ตำแหน่งผู้ว่า ททท.ยังยุ่ง ผลตัดสิน สคร.ระบุตำแหน่งผู้ว่าการททท.ต้องมาจากการสรรหาเท่านั้น “เพ็ญสุดา” หารือในการประชุมบอร์ดททท.ขอความเห็นว่าจะต้องส่งกฤษฎีกาตีความอีกหรือไม่ ส่วนตำแหน่งรองผู้ว่าการททท.ขอเว้นไว้ให้ผู้ว่าการททท.คนใหม่เป็นผู้แต่งตั้ง ขณะที่กูรูด้านกฏหมาย ระบุ ถ้ากฤษฎีกาฟันธง ตำแหน่งดังกล่าวต้องมาจากการแต่งตั้งเท่านั้น ผู้ว่าคนใหม่ที่จะได้มาต้องพ้นสภาพทันที และอาจโยงย้อนหลังถึงผู้ว่าการฯ 2 ท่านที่ผ่านมา
น.ส.เพ็ญสุดา ไพรอร่าม รักษาการผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เปิดเผยถึงข้อตัดสินกระบวนการเลือกตั้งตำแหน่งผู้ว่าการ ททท.ว่า ล่าสุด ทางคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.) ทำหนังสือตอบกลับมาถึงตำแหน่งผู้ว่าการททท.ว่า จะต้องเกิดจากการสรรหาเท่านั้น ซึ่งจากคำตอบดังกล่าวจะนำเข้าหารือในที่ประชุมบอร์ดททท.ในสัปดาห์หน้าด้วย เพื่อขอความเห็นว่า
จากคำตอบดังกล่าว จะต้องทำหนังสือส่งถึงคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อตีความอีกครั้งหรือไม่ เพราะเป็นสิ่งที่สหภาพรัฐวิสาหกิจต้องการให้กฤษฎีกาเป็นผู้ตีความกฎหมาย ซึ่ง ททท.ก็ได้ส่งเรื่องไปแล้ว แต่ได้รับคำตอบว่า ให้หน่วยงานที่ดูแล ททท. ซึ่งในที่นี้คือ สคร. เป็นผู้ชี้ขาดก่อน จึงส่งเรื่องให้ สคร.ตีความดังกล่าว
สำหรับในกรณีนี้ แหล่งข่าวด้านกฎหมาย ระบุว่า หากผลการตีความของกฤษฎีกาออกมาระบุว่า ตำแหน่งผู้ว่าการททท.ต้องมาจากการแต่งตั้งเท่านั้น แม้จะมีการสรรหาตำแหน่งผู้ว่าการเป็นที่เรียบร้อยและเริ่มทำงานไปแล้ว ก็ต้องมีผลบังคับใช้ทันทีนั่นคือจะสิ้นสุดการดำรงตำแหน่งทันที แต่ถ้ากฏหมายไม่ได้ระบุว่าแต่งตั้งเท่านั้นก็อาจจะผ่อนปรนได้ และที่สำคัญการแต่งตั้ง กับการสรรหา จะต่างกันอีกเรื่องหนึ่งคือ ค่าตอบแทน เพราะตำแหน่งที่แต่งตั้ง ซึ่งจะมาจากคนในองค์กร ก็จะได้รับค่าตอบแทนตามระดับซีของตัวเอง บวกค่าตำแหน่งอีกเล็กน้อย จะต่างจากผู้ว่าฯที่ได้จากการสรรหา ซึ่งจะได้ค่าตอบแทน มากถึง 2-4 แสนบาท แล้วแต่จะตกลง เพราะคณะกรรมการตกลงค่าตอบแทน จะมองว่าตำแหน่งนี้จะต้องรับผิดชอบงานสูงมาก แต่ปัญหาหรือคำถามที่จะตามมาอีกคือ หากกฤษฎีกาตีความว่าต้องแต่งตั้งเท่านั้น แล้ว ผู้ว่าการททท. 2 ท่านที่ผ่านมา ซึ่งได้จากการสรรหา คือ นาง จุฑามาศ ศิริวรรณ และ นางพรศิริ มโนหาญ ซึ่งได้รับอัตราจ้างในรูปแบบของการสรรหาไปแล้ว จะต้องมีผลทางกฎหมายต้องเรียกเงินคืนด้วยหรือไม่
สำหรับตำแหน่งรองผู้ว่าการตลาดต่างประเทศ ที่จะมาแทนนายสันติชัย เอื้อจงประสิทธิ์ ที่จะเกษียณอายุในวันที่ 30 ก.ย.52 น.ส.เพ็ญสุดา กล่าวว่า จะยังไม่มีการแต่งตั้งใครขึ้นมาแทน โดยจะรอให้ผู้ว่าการ ททท.คนใหม่ที่จะเข้ามารับตำแหน่งเป็นผู้คัดเลือกและแต่งตั้งเอง เพราะโดยมารยาทแล้ว น่าจะใช้วิธีนี้ดีที่สุดเพราะผู้ที่จะมารับตำแหน่งผู้ว่าการททท.ต้องการคัดเลือกบุคคลที่ทำงานร่วมกันได้เป็นทีมเวิร์ค ตำแหน่งรองผู้ว่าการจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องคัดสรรเอง เพราะ ตำแหน่งผู้ว่าการถ้าได้จากการสรรหา ก็จะต้องถูกประเมินผลงานด้วย ซึ่งจะเลือกจากพนักงานระดับ 9 ในองค์กร
อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวแจ้งว่า ในการเปิดรับสมัครตำแหน่งผู้ว่าการ ททท.ในวันแรกนี้( 9ก.ย.52) ยังไม่มีผู้ใดเข้ามายื่นใบสมัคร หรือส่งตัวแทนเข้ามายื่นใบสมัครเลย คาดว่า คงจะต้องรอใกล้วันปิดรับสมัครจึงจะมา ซึ่งจะเป็นเช่นนี้ในทุกๆครั้ง โดยครั้งนี้จะเปิดรับสมัคร 20 วัน จากนั้นคณะกรรมการจะเปิดซองผู้สมัคร
