"ภูมิใจไทย" เปิดศึกจำนำข้าวโพด 4.49 แสนตัน "พาณิชย์" ท้าทายอำนาจ ครม. "ยรรยง" โชว์ฝีปากกลางที่ประชุมฯ "เสธ.หนั่น" ยันไม่ผ่านให้แน่ ทำงานมาหลาย ครม.ไม่เคยเจอลบหลู่ขนาดนี้ "พรทิวา" โวยทำงานสองมาตรฐาน "มาร์ค" ถามกลับ อีกมาตรฐานคืออะไร
นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวการปะทะคารมในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ โดยระบุว่า เกิดจากที่ประชุม ครม.ได้มีมติให้กระทรวงพาณิชย์นำเรื่องการจำหน่ายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ตามโครงการแทรกแซงตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปี 2551/2552 เพื่อส่งออกต่างประเทศโดยวิธีประมูลให้แก่ผู้ซื้อในประเทศปริมาณ 449,342.856 ตัน มูลค่า 2,041.052 ล้านบาท กลับไปให้คณะกรรมการนโยบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์พิจารณาก่อน เพื่อให้ถูกต้องตามขั้นตอน
นอกจากนี้ ที่ประชุม ครม.มีมติให้กระทรวงพาณิชย์นำเรื่องการระบายสินค้าเกษตรทุกชนิด ที่อยู่ในโครงการรับจำนำ เสนอให้ ครม.อนุมัติก่อนระบายหรือขายให้เอกชน เนื่องจากเห็นว่าการดำเนินโครงการรับจำนำ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรช่วงที่ผ่านมาผลการดำเนินงานขาดทุนเป็นจำนวนมาก
โดยเช้าวันนี้ มีกระแสข่าวสะพัดตามสื่อว่า นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จากพรรคภูมิใจไทย และนายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน ได้ปะทะคารมกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีหลายคน ระหว่างการประชุม ครม. ก่อนจะจบลงที่ประชุมยกอำนาจการดำเนินการเรื่องนี้ให้เป็นของคณะกรรมการที่นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี แต่งตั้งขึ้น แทนที่จะให้คณะกรรมการของกระทรวงพาณิชย์ (พณ.) ดำเนินการ
นอกจากนี้ ที่ประชุม ครม.มีมติให้กระทรวงพาณิชย์นำเรื่องการระบายสินค้าเกษตรทุกชนิด ที่อยู่ในโครงการรับจำนำ เสนอให้ ครม.อนุมัติก่อนระบายหรือขายให้เอกชน เนื่องจากเห็นว่าการดำเนินโครงการรับจำนำ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรช่วงที่ผ่านมาผลการดำเนินงานขาดทุนเป็นจำนวนมาก
รายงานข่าวระบุว่า ครม.เริ่มพิจารณาเรื่องนี้ โดยนายกรัฐมนตรี ได้ตั้งข้อสังเกตขึ้นว่า อำนาจในการดำเนินการเรื่องนี้ควรจะอยู่ที่คณะกรรมการชุดใดระหว่างชุดที่รัฐบาลนี้ โดยนายกอร์ปศักดิ์แต่งตั้ง หรือควรจะเป็นของคณะกรรมการของกระทรวงพาณิชย์ซึ่งแต่งตั้งขึ้นในสมัยรัฐบาลชุดก่อน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม.ยังไม่ได้อนุมัติให้ระบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ดังกล่าว เนื่องจากเป็นการอนุมัติโดยคณะอนุกรรมการที่แต่งตั้งโดยอาศัยมติ ครม.ของรัฐบาลชุดก่อน แต่รัฐบาลนี้ได้ให้นายกอร์ปศักดิ์ เป็นประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และมีการตั้งคณะอนุกรรมการชุดใหม่ เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่คาบเกี่ยวกัน ครม.เห็นว่าการระบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ที่อนุมัติโดยอนุกรรมการชุดก่อนขอให้ยุติไว้ก่อน
โดยที่ประชุมได้ถกกันไปมาจนในที่สุดนายกฯ ได้เชิญนายยรรยงเข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติม โดยนายยรรยงยืนยันว่าเป็นอำนาจของกระทรวงพาณิชย์ เพราะกรมการค้าภายในซึ่งเป็นผู้ดำเนินการฐานะเป็นนิติบุคคล
