สหภาพ ขสมก.ยื่นหนังสือนายกฯ เสนอวิธีให้บริการรถ ขสมก. ยันจำเป็นต้องหารถใหม่แทนเก่า

สหภาพฯ ขสมก.โผล่ทำเนียบยื่นหนังสือถึง “อภิสิทธิ์” เสนอแนะวิธีการให้บริการรถ ขสมก. ชี้เป็นเรื่องจำเป็นต้องหารถใหม่แทนรถเก่า พร้อมเสนอรัฐเก็บค่ารถครึ่งราคาช่วยกระตุ้นประชาชนใช้รถโดยสาร อัดเหลือบเมล์ฉาวโยงประเด็นการเมืองทำภาพลักษณ์เสีย กลายเป็นจำเลยสังคม ขณะที่ “ม็อบ รสพ.” ยื่นหนังสือด้วย จี้รัฐบาลเร่งฟื้นฟู

วันนี้ (16 มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. บริเวณประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล ถนนพิษณุโลก สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ นำโดยนายวีระพงษ์ วงศ์แหวน รองประธานฝ่ายวิชาการ รักษาการประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ยื่นหนังสือถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โดยเสนอวิธีการให้บริการรถโดยสาร ขสมก. คือให้นำรถ ขสมก.ทั้งหมดทุกประเภท โดยเก็บค่าโดยสารครึ่งราคา และในเวลาเร่งด่วนเช้า-เย็น ซึ่งประชาชนต้องการเดินทางโดยเร็ว รถคันใดมาถึงก่อนก็จะให้บริการทันที ทั้งนี้ การให้บริการรถธรรมดา (รถสีแดง-ครีม) 800 คันฟรีที่ผ่านมาไม่ทั่วถึงและไม่ครอบคลุมทุกเส้นทาง ทำให้ประชาชนที่ใช้บริการในเส้นทางที่ไม่มีรถธรรมดายังคงต้องใช้รถโดยสารปรับอากาศ หรือรถร่วมเอกชนในอัตราค่าโดยสารปกติ ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้รับการช่วยเหลือหรือบริการอย่างทั่วถึง ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวให้รัฐบาลจัดสรรเงินงบประมาณเพื่อชดเชยให้แก่ ขสมก.ในส่วนที่ลดราคาหรือส่วนที่ขาด

“ในภาวะวิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำ และราคาน้ำมันเชื้อเพลิงสูงขึ้น รัฐบาลควรอาศัยมาตรการรถโดยสารครึ่งราคา ทำการรณรงค์ให้ประชาชนหันมาใช้รถโดยสาธารณะราคาถูก ซึ่งจะส่งผลถึงการลดภาวะวิกฤตเชื้อเพลิงและวิกฤตโลกร้อน และช่วยบรรเทาการเจรจรไม่ให้รถติด” นายวีระพงษ์ กล่าว และว่า ขณะนี้ ขสมก.เป็นจำเลยทางสังคมในการเช่า-ซื้อรถเมล์เอ็นจีวี ซึ่งตนสนับสนุน 5 มาตรการ 5 เดือนที่รัฐบาลออกมา เพราะเป็นประโยชน์แก่ประชาชน ซึ่งระบบขนส่งอื่นควรปรับปรุงวิธีการให้บริการวิธีปรับลดราคาค่าโดยสารด้วย เพื่อให้ประชาชนใช้บริการอย่างทั่วถึง

นอกจากนี้ สหภาพ ขสมก.ได้ออกแถลงการณ์เรื่อง “ขอให้หยุดทำร้าย ขสมก. และพนักงานเพราะเหตุโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคัน” โดยแถลงการณ์ตอบโต้หลายประเด็น เช่น การเติมเชื้อเพลิงเอ็นจีวี เพราะป้องกันพนักงานดูดน้ำมันขาย การใช้ระบบเก็บตั๋วโดยสาร E-TICKET เพื่อป้องกันการทุจริตขายตั๋วเก่า การให้ ขสมก.เป็นเพียงผู้ควบคุมสัมปทานเส้นทาง แต่การเดินรถให้เอกชนดำเนินการทั้งหมด รวมทั้งการให้ยุบเลิก ขสมก. โดยโอนให้ กทม. และยังมีคนอ้างเป็นผู้แทนชมรมรถร่วมฯ เคลื่อนไหวคัดค้านการนำรถเมล์ 4 พันคันของ ขสมก.มาทดแทนรถเก่าด้วย

“จากการเคลื่อนไหวและความเห็นหรือข้อสังเกตของบุคคล คณะบุคคลต่อกรณีนี้ทำให้ ขสมก.และพนักงานเกิดความเสียหายถูกนำไปเป็นประเด็นโต้แย้งซึ่งกันและกัน กลายเป็นประเด็นทางการเมือง และขัดแย้งทางผลประโยชน์ของคนบางคน บางกลุ่ม สหภาพแรงงานฯ รู้สึกเสียใจและเกลียดชังต่อการกระทำดังกล่าวเพราะทำให้เห็นว่าการติติง การให้เหตุผลสนับสนุนหรือการคัดค้านวิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานความห่วงใยและจริงใจต่อ ขสมก.”

แถลงการณ์ระบุอีกว่า ความจำเป็นในการจัดหารถใหม่ไม่น้อยกว่า 4-6 พันคัน มาทดแทนรถเก่าที่เกินกำหนดระยะเวลาปลดระวางใช้งาน เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร และเพื่อการให้บริการประชาชนให้ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ และ 5 จังหวัดใกล้เคียงเป็นความจำเป็นจริงๆ ของ ขสมก.โดยรถต้องตกเป็นทรัพย์สินของ ขสมก. และการได้มาต้องโปร่งใสตรวจสอบได้ ใช้ประโยชน์ได้อย่างคุ้มค่า และไม่ส่งผลกระทบต่อพนักงาน

ผู้สื่อข่าวรายงานเวลาไล่เลี่ยกัน นายบุญมา ป๋งมา รองเลขาธิการฝ่ายปฏิบัติการสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านศูนย์รับเรื่องร้องเรียนรัฐบาล เพื่อติดตามเร่งรัดการอนุมัติฟื้นฟูกิจการรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ (ร.ส.พ.) โดยขอให้รัฐบาลทำตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. 2550 คือฟื้นฟูให้หน่วยงานในสังกัดสำนักงานลอจิสติกแห่งชาติ ที่มีนายกฯ เป็นประธาน หรือฟื้นฟูให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม แต่เวลากลับล่วงเลยมานานพอสมควร จึงขอให้รัฐเร่งดำเนินการโดยด่วนตามนโยบายของรัฐ ทั้งการสร้างงานและสร้างรายได้ เพราะหากไม่เร่งดำเนินการจะเป็นการแสดงถึงความไม่จริงใจของรัฐบาล