xs
xsm
sm
md
lg

อภิสิทธิ์ปรับ ครม.ทั้งที ต้องโละ รมต.ห่วยแตก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ส่งสัญญาณกันมาให้เห็นชัดๆ

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลแย้มออกมาว่า พร้อมปรับคณะรัฐมนตรีหากมีการร้องขอจากพรรคร่วมรัฐบาล บนหลักการที่ว่า เมื่อย่างเข้าเดือนมิถุนายนนี้ อันเป็นการครบรอบ 6 เดือนของรัฐบาล ก็อาจต้องมีการประเมินผลงานรัฐมนตรีจากแต่ละพรรคกันหน่อยว่า

คนไหนสอบได้ คนไหนสอบตก

เปิดทางให้พรรคร่วมได้ปรับทัพกันใหม่ แต่ยังไม่มีพรรคร่วมพรรคไหนส่งสัญญาณจะเขี่ยรัฐมนตรีชุดนี้ออกแต่อย่างใด คงมีแต่ “ภูมิใจไทย"แสดงอาการอยากออกมาให้เห็นไปก่อนแล้ว จะปรับเปลี่ยนเก้าอี้รมช.เกษตรและสหกรณ์ ของชาติชาย พุคยากรณ์ ที่กลายเป็น “ม้าพยศ”ในภูมิใจไทย

เพราะ “ชาติชาย”ไม่เคยเข้าร่วมประชุมพรรคทั้งยังเอาตัวออกห่าง แต่ที่สำคัญคือ “ซองรายเดือน”ไม่มีโผล่ให้เห็นเลย แบบนี้พรรคที่เอาเงินเป็นตัวตั้งไม่เก็บไว้แน่ รายชื่อคนใหม่ที่จะมาแทนก็ออกมาแล้ว คั่วกันอยู่สองคน ถ้าไม่ใช่ ศุภชัย โพธิ์สุ หรือ “ครูแก้ว”เด็กในคาถาของเนวิน ก็จะเป็น รณฤทธิชัย คานเขต คนนี้อยู่กับสุชาติ ตันเจริญ

ในส่วนของเก้าอี้รมว.พาณิชย์ ของ พรทิวา นาคาสัย ก็ใช่ว่าจะแน่นอนมั่นคง หลังเจ้าตัวปฏิเสธบทโศกดรามาการเมือง ที่เจ๊พรอินจัดถึงขั้นปรากฏข่าว

หลั่งน้ำตา ลั่นวาจา สองมาตรฐาน

กลางที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันพุธที่ 13 พ.ค.2552 หลังโดนเบรกหัวทิ่มเมื่อเสนอโครงการเข้าที่ประชุมครม..ให้เห็นชอบ

การระบายจำหน่ายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ตามโครงการแทรกแซงตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2551 / 52 เพื่อการส่งออกต่างประเทศด้วยวิธีการประมูลให้กับผู้ซื้อในประเทศ จำนวน 449,342.856 ตัน มูลค่า 2,041.052 ล้านบาท

บนข้อกังขาที่นำไปสู่การงัดข้อของรัฐมนตรีพรรคร่วมรัฐบาลกลางที่ประชุม ครม.ก็คือ

“ความไม่โปร่งใส-ข้อกฎหมาย"ของความพยายามผลักดันโครงการนี้แบบสุดตัวของ รมว.พาณิชย์ อาทิเช่นในเรื่องผลการประมูลโครงการที่มีบริษัท 4 บริษัทได้รับโควตาแบ่งปันกันไป ได้แก่

1.บริษัท สยามธัญรักษ์ไซโล ที่วงการธุรกิจรู้กันดีว่ามีสายสัมพันธ์โยงใยกับกลุ่มบริษัทเพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง บริษัทเจ้าปัญหาที่เคยมีโด่งดังในยุครัฐบาลไทยรักไทยกับการได้โควตาข้าวส่งออกจำนวนมหาศาลแต่กลับมีปัญหาในทางปฏิบัติ โดยสยามฯ เสนอราคาซื้อตันละ 3.50-4.50 บาท