นายกฯ จึงได้ถามต่อว่า ในเมื่อกรมของท่านมีอำนาจ แล้วท่านจะรับผิดชอบกรณีที่ขายสินค้าแล้วขาดทุนด้วยหรือไม่ เพราะอำนาจต้องมาพร้อมกับความรับผิดชอบ นายยรรยงจึงถามสวนกลับว่า แล้ว ครม. เป็นนิติบุคคลหรือไม่ นายกฯ จึงย้อนถามว่า แล้วกระทรวงเป็นนิติบุคคลหรือเปล่า เมื่ออธิบดียรรยงตอบว่าเป็น นายกฯ ก็ถามอีกว่า แล้ว ครม. เป็นนิติบุคคลหรือไม่ นายยรรยงไม่ตอบ นายกฯ จึงตัดบทว่า มีอะไรจะพูดอีกไหม ถ้าไม่มีก็ ขอเชิญ นายยรรยงจึงเดินออกทันที
พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวขึ้นว่า ร่วมรัฐบาลมาหลายชุด แต่ไม่เคยเห็นข้าราชการประจำกล้าลบหลู่ ครม.ขนาดนี้ เรื่องนี้ไม่ให้ผ่านแน่ๆ อย่างไรก็ตามนางพรทิวาได้ขอโทษนายกฯ และ ครม. โดยระบุว่านายยรรยงตั้งใจทำงานแต่อาจจะใช้คำพูดผิดพลาด
อย่างไรก็ตาม ครม.ยังถกเถียงกันต่อไป ในที่สุดนางพรทิวาจึงพูดขึ้นมาว่า “ขอความเป็นธรรมของพรรคร่วมบ้าง และไม่ควรมีสองมาตรฐานกับพรรคร่วมรัฐบาล” ทำให้นายอภิสิทธิ์กล่าวสวนขึ้นมาทันทีว่า ไม่เคยคิดว่าใครเป็นใคร และอยากถามกลับว่าอีกมาตรฐานหนึ่งคืออะไร จนทำให้นางพรทิวาถึงกับน้ำตาคลอเบ้า แล้วนิ่งเงียบไม่ตอบโต้แต่อย่างใด
ระหว่างนั้นนายกฯ ได้หยิบแฟ้มเอกสารขึ้นมา พร้อมแสดงความข้องใจว่า ถึงอย่างไรโครงการนี้รัฐบาลก็ขายขาดทุน และการแทรกแซงสินค้าเกษตรทุกชนิดรัฐบาลจะขาดทุนอย่างน้อย 2 หมื่นล้านบาท แต่ทำไมถึงมีบริษัทเดียวจาก 4 บริษัทที่ประมูล ได้โควตาสูงผิดปกติถึง 4 แสนตัน
ทั้งนี้ 4 บริษัทที่ประมูลข้าวโพด 4.49 แสนตันได้ ซึ่งจัดเก็บอยู่ใน โกดัง 84 แห่ง ใน 10 จังหวัด คือ บริษัท สยามธัญรักษ์ ไซโล บริษัท เอ็นซีเอ เอ็นเตอร์ไพรซ์ และ บริษัท เค.เอส. พรีเมี่ยม และ บริษัท นานาพรรณเกษตรอุตสาหกรรม
นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวการปะทะคารมในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ โดยระบุว่า เกิดจากที่ประชุม ครม.ได้มีมติให้กระทรวงพาณิชย์นำเรื่องการจำหน่ายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ตามโครงการแทรกแซงตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปี 2551/2552 เพื่อส่งออกต่างประเทศโดยวิธีประมูลให้แก่ผู้ซื้อในประเทศปริมาณ 449,342.856 ตัน มูลค่า 2,041.052 ล้านบาท กลับไปให้คณะกรรมการนโยบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์พิจารณาก่อน เพื่อให้ถูกต้องตามขั้นตอน
นอกจากนี้ ที่ประชุม ครม.มีมติให้กระทรวงพาณิชย์นำเรื่องการระบายสินค้าเกษตรทุกชนิด ที่อยู่ในโครงการรับจำนำ เสนอให้ ครม.อนุมัติก่อนระบายหรือขายให้เอกชน เนื่องจากเห็นว่าการดำเนินโครงการรับจำนำ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรช่วงที่ผ่านมาผลการดำเนินงานขาดทุนเป็นจำนวนมาก
โดยเช้าวันนี้ มีกระแสข่าวสะพัดตามสื่อว่า นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จากพรรคภูมิใจไทย และนายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน ได้ปะทะคารมกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีหลายคน ระหว่างการประชุม ครม. ก่อนจะจบลงที่ประชุมยกอำนาจการดำเนินการเรื่องนี้ให้เป็นของคณะกรรมการที่นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี แต่งตั้งขึ้น แทนที่จะให้คณะกรรมการของกระทรวงพาณิชย์ (พณ.) ดำเนินการ
