“นช.แม้ว” หนีได้หนีไป “ครม.มาร์ค” เคาะยืดอายุกฎหมายอาญามาตรา 98 ขยายเวลารับโทษผู้ถูกดำเนินคดีอาญา หากยังไม่ได้รับโทษตามความผิดที่ศาลพิพากษาถึงที่สุด หากเกินเวลาตามมาตรา 98 ก็ไม่ให้ถือว่าล่วงเลยเวลา ให้เอาผิดถึงที่สุดตามคำพิพากษา
วันนี้ (26 พ.ค.) นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุม ครม.ว่า ครม.อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ในหลักเกณฑ์เกี่ยวกับอายุความ ซึ่งต่อไปนี้ผู้ใดกระทำความผิด แต่ผู้นั้นยังไม่มารับโทษนับแต่วันที่คำพิพากษาถึงที่สุด หรือนับแต่วันที่หลบหนี ไม่ถือว่าล่วงเลยเวลาการลงโทษ ต้องลงโทษผู้นั้นในโทษที่ยังไม่ได้รับ หรือที่รับยังไม่ครบถ้วน
นายศุภชัย กล่าวด้วยว่า สารสำคัญของร่างพระราชบัญญัติ เป็นการปรับปรุงแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา เพื่อให้การดำเนินคดีเกี่ยวกับการทุจริตของเจ้าพนักงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ 1.แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 96 แห่งประมวลกฎหมายอาญาในกรณีความผิดอันยอมความได้ ถ้าผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ภายใน 6 เดือน (เดิมภายใน 3 เดือน) นับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด เป็นอันขาดอายุความ
นายศุภชัย กล่าวอีกว่า 2.เพิ่มเติมความเป็นมาตรา 98 วรรค1แห่งประมวลกฎหมายอาญาโดยบัญญัติให้ 2.1 กรณีได้ตัวผู้กระทำความผิดมาแล้ว ให้พนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาดำเนินการให้มีการฟ้องผู้นั้นต่อศาลภาย ใน 1 ปี นับแต่วันที่ได้ตัวมา เว้นแต่ศาลจะอนุญาตให้ขยายเวลา 2.2 กรณีมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษผู้กระทำความผิด ถ้าผู้นั้นยังมิได้รับโทษ หรือได้รับโทษยังไม่ครบถ้วนโดยหลบหนี ถ้ายังมิได้ตัวผู้นั้นมารับโทษนั้น มารับโทษนับแต่วันที่มีคำพิพากษาถึงที่สุด หรือนับแต่วันที่หลบหนี แม้จะเกินกำหนดเวลาในมาตรา 98 ก็ไม่ถือว่าเป็นอันล่วงเลยเวลาการลงโทษ ให้ลงโทษผู้นั้นในโทษที่ยังมิได้รับหรือที่ได้รับยังไม่ครบถ้วน ทั้งนี้ ร่างกฎหมายดังกล่าวต้องผ่านขั้นตอนการตรวจของกฤษฎีกาก่อนเข้าสู่การพิจารณาของสภาต่อไป
รายงานข่าวแจ้งว่า ที่มาในการร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวอันเนื่องมาจากกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลบหนีคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินย่านรัชดา ซึ่งศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองสั่งจำคุกเป็นเวลา 2 ปี แต่ปรากฏว่า จนถึงขณะนี้อดีตนายกฯยังคงหนีคดีอยู่ที่ต่างประเทศ