ศาลฎีกาฯ มีคำสั่งยกคำร้อง กรณี กกต.ขอศาลสั่งเพิกถอนสิทธิ “เซนจูเรี่ยนปาร์ค” เสนอชื่อ “เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ” เข้าชิงสมาชิกวุฒิสภา (สรรหา) เพราะไม่มีขั้นตอนใดที่เป็นไปโดยมิชอบ
วันนี้(27 มี.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ศาลฎีกาแผนกคดีเลือก ศาลพิพากษายกคำร้องคดีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอน เซ็นจูเลี่ยน ปาร์ค กรรมการสรรหา ส.ว.สายองค์กรเอกชน ผู้คัดค้านที่ 1 และเพิกถอนสิทธิ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ผู้คัดค้านที่ 2 เนื่องจากเซ็นจูเลี่ยน ปาร์ค ซึ่งเป็นนิติบุคคลที่เสนอชื่อนายเรืองไกร ไม่ได้เป็นองค์กรเพื่อการกุศล จึงไม่เข้าข่ายเป็นองค์กรที่จะส่งผู้สมัคร ส.ว.สรรหา ได้ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ.2550
โดยศาลพิเคราะห์แล้วมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยว่า มีเหตุอันควรที่จะเพิกถอนผู้คัดค้านที่ 1 และ 2 หรือไม่ เห็นว่าหลักการสำคัญของระบอบประชาธิปไตยคือการมีส่วนร่วมของประชาชนในทุกภาคส่วน ซึ่ง ส.ว. เป็นผู้แทนปวงชน ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 ม.113 และ 114 จึงกำหนดที่มา ส.ว.ประเภทสรรหาว่าให้ผู้ทรงคุณวุฒิมาสรรหาบุคคลที่จะทำหน้าที่ ส.ว.ซึ่งต้องเป็นบุคคลที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ ปราศจากการขัดกันของผลประโยชน์ โดยการสรรหามาจากองค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาชีพและภาคอื่นๆ ที่ต้องเป็นนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไม่น้อยกว่า 3 ปี ไม่แสวงหากำไรหรือเกี่ยวข้องทางการเมือง ผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อต้องเป็นหรือเคยเป็นสมาชิกองค์กร หากกรรมการสรรหาทำถูกต้องตามขั้นตอนแล้วผลการสรรหาถือเป็นที่สุด เว้นแต่ภายหลังปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าการสรรหาไม่สุจริต ผู้ร้องจึงมีอำนาจสืบสวนสอบสวนที่ผู้ร้องอ้างว่าผู้คัดค้านที่ 1 เป็นนิติบุคคลมีวัตถุประสงค์เพียงเพื่อดูแลทรัพย์สินส่วนของ ส่วนอาคารและที่ดินเฉพาะกลุ่มคน ไม่ได้เป็นนิติบุคคลซึ่งเป็นหน่วยงานเพื่อทำงานสาธารณะ
ศาลเห็นว่าตาม พ.ร.บ.ว่าด้วย การเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว.ฯ ม. 127, 128 และ 130 มิได้บัญญัติเจาะจงว่าองค์กรที่มีสิทธิเสนอชื่อต้องประกอบกิจการเพื่อสังคมหรือสาธารณะประโยชน์แต่อย่างใด เมื่อได้ความว่า ผู้คัดค้านที่ 1 ลงทะเบียนเสนอชื่อ ผู้คัดค้านที่ 2 และผู้ร้องได้รวบรวมรายชื่อผ่านไปจนกระทั้งเสร็จสิ้นขั้นตอนแล้วไม่ปรากฏว่า มีขั้นตอนใดมีเหตุที่จะทำให้การสรรหาไม่สุจริต คำร้องของผู้ร้องจึงไม่มีเหตุเพียงพอ จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
ภายหลังนายเรืองไกร กล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสว่า การที่ตนถูกตรวจสอบสถานภาพถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่เรื่องนี้เคยมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแล้วแต่ กกต.ยังยื่นคำร้อง โดยไม่เคยเรียกตนไปสอบสวนถ้อยคำเลย อย่างไรก็ตามยังไม่คิดที่จะฟ้องร้องใคร แต่จะขอกลับไปทำหน้าที่ ส.ว.ต่อหลังจากต้องเว้นการปฎิบัติหน้าที่มาเดือนเศษ