี้แจงพี่น้องประชาชนมาโดยลำดับตลอดระยะเวลาสัปดาห์ที่ผ่านมา
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เมื่อเหตุการณ์ตรงนั้นผ่านพ้นไป ก็เกิดเหตุการณ์อีก หลายจุดตลอดวันที่ 13 เม.ย.ซึ่งเป็นช่วงที่มีการนำรถแก๊สออกมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่บริเวณชุมชนแถวดินแดงก็เป็นสภาพซึ่งพี่น้องประชาชนในพื้นที่มีความหวาดกลัวว่า ถ้ารถแก๊สระเบิด ขึ้นมาจะเกิดความเสียหายอย่างมหาศาล ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องปฏิบัติโดยระมัดระวัง ซึ่งตลอดระยะเวลาของวันที่ 13 เม.ย. ที่ได้มีการนำเอารถแก๊ส ออกมาหลายจุด มีการเข้าไปในชุมชนบางชุมชน และเกิดการปะทะกัน ไม่ว่าจะเป็นชุมชนในเพชรบุรีซอย 5 ซอย 7 ซึ่งมีพี่น้องชาวไทยมุสลิมอยู่จำนวนมาก และที่บริเวณชุมชนนางเลิ้ง ปัญหาเหล่านี้ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องค่อย ๆ คลี่คลาย สถานการณ์ไป จนกระทั่งกล่าวได้ว่าพอถึงดึกของวันที่ 13 เม.ย. ก็สามารถนำความสงบมาสู่พื้นที่เหล่านี้
ผมเรียนว่า เหตุการณ์ที่น่าเสียใจคือว่ามีพี่น้องประชาชนในชุมชนนางเลิ้ง เสียชีวิต 2ราย ซึ่งเกิดจากการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมกับทางพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ทางเจ้าหน้าที่นั้นไม่สามารถที่จะเข้าไปได้ทันเหตุการณ์ เมื่อเราได้รับแจ้งได้พยายาม ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไป เพื่อคลี่คลายสถานการณ์โดยเร็ว แต่ว่าก็เป็นที่น่าเสียใจว่าไม่ทันการ
แจงต้องจับแกนนำเพื่อให้กม.ศักดิ์สิทธิ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หลังจากนั้นได้มีการประเมินกันว่าเหลือผู้ชุมนุมอยู่รอบ ทำเนียบฯประมาณ 2 -4 พันคน มีการประชุมปรึกษาหารือกันและได้ตัดสินใจกันว่า ทางเจ้าหน้าที่นั้นจะไม่เข้าไปสลายการชุมนุม เพราะเกรงว่าอาจจะเกิดการปะทะและนำมาสู่ความสูญเสีย แต่จะใช้วิธีนำกำลังต่างๆ เข้ามาเสริม และขอร้องให้ประชาชน ที่อยากจะกลับบ้านหรือไม่ประสงค์จะร่วมชุมนุมต่อไปกลับบ้าน เพื่อที่จะให้บ้านเมืองกลับคืนสู่ความสงบสุข แนวทางอันนี้เป็นแนวทางซึ่งบ่งบอกชัดเจนว่าตนและรัฐบาลรวมทั้งเจ้าหน้าที่นั้นไม่ประสงค์ที่จะใช้ความรุนแรงใดๆ ทั้งสิ้นกับประชาชน พอเช้าวันที่ 14 หลังจากที่ได้ใช้แนวทางนี้ ทางแกนนำผู้ชุมนุมได้มีการประสานมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และได้มีการยุติการชุมนุมไป
ผมเรียนครับว่าเมื่อมีการยุติการชุมนุมไปแล้ว ก็มีการจับกุมเฉพาะแกนนำ เพราะถือว่าบุคคลเหล่านี้ได้มีส่วนในการยั่วยุให้เกิดความรุนแรง ความปั่นป่วนขึ้น ในบ้านเมือง ซึ่งไม่ใช่เป็นไปตามสิทธิเสรีภาพที่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ส่วนพี่น้องประชาชนโดยทั่วไปที่มาชุมนุมนั้น แม้ว่าจะได้ทำผิดพ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้น แต่เราก็ไม่ได้จับกุม เพราะเรายังเชื่อว่าคนส่วนมากมาด้วยความต้องการที่จะแสดงออกตามวิถีทางของ ประชาธิปไตย