2.บริษัท นานาพรรณเกษตรอุตสาหกรรม เสนอซื้อกก.ละ 5-5.75 บาท 3.บริษัท เอ็นซีเอเอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัดเสนอราคาซื้อกก.ละ 2.50-5.50 บาท และ4.บริษัท เค.เอส พรีเมี่ยม จำกัด เสนอซื้อกก.ละ 4 บาทจากราคาที่รัฐบาลรับจำนำที่ กก.ละ 8.50 บาท

แต่ได้มีการตั้งข้อสังเกตว่า มีบริษัทแห่งหนึ่งได้โควตาสูงกว่าเพื่อนจากที่มีการประมูลแบบแบ่งซอย 4.49 แสนตัน ก็พบว่าบริษัทเจ้าปัญหาได้โควตาไป 4 แสนตัน ส่วนบริษัทที่เหลือกลับได้รับโควตาไปเพียงรายละไม่กี่หมื่นตัน จึงมีการตั้งข้อสังเกตว่าอาจมีอะไรผิดปกติหรือไม่

เมื่อพรทิวาตอบข้อสงสัยต่างๆ ไม่ได้แม้จะหนีบยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายในมาช่วยพยุงปีกในห้องประชุม ครม.

เจ๊พร เลยหน้าแหก เพราะนอกจากไม่มีการอนุมัติแล้ว ยังถูกสั่งให้ส่งเอกสารรายละเอียดโครงการทั้งหมดให้ละเอียดมากกว่าเดิมผ่านกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจเพื่อส่งต่อไปให้ ครม.อีกรอบหนึ่ง

อาจเป็นเพราะพรทิวา แม้จะเป็นเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย แต่เมื่อไม่ได้สังกัดค่าย เนวิน ชิดชอบ เพราะรู้กันดีว่าเธอเป็นนอมินีของ"ค่ายสนามบินน้ำ"ของสองผัวเมียตระกูล “เทพสุทิน"สมศักดิ์-อนงค์วรรณ ก็เลยอาจทำให้ความเกรงอกเกรงใจจากรัฐมนตรีในพรรคร่วมรัฐบาลย่อมแตกต่างไปจากกลุ่มเนวิน แม้จะอยู่ภูมิใจไทยด้วยกันก็ตาม

เลยได้เห็นภาพจระเข้ขวางคลองจากพรรคร่วมรัฐบาล ที่ไม่ยอมให้วาระการประชุมเรื่องนี้ผ่านไปได้ง่ายๆ ที่สำคัญคนออกโรงเองคืออภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี

แถมได้ลูกคู่ที่มีข่าวเกาเหลากับเจ๊พร คือ กอร์ปศักดิ์ รองนายกรัฐมนตรี จากประชาธิปัตย์ที่ขัดแย้งกับพรทิวาในเรื่องนี้มาแล้วหลายครั้ง ยามที่กอร์ปศักดิ์นั่งหัวโต๊ะประชุมคณะอนุกรรมการระบายข้าวโพดโดยมีพรทิวานั่งขนาบข้าง เลยได้โอกาสมาขวางในที่ประชุม ครม.ให้รู้ดำรู้แดงกันไปเลย

พร้อมกองหนุนอีกหลายคนจากพรรคชาติไทยพัฒนา เช่น พลตรีสนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ชุมพล ศิลปอาชา รมว.ท่องเที่ยวฯและหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ที่ก็ไม่ได้แฮปปี้กับภูมิใจไทยเท่าใดนัก ในฐานะคู่แข่งสำคัญของชาติไทยพัฒนาในพื้นที่ภาคกลาง

"เจ๊พร"ที่ไม่มีพี่เลี้ยงในที่ประชุม ครม.เพราะ รมต.จากภูมิใจไทยด้วยกันเอง ก็ถอยฉาก ทำให้เจ๊พรหน้ามืด เลยใช้ลูกฮึดเล่นชกข้ามรุ่นกับนายกฯกลางที่ประชุมครม.เสียเลย กับคำกล่าว

สองมาตรฐาน


ที่แม้ไม่จำแนกแจกแจงรายละเอียดให้ชัดว่าสองมาตรฐานนี้คืออะไร แต่ก็ตีความได้ไม่ยาก ในทางการเมืองเมื่อฉากของเรื่องเกิดขึ้นในห้องประชุมคณะรัฐมนตรี ก็ย่อมหมายถึงว่าทีโครงการของพรรคประชาธิปัตย์หรือของพรรคร่วมรัฐบาลอื่น เสนอมาแต่ละที ใช้งบจำนวนมาก ไฉนกลับผ่านฉลุย แต่ของพรทิวากลับ