เพื่อคัดเลือกผู้ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติเบื้องต้นก่อนพิจารณาในขั้นตอนต่อๆไป
น.ส.เพ็ญสุดา ไพรอร่าม รักษาการผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เปิดเผยถึงข้อตัดสินกระบวนการเลือกตั้งตำแหน่งผู้ว่าการ ททท.ว่า ล่าสุด ทางคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.) ทำหนังสือตอบกลับมาถึงตำแหน่งผู้ว่าการททท.ว่า จะต้องเกิดจากการสรรหาเท่านั้น ซึ่งจากคำตอบดังกล่าวจะนำเข้าหารือในที่ประชุมบอร์ดททท.ในสัปดาห์หน้าด้วย เพื่อขอความเห็นว่า
จากคำตอบดังกล่าว จะต้องทำหนังสือส่งถึงคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อตีความอีกครั้งหรือไม่ เพราะเป็นสิ่งที่สหภาพรัฐวิสาหกิจต้องการให้กฤษฎีกาเป็นผู้ตีความกฎหมาย ซึ่ง ททท.ก็ได้ส่งเรื่องไปแล้ว แต่ได้รับคำตอบว่า ให้หน่วยงานที่ดูแล ททท. ซึ่งในที่นี้คือ สคร. เป็นผู้ชี้ขาดก่อน จึงส่งเรื่องให้ สคร.ตีความดังกล่าว
สำหรับในกรณีนี้ แหล่งข่าวด้านกฎหมาย ระบุว่า หากผลการตีความของกฤษฎีกาออกมาระบุว่า ตำแหน่งผู้ว่าการททท.ต้องมาจากการแต่งตั้งเท่านั้น แม้จะมีการสรรหาตำแหน่งผู้ว่าการเป็นที่เรียบร้อยและเริ่มทำงานไปแล้ว ก็ต้องมีผลบังคับใช้ทันทีนั่นคือจะสิ้นสุดการดำรงตำแหน่งทันที แต่ถ้ากฏหมายไม่ได้ระบุว่าแต่งตั้งเท่านั้นก็อาจจะผ่อนปรนได้ และที่สำคัญการแต่งตั้ง กับการสรรหา จะต่างกันอีกเรื่องหนึ่งคือ ค่าตอบแทน เพราะตำแหน่งที่แต่งตั้ง ซึ่งจะมาจากคนในองค์กร ก็จะได้รับค่าตอบแทนตามระดับซีของตัวเอง บวกค่าตำแหน่งอีกเล็กน้อย จะต่างจากผู้ว่าฯที่ได้จากการสรรหา ซึ่งจะได้ค่าตอบแทน มากถึง 2-4 แสนบาท แล้วแต่จะตกลง เพราะคณะกรรมการตกลงค่าตอบแทน จะมองว่าตำแหน่งนี้จะต้องรับผิดชอบงานสูงมาก แต่ปัญหาหรือคำถามที่จะตามมาอีกคือ หากกฤษฎีกาตีความว่าต้องแต่งตั้งเท่านั้น แล้ว ผู้ว่าการททท. 2 ท่านที่ผ่านมา ซึ่งได้จากการสรรหา คือ นาง จุฑามาศ ศิริวรรณ และ นางพรศิริ มโนหาญ ซึ่งได้รับอัตราจ้างในรูปแบบของการสรรหาไปแล้ว จะต้องมีผลทางกฎหมายต้องเรียกเงินคืนด้วยหรือไม่
สำหรับตำแหน่งรองผู้ว่าการตลาดต่างประเทศ ที่จะมาแทนนายสันติชัย เอื้อจงประสิทธิ์ ที่จะเกษียณอายุในวันที่ 30 ก.ย.52 น.ส.เพ็ญสุดา กล่าวว่า จะยังไม่มีการแต่งตั้งใครขึ้นมาแทน โดยจะรอให้ผู้ว่าการ ททท.คนใหม่ที่จะเข้ามารับตำแหน่งเป็นผู้คัดเลือกและแต่งตั้งเอง เพราะโดยมารยาทแล้ว น่าจะใช้วิธีนี้ดีที่สุดเพราะผู้ที่จะมารับตำแหน่งผู้ว่าการททท.ต้องการคัดเลือกบุคคลที่ทำงานร่วมกันได้เป็นทีมเวิร์ค ตำแหน่งรองผู้ว่าการจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องคัดสรรเอง เพราะ ตำแหน่งผู้ว่าการถ้าได้จากการสรรหา ก็จะต้องถูกประเมินผลงานด้วย ซึ่งจะเลือกจากพนักงานระดับ 9 ในองค์กร
อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวแจ้งว่า ในการเปิดรับสมัครตำแหน่งผู้ว่าการ ททท.ในวันแรกนี้( 9ก.ย.52) ยังไม่มีผู้ใดเข้ามายื่นใบสมัคร หรือส่งตัวแทนเข้ามายื่นใบสมัครเลย คาดว่า คงจะต้องรอใกล้วันปิดรับสมัครจึงจะมา ซึ่งจะเป็นเช่นนี้ในทุกๆครั้ง โดยครั้งนี้จะเปิดรับสมัคร 20 วัน จากนั้นคณะกรรมการจะเปิดซองผู้สมัคร
เพื่อคัดเลือกผู้ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติเบื้องต้นก่อนพิจารณาในขั้นตอนต่อๆไป