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หลังจากนั้นมา แม้ว่าจะมีความพยายามของการ รวมกลุ่ม ผู้ชุมนุมขึ้นมาใหม่ไม่ว่าจะเป็นในบริเวณแยกวังแดงไปจนถึงที่สนามหลวง ทางเจ้าหน้าที่ได้ใช้วิธีการในการที่จะเข้าไปพูดคุย เพื่อขอร้องว่าขอให้บ้านเมืองกลับสู่ความสงบสุขเสียก่อน ไม่ได้มีการจับกุมอะไรเพิ่มเติม ตรงนี้เพื่อที่จะเป็นการยืนยันจุดยืนแนวทางนโยบายรัฐบาลว่า เราเคารพสิทธิเสรีภาพที่ใช้ในวิถีทางประชาธิปไตย
ฮึ่มต้องเล่นงานวิทยุชุมชนปลุกม็อบ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงวิทยุชุมชนว่า ในแง่ของสื่อต่าง ๆไม่ว่าจะเป็นวิทยุชุมชน ไม่ว่าจะเป็นสถานีโทรทัศน์บางช่อง ตราบเท่าที่การทำงานนั้นเป็นเรื่องของการ วิพากษ์วิจารณ์ติชมโดยสุจริตแม้ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล รัฐบาลก็ให้สิทธิเสรีภาพมาโดยตลอด แต่ว่าถ้ามีสถานีไหนได้มีส่วนในการปลุกปั่นยุยง ให้เกิดความไม่สงบ ก็จำเป็นที่จะต้องระงับการดำเนินการของสถานีเหล่านั้นไว้ก่อน เพื่อไม่ให้ปัญหาต่าง ๆ ลุกลามไป
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ปฏิบัติการทั้งหมดนั้นได้พยายามทำโดยความอด ทนอดกลั้น และหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงอย่างถึงที่สุด และจนถึงขณะนี้ก็ไม่มีใคร ที่ยืนยันว่ามีการเสียชีวิตของพี่น้องประชาชนจาก การทำงานของเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตามตนเปิดใจกว้าง ใครที่คิดว่ามีข้อมูลที่ยังคิดว่ามีปัญหาในเรื่องนี้ เราพร้อมที่จะรับฟัง พร้อมที่จะตรวจสอบและพร้อมที่จะชี้แจงอย่างโปร่งใสต่อไป ตนย้ำอีกครั้งว่าตลอดเวลาของการปฏิบัติการนั้น ทุกอย่างเป็นไปด้วยความโปร่งใส มีสื่อทั้งในและต่างประเทศอยู่ร่วมในเหตุการณ์เหล่านั้นด้วย
แนะถอดความรู้สึกส่วนตัวเพื่อบ้านเมือง
ผมพูดตั้งแต่เหตุการณ์เริ่มสงบลงว่า ไม่ใช่เรื่องของฝ่ายใดชนะ ฝ่ายใดแพ้ แต่เป็นเรื่องที่เราต้องการที่จะให้บ้านเมืองนั้นกลับมาสู่ความสงบสุข เพื่อประโยชน์ของ พี่น้องประชาชนทุกคน ให้รัฐบาลสามารถทำงานต่อได้ผมทราบดีว่าในการปฏิบัติการอย่างนี้ ย่อมจะก่อให้เกิดอารมณ์ บางครั้งก็เป็นความเกลียดชังบางครั้งก็เป็นความหงุดหงิด บางครั้งก็เป็นความอึดอัด ผมเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้นครับ และผมได้เรียนว่า หลายคนก็สอบถามผมว่าหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นกับผมนั้น ผมรู้สึกอย่างไร ผมได้ตอบไปครับว่า ผมก็เป็นคนๆ หนึ่งเป็นมนุษย์ธรรมดา ความรู้สึกก็ต้องมีครับ ใครที่ผ่านเหตุการณ์ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาอย่างผม ผมเชื่อว่าก็ต้องมีความรู้สึก แต่สิ่งที่ผมใช้ในการทำหน้าที่ของผมก็คือว่า ผมต้องแยกและถอดความรู้สึกส่วนตัวทั้งหลายออกไป และสวมหมวกเพียงแค่การ ดำรงตำแหน่งและการมีหน้าที่ในการดูแลพี่น้องประชาชน ทุกคนอย่างเสมอภาค เพื่อให้บ้านเมืองสงบสุข เพื่อให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าได้ ผมได้ทำอย่างนี้ และผมอยากจะเรียนว่า ถ้าพี่น้องประชาชนไม่ว่าท่านจะมีความคิดอ่านทางการเมือง หรืออยู่ฝ่ายใดสามารถทำได้อย่างนี้ นั่นแหละครับจะเป็นหนทางที่เรานำความ สงบสุขกลับคืนมาสู่บ้านเมืองได้อย่าง แท้จริง