“ชุนละเอียด" ซักไซ้ถามทุกขั้นตอน

อย่าลืมเด็ดขาดว่า คำพูดที่ออกมาจากปากเจ๊พรทิวา ที่สวมบทสวยแต่ดุ หลังผลักดันโครงการไม่สำเร็จทั้งที่หมายมั่นปั้นมือว่าทุกอย่างราบรื่น แต่เมื่อไม่เป็นดั่งที่คิด คำตัดพ้อประเภท ทวงบุญคุณช่วยตั้งรัฐบาล - สองมาตรฐาน มันก็เลยกลายเป็นถ้อยคำที่ทำให้

“มาร์คเจ็บปี๊ด"ถึงทรวงอก

เพราะโดนทักษิณ ชินวัตร-แกนนำ นปช.-คนเสื้อแดง ด่าเช้า-ด่าเย็น ข้างทำเนียบรัฐบาลยี่สิบวันในช่วงเมษายนที่ผ่านมาว่า"รัฐบาลสองมาตรฐาน"ยังไม่รู้สึกอะไรเพราะนั่นคือการสู้รบการเมืองและคนที่ด่าก็เป็นคนละฝั่ง ครั้นมาเจอ"สวยแต่แสบ"อย่างเจ๊พร สงสัยคงทำเอามาร์คถึงกับจุกในอก แต่ตามข่าวก็ยังรายงานว่าอภิสิทธิ์ก็ยังเก็บอาการไว้ได้

สรุปสุดท้าย เลยวงแตก ให้เห็นรอยร้าวเล็กๆ ที่รอวันปะทุในพรรคร่วมรัฐบาล

อย่างไรก็ดี การออกมาเล่นบทจระเข้ขวางคลองของอภิสิทธิ์ ไม่ให้โครงการที่มีผลประโยชน์จำนวนมากผ่านไปง่ายๆ อันถือเป็นเรื่องดีที่พรรคร่วมรัฐบาลตรวจสอบกันเองอย่างเข้มข้น ไม่ใช่พิจารณาโครงการเม็ดเงินหลายพันหลายหมื่นล้าน หรือเมกกะโปรเจกต์แสนล้าน แล้วอนุมัติผ่านภายในห้าที-สิบนาที เพราะความเกรงอกเกรงใจกันในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล แบบขอๆ กันไป หรือที่เรียกกันว่า

“แบ่งเค้ก-สามัคคีสมานฉัน(กิน)"

แม้มองอีกด้านหนึ่งอาจจะมองได้ว่าเป็นเรื่องการเมือง ที่พรรคร่วมอย่างประชาธิปัตย์-ชาติไทยพัฒนา ก็อาจอยู่ในสภาพอึดอัดใจกับภูมิใจไทยที่กุมเชิงความได้เปรียบพรรคร่วมรัฐบาลอื่นไว้มากโข กับความเป็น “รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ"มาตั้งแต่ต้น

เพราะก่อนหน้านี้และหลังจากนี้ ก็มีอีกหลายโครงการที่รัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทยเตรียมเอาเข้าที่ประชุมครม.อันล้วนแต่เป็นโครงการขนาดใหญ่เม็ดเงินมหาศาล เช่น ในส่วนของกระทรวงคมนาคม อย่าง รถไฟรางคู่ 2.28 แสนล้านบาท และระบบขนส่งทางถนน 2.94 แสนล้านบาท โครงการก่อสร้างถนนไร้ฝุ่น ระยะทาง 7,000 กม.ทั่วประเทศ ที่ถือเป็นเมกกะโปรเจกต์ของจริงเพราะเม็ดเงินและประโยชน์ที่จะได้รับคิดเป็น 7-8% ของมูลค่าผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) โดยล่าสุดโครงการนี้แบ่งออกเป็นหลายระยะ และมีการปรับลดงบแต่ก็ยังถือว่าเป็นเงินมากโขอยู่คือ 34,000 ล้านบาท การจัดหาเครื่องบินของบริษัทการบินไทย14 ลำ วงเงิน 35,323 ล้านบาท เครื่องบินแอร์บัส เอ 330 จำนวน 8 ลำ วงเงิน 6,084 ล้านบาท และเครื่องบินพิสัยใกล้ลำตัวแคบแอร์บัส เอ 321-200 จำนวน 20 ลำ วงเงิน 7,875 ล้านบาท งานก่อสร้างปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพทางหลวงทั่วประเทศ 16,415

