xs
xsm
sm
md
lg

“จรัล” พร่ำจับตาการทำหน้าที่ ส.ว. เชื่อจะค้านทุกเรื่องของรัฐบาล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“จรัล ดิษฐาอภิชัย” อดีตแกนนำ นปก.เชื่อ ส.ว.ชุดใหม่ทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ได้ทีเหน็บพันธมิตรฯ คำก็กลียุคสองคำก็ปราบกลียุค อ้างรัฐบาลแค่ย้ายข้าราชการ 4-5 คนไม่น่ามีปัญหา ขณะเดียวกัน พร้อมจับตาการทำงาน ส.ว.ชุดใหม่ ส่วน “อนุสรณ์” เสนอแก้ รธน.ที่มา ส.ว.ลากตั้งให้เหลือ 1 ใน 3 ก็พอ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.30 น. คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้จัดเสวนาหัวข้อ “ลากตั้ง เลือกตั้ง ส.ว. ใครได้? ใครเสีย? ” โดยมีนายจรัล ดิษฐาอภิชัย แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ (นปก.) และนายอนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตผู้สมัคร ส.ว.กทม.

นายจรัล กล่าวว่า ตนไม่เห็นด้วยกับระบบที่ให้ ส.ว.มากจาการสรรหา เพราะคนร่างรัฐธรรมนูญต้องการเอาพรรคพวกของตัวเองเข้าไปมีบทบาททางการเมือง ซึ่งคนที่ได้ผลประโยชน์ คือ พวกอมาตยาธิปไตย ชนชั้นสูง อนุรักษนิยม เพราะเป็นคนของเขา หรือเป็นคนที่มีอุดมการณ์เดียวกับเข้า คนเสียคือประชาชน เสียเปรียบหมื่นเปอร์เซ็นต์ ให้คนเพียงแค่คน 7 คนมีสิทธิเลือก สว.ได้ถึง 74 คน และตนเห็นว่าขณะนี้ประธานวุฒิสภาจะเป็นส่วนสำคัญมาก เนื่องจากว่าจะต้องเข้ามาทำหน้าที่แทนนายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาฯ ประกาศยุติบทบาทเพราะสาเหตุที่ กกต.ให้ใบแดง หากประธานวุฒิสภามาจากการสรรหา และไม่ได้เป็นผู้รักประชาธิปไตยเท่าไหร่ ตนก็เป็นห่วง แต่แก้ได้หากประธานวุฒิสภามาจากการ ส.ว.การเลือกตั้ง ก็จะบรรเทาความเสียหายได้บ้าง

นายจรัล กล่าวอีกว่า ตนเห็นการทำงานของวุฒิสภาชุดนี้ เมื่อเข้ามาทำงานจะมีแนวโน้มเป็นฝ่ายค้านของรัฐบาลทันที่ และจะคัดค้านทุกเรื่องที่รัฐบาลเสนอ แม้กระทั่งกฎหมายที่สำคัญๆ ที่ประชานต้องการก็อาจจะไม่ผ่านสภา เนื่องจากถูก ส.ว.ชุดนี้ดอง ยับยั้ง หรือแช่เย็นเอาไว้ รวมทั้งจะมีการเคลื่อนไหวทางการเมือง เช่น การถอดถอน นายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.สาธารณสุข ซึ่งเป็นการรับลูกกระแสสังคม อย่างไรก็ตาม ตนจะจับตาดูการทำงานของ ส.ว.ชุดใหม่ว่า มีความเป็นกลางหรือไม่

นายจรัล กล่าวว่า ตนอยากฝากไปยังพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย อะไรก็ออกมาต่อต้านเคลื่อนไหว รัฐบาลยังไม่ทำอะไรไปถึงไหนก็มาออกแถลงการณ์ โดยฉบับแรกก็บอกว่า เป็นแถลงการณ์ฉบับก่อนกลียุค ตามมาด้วยฉบับกลียุคแล้ว ซึ่งตนคิดว่าน่าจะมีอีกฉบับตามมาติดๆ โดยใช้คำว่าปราบกลียุค ตนยังมองไม่เห็นว่าตอนนี้เป็นกลียุคตรงไหน เพียงแค่รัฐบาลได้มีการโยกย้ายข้าราชการเพียง 4-5 คนเอง จะเรียกว่ากลียุคได้อย่างไร เพราะกลียุคหมายถึงบ้านเมืองเจอปัญหาข้าวยากหมากแพง และขณะนี้ตนก็เห็นว่า รัฐบาลยังไม่ได้ทำอะไร

ขณะที่ นายอนุสรณ์ กล่าวว่า หลังจากที่ตนได้สัมผัสโดยกตรง โดยการได้ลงสมัค รส.ว.ในกทม. พบปัญหาในเรื่องของการร่างรัฐธรรมนูญ โดยการเป็นธรรมกับกับจังหวัดใหญ่ๆ ที่กำหนดให้ 1 จังหวัดมี ส.ว.เพียงคนเดียว เป็นเรื่องที่ตลกที่ร่างรัฐธรรมนูญให้ ส.ว.เลือกตั้งมีเพียงจังหวัดละคน อย่างเช่น กทม.เป็นจังหวัดที่ใหญ่มี 50 เขต ประชากรมาก ตนยังเดินหาเสียงไม่ครบไม่รู้กำหนดมาได้อย่างไร ซึ่งตนเห็นว่าในอนาคตควรที่จะมีการแก้ไขให้จำนวน ส.ว.สมดุลกับจำนวนประชาชน นอกจากนี้สิ่งที่เป็นปัญหา คือ รัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ไม่เป็นประชาธิปไตย ต้องแก้ไข โดยเฉพาะที่มาของ ส.ว.ที่มาจากการสรรหา มีจำนวนลดน้อยลงให้เหลือ 1 ใน 3 และให้ ส.ว.ที่มาจากการเลือกตั้งจากประชาชนมีมากขึ้น

นายอนุสรณ์ ยังกล่าวอีกว่า ทั้งนี้ตนยังเห็นว่ารัฐธรรมนูญฉบับ 50 ยังมีข้อดีในเรื่องที่ให้ภาคประชาชนมีความเข้มแข็ง แต่ตนก็เห็นว่าควรจะรักษาความสมดุลให้ระบบการเมือง และพรรคการเมืองให้มีความเข้มแข็งด้วย ไม่เช่นนั้นประชาธิปไตยก็จะไม่แข็งแรง อย่างไรก็ตาม เท่าที่ตนลงไปพื้นที่พบว่าประชาชนแบ่งเป็น 2 ขั้วอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นความขัดแย้งกันทางโครงสร้างไปแล้ว หากยังปล่อยให้มีการขัดแย้งทางการเมืองและไม่จัดการให้เข้าสู้ระบบการแข่งขันภายใต้ระบอบประชาธิปไตย หรือไม่ยอมรับเสียงส่วนใหญ่ก็จะเกิดวิกฤตได้
กำลังโหลดความคิดเห็น