xs
xsm
sm
md
lg

“ส.ว.สมชาย” ชี้ แก้ไข รธน.ต้องทำเพื่อประเทศชาติ แนะนักการเมืองปรับพฤติกรรม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สมชาย แสวงการ
“สมชาย แสวงการ” สมาชิกวุฒิสภา ยันการศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ สุดท้ายแล้วประเทศชาติและสังคมส่วนรวมจะต้องได้ประโยชน์เท่านั้น พร้อมไม่เห็นด้วย ส.ว.มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด หวั่น เกิดสภาทาส สภาผัวเมีย ที่ถูกกำกับโดยรัฐบาลเหมือนในอดีต


วันนี้ (21 พ.ค.) นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา กล่าวถึงการดำเนินการศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามที่กรรมการสมานฉันท์ได้ให้อนุกรรมการพิจารณาอยู่นั้น สุดท้ายแล้ว ประเทศชาติ และสังคมส่วนรวมจะต้องได้ประโยชน์เท่านั้น ไม่ใช่ดำเนินการเพียงเพื่อให้นักการเมือง และเห็นว่าบุคคลที่เกี่ยวข้องควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองด้วย

ทั้งนี้ ในส่วนมาตรา 190 ที่เสนอให้การแก้ไขนั้น ก็ควรพิจารณาในส่วนที่เป็นปัญหายากต่อการวินิจฉัยของฝ่ายบริหารเท่านั้น เช่น ในวรรคที่ 2 ที่ระบุว่า มีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจหรือสังคมของประเทศอย่างกว้างขวาง หรือมีผลผูกพันด้านการค้า การลงทุน หรืองบประมาณของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ และถ้ามีปัญหาเรื่องการตีความก็ให้แก้ไขเฉพาะคำว่า “อย่างกว้างขวาง” และคำว่า “อย่างมีนัยสำคัญ” เท่านั้น และผู้เสนอแก้ไขจะต้องเสนอร่างกฎหมายว่าด้วยการกำหนดขั้นตอนและวิธีการจัดทำหนังสือสัญญา ซึ่งเป็นกฎหมายลูกของมาตรา 190 มาพร้อมกันด้วย เพราะที่ผ่านมา 3 รัฐบาลแล้วหลีกเลี่ยงที่จะทำกฎหมายดังกล่าวให้แล้วเสร็จจะได้ไม่เกิดในการตีความอีก

ในส่วนที่จะให้การแก้ไขมาตรา 237 เพื่อไม่ให้กรรมการบริหารพรรคกระทำความผิดและโดนยุบพรรครวมถึงการตัดสิทธิ์ 5 ปีนั้น เห็นควรผู้เสนอรัฐธรรมนูญต้องฟังเสียงทุกภาคส่วนอย่างรอบคอบ เพราะที่ผ่านมามีการทุจริตเลือกตั้งอย่างมากมาย ผู้บริหารพรรคล้วนได้ประโยชน์จากจำนวน สส. ที่มากขึ้นเพราะการทุจริต รัฐธรรมนูญ 50 จึงตั้งใจใช้ยาแรง รักษาโรคร้าย ซึ่งก็เริ่มปรากฏผลแต่นักการเมืองกลับมาแก้ไขกฎหมายเพื่อให้พ้นผิด แทนที่จะแก้ไขพฤติกรรมและวิธีการเลือกตั้งให้สุจริต ดังนั้นถ้าจะแก้ไขมาตรา 237 เพื่อไม่ยุบพรรค ก็ควรที่จะคงโทษกรรมการบริหารพรรค หัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค ทั้งการตัดสิทธิ์ทางการเมืองต่อไปและควรเพิ่มโทษอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ซึ่งมีโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปี ถึง 20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต ต่อกรรมการบริหารพรรคที่กระทำผิด และหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค ในฐานะสมรู้ร่วมคิดใช้จ้างวาน หรือร่วมกระทำความผิด รวมถึงให้คณะกรรมการการเลือกตั้งดำเนินการตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มา ส.ส.และ ส.ว.

นอกจากนั้น นายสมชาย ยังได้แสดงความคิดเห็นกรณีที่จะให้มีการเลือกตั้ง ส.ว.ทั้งหมดว่า การเลือกตั้ง ส.ว.ทั้งหมดไม่ได้หมายความว่าจะเป็นประชาธิปไตย และการเลือกตั้งก็ไม่ใช่คำตอบ ของความเป็นประชาธิปไตยทั้งหมด เพราะต้องยอมรับว่า ห้วงที่ผ่านมา มีปัญหาการผูกขาดยึดครอง วุฒิสภาเป็นของบางกลุ่ม บางตระกูล มิได้เป็นตัวแทนของปวงชนชาวไทยอย่างมีอิสระ จนถูกเรียกขานว่าเป็นสภาทาส สภาผัวเมีย ที่ถูกกำกับโดยรัฐบาล ซึ่งเรื่องนี้ถ้าจะแก้ไข จำเป็นต้องศึกษาให้ละเอียด เพราะอำนาจหน้าที่ของวุฒิสภามีหน้าที่ถ่วงดุล ตรวจสอบ ซึ่งหากมีการแก้ไขและเกิดสภาทาสอย่างเช่นในอดีต ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะมีวุฒิสภาอีก และตอนยกร่าง รธน.ปี 50 ก็มีข้อถกเถียง ว่า ให้ ส.ว.มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด หรือมาจากการสรรหาทั้งหมด หรือควรมีวุฒิสภาหรือไม่ หลังฟังความเห็นประชาชนถึง 360 เวที จึงได้ข้อสรุปที่มา ส.ว.2 แบบ คือ เลือกตั้งกับสรรหา ดังนั้น การที่จะแก้กลับไปเป็น ส.ว.เลือกตั้งแบบปี 40 ต้องมีผลการศึกษาที่ยอมรับได้มากกว่าแก้เพื่อตามใจนักการเมือง
กำลังโหลดความคิดเห็น