“ชวรัตน” แจงเห็น “พรทิวา” งัดข้อ “อภิสิทธิ์” กลางที่ประชุม ครม.ไม่มีปัญหา แนะ “กอร์ปศักดิ์” - “พรทิวา” ต้องเคลียร์กันเองก่อน หากไม่ลงตัวค่อยหารือระดับพรรค ลั่นพร้อมเป็นตัวกลางหย่าศึก รับ “ยรรยง” พูดแรง ท้า นายกฯ หากสั่งย้ายจะกระทบความเชื่อมั่น แต่เชื่อหากอโหสิเรื่องก็จบ ยอมรับกังวลเรื่องตั้งพรรค พธม.หวั่นมีคู่แข่งเพิ่ม พร้อมชี้แจง ป.ป.ช.ถูกร้องถอดถอน มั่นใจไม่เกี่ยวถูกปรับ ครม.
วันนี้ (14 พ.ค.) ที่กระทรวงมหาดไทย นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่ ครม.มีมติให้คณะกรรมการนโยบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ รับเรื่องการระบายข้าวโพดในสต๊อก จำนวน 4 แสนตัน ไปพิจารณารายละเอียดอีกครั้ง จนทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่าง นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ กับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในที่ประชุม ครม.ว่า คงเป็นเรื่องที่สื่อเข้าใจผิด แต่ในข้อเท็จจริงไม่มีอะไร เป็นเพียงกรณีที่กระทรวงพาณิชย์รายงานการประมูลข้าวโพดเท่านั้น โดยที่ประชุมได้มีการหารือถึงคณะกรรมการทั้งสองชุดว่ามีอำนาจในการพิจารณาเปิดประมูลหรือไม่ และต้องดูคณะกรรมการชุดดังกล่าวว่าหมดสภาพหรือไม่ ทั้งนี้ หากยังไม่หมดสภาพ ทางรัฐมนตรีพาณิชย์ก็มีสิทธิ์ตัดสินใจว่าจะขายจำนวนข้าวโพดในสต๊อกที่มีอยู่ 4 แสนตันหรือไม่ และถ้าไม่ขายจะทำให้ข้าวโพดที่เก็บอยู่มีคุณภาพลดลงหรือไม่
เมื่อถามว่า นางพรทิวา ระบุว่า รัฐบาลสองมาตรฐาน จะมีผลทำให้มีการขัดแย้งระหว่างพรรคร่วมกับรัฐบาลหรือไม่ นายชวรัตน์ กล่าวว่า เป็นการพูดกันระหว่างนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ คงไม่มีอะไร ซึ่งเวลาพูดกันก็ต้องมีการหยิบยกคำพูดต่างๆ ขึ้นมาชี้แจง เมื่อถามว่าจำเป็นต้องมีคนกลางเข้าไปไกล่เกลี่ยหรือไม่ นายชวรัตน์ กล่าวว่า ในฐานที่ตนเป็นหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก็ยังไม่ได้รับการติดต่อมาให้ไปเป็นคนไกล่เกลี่ย ส่วน นางพรทิวา ก็ยังไม่ได้มาพูดคุยกับตนในเรื่องดังกล่าว
เมื่อถามว่า ควรมีรองนายกฯ ในส่วนของพรรคภูมิใจไทย เพื่อดูแลเรื่องนี้อีกตำแหน่งหรือไม่ เพราะจะทำให้มีการคานกัน รมว.มหาดไทย กล่าวว่า เรื่องนี้มี นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกฯ รับผิดชอบและกำกับกระทรวงพาณิชย์อยู่แล้ว ดังนั้น นายกอร์ปศักดิ์ กับ นางพรทิวา ควรหารือกันก่อน แต่หากไม่สามารถตกลงกันได้พรรคร่วมก็จะมาหารือกัน ทั้งนี้ ตนก็พร้อมเป็นกาวใจในการประสานความเข้าใจของทั้งสองฝ่าย ส่วนจำเป็นต้องมีรองนายกฯ เพิ่มหรือไม่นั้น ก็แล้วแต่สถานการณ์ว่าจะพัฒนาไปถึงขั้นมีรองนายกฯ ในส่วนของภูมิใจไทยหรือไม่ ซึ่งตนจะปรึกษานายกฯ อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าหากมีรองนายกฯ 2 พรรค มาดูในเรื่องเดียวกันก็จะทำให้มีการขัดแย้งกัน ไม่เป็นเอกภาพ อาจมีปัญหาขึ้นมาอีก
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ มีการตั้งข้อสังเกตว่า นายกอร์ปศักดิ์ มักไม่เห็นด้วยกับโครงการต่างๆ ที่พรรคภูมิใจไทยเสนอ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า มีเฉพาะโครงการข้าวโพดอย่างเดียว ส่วนเรื่องอื่นไม่มีปัญหา เมื่อถามต่อว่า ต้นเหตุของปัญหาเกิดจากทางพรรคไม่ให้ความสำคัญกับกระทรวงพาณิชย์ เพราะเป็นโควตาของกลุ่มมัชฌิมา ไม่ใช่กระทรวงของกลุ่มเพื่อนเนวินใช่หรือไม่ นายชวรัตน์ ย้อนถามว่า “ทำไมชอบถามคำถามค่อนข้างซาดิสต์ แต่อย่างไรทุกคนก็อยู่ในพรรคภูมิใจไทยทั้งหมด และมีนโยบายชัดเจนอยู่แล้ว และถือว่าพรรคที่อยู่ในรัฐบาลก็คือพรรคภูมิใจไทยไม่ใช่มัชฌิมา”
ส่วนการที่ นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน ชี้แจงกับนายกฯ หากมีคำสั่งโยกย้ายอธิบดีจะมีผลต่อความน่าเชื่อถือในการบริหารราชการของนายกฯ หรือไม่ นายชวรัตน์ กล่าวว่า เรื่องนี้น่าเป็นห่วง หากมีการย้ายจริงๆ ก็อาจจะมีผลกระทบได้ ซึ่งตนเห็นว่าสิ่งที่ นายยรรยงชี้แจงกับนายกฯ นั้น เป็นคำพูดที่แรงไปนิด แต่สุดท้ายหากอโหสิกัน และถือว่าเรื่องคำพูดต่างๆ เป็นเรื่องเล็กน้อยก็คงไม่มีปัญหาอะไร
นายชวรัตน์ กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตั้งพรรคการเมือง ว่า เท่ากับว่าพรรคภูมิใจไทยมีคู่แข่งเพิ่มขึ้น ส่วนในอนาคตจะเป็นพันธมิตรฯทางการเมืองกันหรือไม่ ไม่สามารถตอบได้เพราะเป็นเรื่องของอนาคต แต่ในแวดวงการเมืองไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร แต่ส่วนตัวมีความกังวลเพราะเมื่อพันธมิตรฯ กลายเป็นพรรคการเมืองก็ถือเป็นคู่แข่ง
นอกจากนี้ นายชวรัตน์ กล่าวถึงกรณีที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติรับเรื่องขอถอดถอน 5 รัฐมนตรี ของฝ่ายค้านไว้ไต่สวนว่า เมื่อตนมีชื่อเป็น 1 ใน 5 คน ก็พร้อมจะชี้แจงหากมีการติดต่อมา ส่วนผลจะออกมาเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ ป.ป.ช.อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวจะไม่มีผลต่อการปรับ ครม.เพราะขั้นตอนยังอยู่ชั้นของการไต่สวนเท่านั้น
