xs
xsm
sm
md
lg

“พท.” หน้าแหก ไปขอตรวจสอบรถเมล์ NGV ต้นแบบ แต่ไม่เจอ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ส.ส.ไข่แม้ว ป่วนไม่เลิก ยกขบวนไปขอตรวจสอบรถเมล์ NGV ต้นแบบ ที่ขสมก.แต่ไม่เจอ จึงแก้เก้อวิจารณ์โครงการนี้ไม่มีความชัดเจน ด้านพร้อมพงศ์ บ่นเสียดายที่มาไม่เจอรถต้นแบบ แต่จะบุกอนุสาวรีย์ฯ ไปดูรถเมล์ลักษณะคล้ายกัน เพื่อนำไปเปรียบเทียบต้นทุน ขณะที่ประธานชมรมรถร่วม ชี้ หากจัดหารถเมล์ที่ผลิตในประเทศ จะช่วยลดต้นทุนได้มากกว่า เพราะไม่ต้องเสียภาษีร้อยละ 40

วันนี้ (2 มิ.ย.) เมื่อเวลา 10.30 น. นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. ในฐานะประธานภาคกทม. พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยคณะทำงาน และนายบรรยงค์ อัมพรตระกูล ประธานชมรมรถร่วมบริการขสมก. ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีมีกระแสข่าวว่า มีการนำรถเมล์เอ็นจีวี ต้นแบบเข้ามาในประเทศไทย ในโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคันที่กระทรวงคมนาคมกำลังผลักดันเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ที่องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ถนนเทียนร่วมมิตร แต่ไม่รู้ปรากฎว่ามีรถแต่อย่างใด ทั้งนี้ นายพิเณศว์ พัวพัฒนกุล ผู้อำนวยการ ขสมก. นั้นได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ว่า อยู่ระหว่างการลาป่วย

นายวิรัตน์ โชคคติวัฒน์ ผู้ช่วย ผู้อำนวยการ ขสมก. ฝ่ายการเดินรถองค์การฯ กล่าวว่า ยังไม่มีการสั่งให้นำรถเมล์เอ็นจีวีต้นแบบเข้ามา และไม่มีการยืมรถต้นแบบมาแต่อย่างใด เพราะขณะนี้ทุกอย่างยังเป็นวุ้น ที่สำคัญหากมีการอนุมัติให้เช่ารถเมล์เอ็นจีวี จะต้องมีการสร้างอู่จอดรถใหม่ 14 แห่ง พร้อมสถานีเติมก๊าซเอ็นจีวีโดยเฉพาะ

ชี้ รถเอ็นจีวีต่อในไทยถูกกว่า 2.5 ล้านต่อคัน

ด้านนายวิชาญ กล่าวว่า เมื่อยังไม่มีการนำเข้ารถต้นแบบเข้ามาแต่จะตรวจสอบต่อไป พรรคเพื่อไทยไม่ได้คัดค้านการนำรถเมล์เอ็นจีวีใหม่เข้ามาให้บริการกับประชาชน เพียงแต่ขอให้ครม.พิจารณาในเรื่องราคาเช่าและจำนวนรถที่จะนำมาวิ่งว่ามีจำนวนที่เหมาะสมหรือไม่ ถ้าต้นทุนราคาต่ำไม่สูงแพงอย่างในทีโออาร์และรถที่ใช้มีคุณภาพ เนื่องจากสมัยรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช และรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้เคยคัดค้านว่าการเช่ารถเมล์ มีราคาสูงที่เกินไป เพราะขณะนี้รถดังกล่าว สามารถต่อในประเทศไทยได้แล้ว โดยต้นทุนไม่น่าจะเกิน2.5ล้านบาทต่อคัน