เมื่อคนภายนอกมองดูว่าอภิสิทธิ์ ยอมประเคนทุกอย่างให้เนวิน ชิดชอบและภูมิใจไทยจนเกินงาม ชนิดขออะไรก็จัดให้ ภาพเช่นนี้ย่อมไม่ดีกับอภิสิทธิ์

แม้พรทิวาจะสังกัดค่ายสนามบินน้ำของเทพสุทิน แต่เมื่อรั้งเก้าอี้ใหญ่เลขาธิการพรรค(นอมินี) และอาจเรียกได้ว่าเธอไม่ได้อยู่ในสายตาของกลุ่มเนวินเลยแม้แต่น้อย เมื่ออภิสิทธิ์เล่นบทตรวจเข้ม และพร้อมเบรกให้รัฐมนตรีพรรคร่วมรัฐบาลได้หัวทิ่มหน้าแหกเล่น

มันก็ทำให้เห็นว่า อภิสิทธิ์ไม่ได้คิดถึงแต่ประโยชน์การเมือง กับเสถียรภาพรัฐบาลเพียงอย่างเดียว

หากเห็นว่าเมื่อต้องเล่นบทเข้ม ก็จำเป็นต้องทำ แถมทำแล้วได้คะแนนเสียงดีทันควัน ผสมกับแกนนำพรรคร่วมก็ไม่ได้ติดใจอะไร เพราะขุมข่ายของสนามบินน้ำในภูมิใจไทยก็แทบไม่มีบทบาทอะไร เมื่อเทียบกับกลุ่มเนวิน ชิดชอบ อาจมีก็แค่กลุ่มมัชฌิมาฯเดิมที่อาจไม่พอใจ แต่ก็เก็บอาการไว้รอวันเอาคืน

ยามนี้"เจ๊พร"นอกจากต้องช้ำในทรวงอกแบบเดียวดาย เพราะฝีมือมาร์คกระซวกดับคาทำเนียบรัฐบาล

ยังต้องคอยเกาะขาเก้าอี้เอาไว้ให้แน่นเช่นกัน เพราะว่ากันตามจริง 6 เดือนที่ผ่านมา เธอแทบจะไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน แถมยังมีหลายโครงการที่เธอรับผิดชอบถูกจับตามองด้วยสายตาแบบไม่ไว้วางใจ เช่นการประมูลข้าว 2.6 ล้านตัน ที่มีการโยงใยไปถึงอดีต รมช.พาณิชย์อย่าง พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ จากมัชฌิมาฯเดิม แต่แท้ที่จริงแล้วบรรยินหักกับสมศักดิ์อย่างแรงจนย้ายไปอยู่กับเพื่อไทยมาเกือบ 5 เดือนแล้ว

เมื่อจะปรับครม.ทั้งที นายกฯอภิสิทธิ์ก็ควรจะเฟ้นหาคนดีมีความสามารถเข้ามาทำงาน กรณีรมว.พาณิชย์คนนี้อยู่มา5เดือน ทำให้ภาคการส่งออกมีตัวเลขติดลบ 25 เปอร์เซ็นต์ ตกต่ำหนักที่สุดเท่าที่เคยมีมา หากรัฐบาลต้องการกอบกู้เศรษฐกิจของประเทศ อภิสิทธิ์ก็ต้องใช้ความกล้าหาคนใหม่มาทำงานแทนที่กระทรวงพาณิชย์ ได้แล้ว

รวมทั้ง รมต.ห่วยแตกทั้งหลาย ที่เอาตำแหน่งหน้าที่เป็นช่องทางแสวงประโยชน์ ให้แก่ตัวเองและพวกพ้อง แต่ทำงานไม่เป็นโล้เป็นพาย ก็ต้องโละทิ้งไปให้หมด

กำลังโหลดความคิดเห็น