โฆษกพรรคภูมิใจไทยยืนยันเสียงแข็ง กรณี “พรทิวา” งัดข้อ “อภิสิทธิ์” ในที่ประชุมครม.เรื่องระบายข้าวโพด และงบประมาณ ระบุไม่มีปัญหา พรรคยังสนับสนุนรัฐบาลทำงานเต็มที่ ปัดไม่มีปัญหาขัดแย้งอย่างที่เป็นข่าว
วันนี้ (14 พ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการโต้เถียงกันในที่ประชุม ครม.เกี่ยวกับการระบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ระหว่างนายกรัฐมนตรี กับนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ แกนนำพรรคภูมิใจไทย เมื่อวานนี้ว่า จริงๆ แล้วเป็นเรื่องที่ ครม.เห็นว่าควรให้คณะกรรมการชุดใหญ่ที่มีนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกฯ เป็นประธาน ไปทบทวน ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้นางพรทิวาก็เป็นกรรมการอยู่ด้วย ดังนั้น ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรอย่างที่เป็นข่าว และการถกกันในที่ประชุม ครม.ก็เป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่เฉพาะเรื่องนี้เท่านั้น เพราะถ้าเป็นเรื่องสำคัญก็จะมีการพูดคุยกันอยู่แล้ว แต่บังเอิญเรื่องนี้คาบเกี่ยวกับรัฐบาลที่แล้ว ดังนั้น รัฐบาลนี้จึงต้องการให้เกิดความชัดเจนถึงการทำงานของรัฐบาล จึงอยากให้ทบทวน ยืนยันไม่มีความขัดแย้งอะไรอย่างที่เป็นข่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข่าวในที่ประชุม นางพรทิวาพูดกับนายกฯ ว่าอย่าทำ 2 มาตรฐานด้วย นายศุภชัยกล่าวว่า ไม่มี เมื่อวานไม่มีการพูดกันถึงขนาดนั้น แต่เป็นเรื่องที่ทาง รมว.พาณิชย์ ต้องการความชัดเจนเท่านั้น แต่ที่สุดแล้ว รมว.พาณิชย์ ก็ให้นายกฯ เป็นผู้ตัดสินว่าเรื่องนี้ควรดำเนินการอย่างไรต่อไป
เมื่อถามว่าเรื่องนี้พรรคภูมิใจไทยจะมีท่าทีหรือดำเนินการอย่างไรหรือไม่ นายศุภชัยกล่าวว่า ไม่มี เมื่อวานหลังจากประชุมแล้ว ครม.ทั้งหมดก็รับประทานอาหารร่วมกันซึ่งนายกฯ ก็อยู่ด้วย ทุกอย่างก็ราบรื่นดี
“ยืนยันเรื่องนี้พรรคภูมิใจไทยไม่ได้ถือเป็นประเด็นที่เป็นความขัดแย้งของพรรคร่วมรัฐบาลในการร่วมกันทำงาน และไม่ได้เป็นสาระสำคัญที่พรรคภูมิใจไทยจะถือเป็นเรื่องที่จะต้องมาทบทวนหรือพุดคุยกันระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ยืนยันว่าเรายังสนับสนุนรัฐบาลในการบริหารประเทศต่อไป โดยไม่ได้ถือเอาเรื่องอย่างที่เป็นข่าวมาเป็นกรณีสำคัญ” นายศุภชัย กล่าว
เมื่อถามว่า ดูเหมือนเมื่อวานรัฐมนตรีในส่วนของพรรคชาติไทยพัฒนา ก็ตัดพ้อนายกฯ เรื่องงบประมาณที่ถูกตัดเช่นกัน รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ไม่มีอะไร เพียงแต่ตอนนี้เป็นเรื่องที่แต่ละกระทรวงได้เสนอของบประมาณตามภารกิจที่เห็นว่าจำเป็นต้องทำ แต่งบประมาณมีไม่มาก ดังนั้น การจัดสรรงบประมาณก็จะต้องจัดสรรไปตามความจำเป็นและเหมาะสม แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องเหล่านี้สามารถปรับลดกันได้ตามความจำเป็นอยู่แล้ว ซึ่งนายกฯ ก็ไม่ได้ปิดถึงขนาดไม่สามารถพูดคุยกันได้ ซึ่งเรื่องทั้งหมดนี้ การพูดคุยก็อยู่บนพื้นฐานว่าทำอย่างไรที่จะทำให้ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด ไม่ได้มีเป้าหมายว่าพรรคใด คุมกระทรวงใดแล้วจะได้มาก ยืนยันว่าจนถึงขณะนี้รัฐบาลไม่ได้มีปัญหาในเรื่องเหล่านี้เลย เป็นเพียงความรู้สึกของกระแสข่าวที่ออกมา ยืนยันตอนนี้พูดคุยกันรู้เรื่องทุกพรรคที่ร่วมรัฐบาล