หวั่น ซ้ำรอยรถ-เรือดับเพลิงฉาว

นายวิชาญ กล่าวอีกว่า ขอตั้งข้อสังเกตว่า ในส่วนของรถเมล์เอ็นจีวีที่จะจัดซื้อเข้ามานั้น จะคล้ายๆกรณีการจัดซื้อรถดับเพลิงของกทม.ที่มีการออกสเปคในทีโออาร์ว่าจะต้องประกอบจากต่างประเทศ แต่ในท้ายที่สุดพบว่ามีการประกอบในประเทศไทย ทั้งรถและเรือดับเพลิงที่ประกอบในประเทศไทยทั้งสิ้น หากคิดให้รอบคอบ จึงเป็นมุมมองว่ามีการกำหนดทีโออาร์ราคารถเมล์คันละ5 ล้านบาทมาจากต่างประเทศ แต่อาจมีการผลิตประกอบในประเทศซึ่งส่วนต่างของราคาเช่าตรงนี้จะถูกนำไปใช้เพื่อผลประโยชน์ในทางการเมืองหรือไม่ ส่วนกรณีที่มีแนวคิดพยายามจะโยนโครงการดังกล่าวไปให้กรุงเทพมหานคร(กทม.)นั้น ต้องย้อนถามว่า กทม.มีศักยภาพหรือไม่ เพราะจากปัญหากรณีรถและเรือดับเพลิงยังเกิดปัญหาจนถึงทุกวันนี้

ขู่ รวบรวมข้อมูลยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล

ขณะที่นายพร้อมพงษ์ กล่าวว่า เมื่อรถต้นแบบไม่อยู่ โดยไม่ทราบว่าถูกย้ายไปที่ใด แต่ก็ยังมีข้อสงสัยว่า อาจไม่โปร่งใสและส่อทุจริต นอกจากนี้ยังทราบว่ารถเมล์เอ็นจีวีที่กำลังมีการผลักดันนั้น มีสเป็คคล้ายกับของรถเมล์ของรถร่วมบริการสาย538และสาย 542 ที่มีการนำเข้าจากประเทศจีนด้วย อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าหากในวันพรุ่งนี้(3 มิ.ย.)รัฐบาลชุดนี้อนุมัติโครงการดังกล่าว พรรคเพื่อไทยจะเดินหน้าตรวจสอบข้อเท็จจริง และจะนำข้อเท็จจริงตีแผ่ให้สาธารณชนรับทราบ พร้อมทั้งจะรวบรวมข้อมูลเพื่อนำไปใช้ในการยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลต่อไป

ปธ.ชมรมรถร่วมฯ เสนอ ให้รัฐบาลเช่า2,500ต่อคัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะทำงานของพรรคเพื่อไทยได้พาสื่อมวลชนเดินทางไปดูการเดินรถเมล์เอ็นจีวี สีเหลือง สาย 538 อนุสาวรีย์ชัย-ราชมงคล(คลอง 6-ธัญบุรี)ของรถร่วมบริการขสมก.ที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิด้วย ซึ่งเป็นรถยี่ห้อ ซันหลง (SUNLONG) ซึ่งมีสเปคใกล้เคียงกับที่จะมีการเช่ารถเมล์เอ็นจีวีของรัฐบาล เพียงแต่มีข้อแตกต่างตรงบันไดขึ้นรถที่รถเอ็นจีวี สาย538 มี2 ขั้น แต่ที่รัฐบาลจะเช่าในทีโออาร์ นั้นกำหนดให้มีบันได 3ขั้น ทั้งนี้ จากข้อมูลเบื้องต้นขณะนี้รถสเปคดังกล่าวสามารถประกอบได้ในประเทศ และปัจจุบันมีใช้กับรถร่วมบริการและไมโครบัสแล้ว

นายบรรยงค์ อัมพรตระกูล ประธานชมรมรถร่วมบริการ ขสมก. กล่าวว่า ในส่วนของผู้ประกอบการรถร่วมขสมก.นั้นยินดีให้รัฐบาลเช่ารถในราคา 2,500 บาทต่อวันต่อคัน ซึ่งถูกกว่าค่าเช่าที่มีการลดลงเหลือ 4,780บาทต่อวันต่อคัน 4445 บาทต่อวันต่อคัน โดยแบ่งเป็นราคาเช่าตัวถังรถ 2,195 บาทต่อวันต่อคัน และค่าซ่อมบำรุง 2,250 บาทต่อวันต่อคัน ซึ่งราคาต่างกันถึง 1,945 บาท ซึ่งถือว่ามีราคาที่ถูกกว่าการจัดเช่ารถของกระทรวงคมนาคมอย่างมาก ทั้งนี้จะมีการยื่นหนังสือถึงรัฐบาลต่อไปด้วย




กำลังโหลดความคิดเห็น