นอกจากนี้ ที่ประชุม ครม.มีมติให้กระทรวงพาณิชย์นำเรื่องการระบายสินค้าเกษตรทุกชนิด ที่อยู่ในโครงการรับจำนำ เสนอให้ ครม.อนุมัติก่อนระบายหรือขายให้เอกชน เนื่องจากเห็นว่าการดำเนินโครงการรับจำนำ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรช่วงที่ผ่านมาผลการดำเนินงานขาดทุนเป็นจำนวนมาก
รายงานข่าวระบุว่า ครม.เริ่มพิจารณาเรื่องนี้ โดยนายกรัฐมนตรี ได้ตั้งข้อสังเกตขึ้นว่า อำนาจในการดำเนินการเรื่องนี้ควรจะอยู่ที่คณะกรรมการชุดใดระหว่างชุดที่รัฐบาลนี้ โดยนายกอร์ปศักดิ์แต่งตั้ง หรือควรจะเป็นของคณะกรรมการของกระทรวงพาณิชย์ซึ่งแต่งตั้งขึ้นในสมัยรัฐบาลชุดก่อน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม.ยังไม่ได้อนุมัติให้ระบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ดังกล่าว เนื่องจากเป็นการอนุมัติโดยคณะอนุกรรมการที่แต่งตั้งโดยอาศัยมติ ครม.ของรัฐบาลชุดก่อน แต่รัฐบาลนี้ได้ให้นายกอร์ปศักดิ์ เป็นประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และมีการตั้งคณะอนุกรรมการชุดใหม่ เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่คาบเกี่ยวกัน ครม.เห็นว่าการระบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ที่อนุมัติโดยอนุกรรมการชุดก่อนขอให้ยุติไว้ก่อน
โดยที่ประชุมได้ถกกันไปมาจนในที่สุดนายกฯ ได้เชิญนายยรรยงเข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติม โดยนายยรรยงยืนยันว่าเป็นอำนาจของกระทรวงพาณิชย์ เพราะกรมการค้าภายในซึ่งเป็นผู้ดำเนินการฐานะเป็นนิติบุคคล
นายกฯ จึงได้ถามต่อว่า ในเมื่อกรมของท่านมีอำนาจ แล้วท่านจะรับผิดชอบกรณีที่ขายสินค้าแล้วขาดทุนด้วยหรือไม่ เพราะอำนาจต้องมาพร้อมกับความรับผิดชอบ นายยรรยงจึงถามสวนกลับว่า แล้ว ครม. เป็นนิติบุคคลหรือไม่ นายกฯ จึงย้อนถามว่า แล้วกระทรวงเป็นนิติบุคคลหรือเปล่า เมื่ออธิบดียรรยงตอบว่าเป็น นายกฯ ก็ถามอีกว่า แล้ว ครม. เป็นนิติบุคคลหรือไม่ นายยรรยงไม่ตอบ นายกฯ จึงตัดบทว่า มีอะไรจะพูดอีกไหม ถ้าไม่มีก็ ขอเชิญ นายยรรยงจึงเดินออกทันที
พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวขึ้นว่า ร่วมรัฐบาลมาหลายชุด แต่ไม่เคยเห็นข้าราชการประจำกล้าลบหลู่ ครม.ขนาดนี้ เรื่องนี้ไม่ให้ผ่านแน่ๆ อย่างไรก็ตามนางพรทิวาได้ขอโทษนายกฯ และ ครม. โดยระบุว่านายยรรยงตั้งใจทำงานแต่อาจจะใช้คำพูดผิดพลาด
อย่างไรก็ตาม ครม.ยังถกเถียงกันต่อไป ในที่สุดนางพรทิวาจึงพูดขึ้นมาว่า “ขอความเป็นธรรมของพรรคร่วมบ้าง และไม่ควรมีสองมาตรฐานกับพรรคร่วมรัฐบาล” ทำให้นายอภิสิทธิ์กล่าวสวนขึ้นมาทันทีว่า ไม่เคยคิดว่าใครเป็นใคร และอยากถามกลับว่าอีกมาตรฐานหนึ่งคืออะไร จนทำให้นางพรทิวาถึงกับน้ำตาคลอเบ้า แล้วนิ่งเงียบไม่ตอบโต้แต่อย่างใด
ระหว่างนั้นนายกฯ ได้หยิบแฟ้มเอกสารขึ้นมา พร้อมแสดงความข้องใจว่า ถึงอย่างไรโครงการนี้รัฐบาลก็ขายขาดทุน และการแทรกแซงสินค้าเกษตรทุกชนิดรัฐบาลจะขาดทุนอย่างน้อย 2 หมื่นล้านบาท แต่ทำไมถึงมีบริษัทเดียวจาก 4 บริษัทที่ประมูล ได้โควตาสูงผิดปกติถึง 4 แสนตัน
ทั้งนี้ 4 บริษัทที่ประมูลข้าวโพด 4.49 แสนตันได้ ซึ่งจัดเก็บอยู่ใน โกดัง 84 แห่ง ใน 10 จังหวัด คือ บริษัท สยามธัญรักษ์ ไซโล บริษัท เอ็นซีเอ เอ็นเตอร์ไพรซ์ และ บริษัท เค.เอส. พรีเมี่ยม และ บริษัท นานาพรรณเกษตรอุตสาหกรรม