ASTVผู้จัดการรายวัน- “มาร์ค” หักเหลี่ยม “ภูมิใจไทย” โทษฐานฮุบข้าวโพดบิ๊กล็อต 4.4 แสนตัน 2 พันล้าน มอบอำนาจ “กอร์ปศักดิ์” พิจารณาใหม่ก่อนชงกลับเข้า ครม. ฉุนขาดไล่ “ยรรยง” ออกจากห้องประชุม หลังสอนมวยครม. ขณะที่”พรทิวา”ฟิวส์ขาดซัด”มาร์ค”สองมาตรฐาน เจอสวนอีกหนึ่งมาตรฐานคืออะไร ทำพรทิวาสะอื้นนิ่งเงียบไม่ตอบด้านเสธ.หนั่นได้ทีรุมอัด ข้าราชการประจำข้ามหัวครม.บังอาจสอนรมต.ลั่นผมไม่ให้ผ่าน “ยรรยง”ยันพาณิชย์ทำหน้าที่สมบูรณ์ตามขั้นตอนทุกอย่างและมีอำนาจขายถูกต้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมครม.วานนี้ (13พ.ค.) ในการพิจารณาวาระเรื่อง การระบายจำหน่ายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ตามโครงการแทรกแซงตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2551 / 52 และขอทบทวนคณะกรรมการเกี่ยวกับสินค้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ตามที่ นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เป็นผู้เสนอ โดย นางพรทิวาได้เสนอให้ครม.อนุมัติเห็นชอบการจำหน่ายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ที่รับจำนำ ปี 2552/52 เพื่อการส่งออกต่างประเทศด้วยวิธีการประมูลให้กับผู้ซื้อในประเทศ จำนวน 449,342.856 ตัน มูลค่า 2,041.052 ล้านบาท ตามมติคณะอนุกรรมการด้านการตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เมื่อวันที่ 31 ม.ค. 52 โดยนางพรทิวา ให้เหตุผลว่าต้องระบายข้าวโพดเนื่องจากเป็นผลผูกพันจากมติคณะกรรมการระบายข้าวโพดชุดเดิม มีนายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ขณะนั้นเป็นประธาน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าได้พิจารณาการดำเนินการระบายข้าวโพดในสต๊อก จำนวน 4.49 แสนตัน ซึ่งมีปัญหาทับซ้อนของการทำงานในการระบายข้าวโพด ซึ่งเรื่องนี้ได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการระบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ที่นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้แต่งตั้งลงมากำกับดูแลในเรื่องนี้
ส่วนจะมีการดำเนินการระบายข้าวโพดในสต๊อกที่มีอยู่อย่างไรนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ปล่อยให้เป็นการตัดสินใจของคณะอนุกรรมการชุดนี้อย่างเต็มที่ ส่วนข้าวโพดที่รับจำนำ ปี 2551/2552 จำนวน 6.6 แสนตัน คงไม่มีปัญหาในการระบาย แต่ติดในรูปแบบการระบาย ซึ่งอาจจะเป็นรูปแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล หรือรัฐบาลต่อเอกชนต่างประเทศ ดังนั้นในเรื่องนี้ยังอยู่ระหว่างการตัดสินใจ ว่าจะต้องผ่านกระบวนการพิจารณาตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพ.ศ. 2550 ตามมาตรา 190 หรือไม่
แหล่งข่าวที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เปิดเผยถึงบรรยากาศการพิจารณาของครม.ในวาระดังกล่าวว่าในประเด็นการเปิดประมูลข้าวโพด 4.49 แสนตัน มูลค่า 2.04 พันล้านบาทนั้นในประเด็นนี้นายกฯ ได้ตั้งข้อสังเกตว่า อำนาจ และหน้าที่ในการดำเนินการประมูลอยู่ที่ คณะกรรมการชุดนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ที่รัฐบาลแต่งตั้ง หรือ คณะกรรมการ 3 หน่วยงานของกระทรวงพาณิชย์ที่แต่งตั้งขึ้นในสมัยรัฐบาลชุดก่อน เพราะแท้จริงแล้วเมื่อมีการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ อำนาจและหน้าที่ในการดำเนินการควรอยู่ที่คณะกรรมการชุดนายกอร์ปศักดิ์ ท้ายที่สุดนายอภิสิทธิ์ ได้มอบเรื่องนี้ให้นายกอร์ปศักดิ์ กลับไปพิจารณาใหม่ ก่อนจะนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม.พิจารณาอีกครั้ง โดยไม่ได้เป็นการล้มผลการประมูลโครงการที่ 3 บริษัทยักษ์ใหญ่ผู้ส่งออกข้าวได้ไป
ทั้งนี้ระหว่างการหารือกันอย่างดุเดือด นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าคณะกรรมชุดใดกันแน่ที่มีอำนาจและหน้าที่ในการดำเนินการประมูลข้าวโพด เพื่อส่งออกต่างประเทศให้กับผู้ซื้อในประเทศ 4 แสนตันระหว่างคณะกรรมการ 3 หน่วยงานของกระทรวงพาณิชย์ หรือ คณะกรรมการชุดที่นายกอร์ปศักดิ์ เป็นประธาน จากนั้นเกิดการตอบโต้กันไปมา จนนายกฯได้เรียกนายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน ในฐานะเลขานุการคณะอนุกรรมการด้านการตลาดเข้ามาชี้แจง
บรรยากาศเริ่มตึงเครียดขึ้นทันที เมื่อนางพรทิวา กล่าวว่า คณะกรรมการชุดกระทรวงพาณิชย์มีอำนาจในการดำเนินการ ซึ่ง ครม.ควรเห็นชอบ จากนั้นนายกฯ กล่าวสวนขึ้นมาทันทีว่า จริงๆแล้วถ้ากระทรวงพาณิชย์มีเงินในการดำเนินการแทรกแซงข้าวโพดเอง ก็ไม่จำเป็นต้องมาขอความเห็นชอบจากที่ประชุม ครม. แต่อย่าถามว่า ก่อนที่จะมีการแทรกแซงสินค้าเกษตรทางกระทรวงพาณิชย์เอง ก็เข้ามาของบประมาณจากที่ประชุม ครม. ระหว่างนั้นนายกฯ ได้สอบถามอธิบดีกรมการค้าภายใน ว่าคณะกรรมการชุดใดกันแน่ที่มีอำนาจในการดำเนินการ นายยรรยง กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ เพราะเป็นนิติบุคคล จากนั้นนายกฯ กล่าวว่าหากตั้งกรรมการชุดใหม่ขึ้นมาแล้วก็ควรให้กรรมการชุดใหม่เป็นผู้พิจารณาไม่ใช่หรือ
แต่นายยรรยง กลับกล่าวสวนกลับถามนายกฯว่า ครม. เป็นนิติบุคคลหรือไม่ ทันใดนั้นนายกฯ ก็บอกว่า ท่านอธิบดีมีอะไรจะพูดอีกหรือไม่ ถ้าไม่มีก็พอแค่นี้ จากนั้นนายยรรยง จึงเดินออกไปจากห้องประชุมทันที ซึ่งทำให้รัฐมนตรีอยู่ในห้องประชุมถึงกับอึ้งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
หลังนายยรรยง เดินออกจากห้องประชุม พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวขึ้นมาว่า ผมร่วมรัฐบาลมาหลายชุด ไม่เคยมีใครมาสอน ครม.ขนาดนี้ แล้วพูดต่อว่า เรื่องนี้ผมไม่ให้ผ่านแน่ๆ จากนั้นนางพรทิวา ได้กล่าวออกตัวขอโทษ นายกฯ และ ครม.พร้อมกับกล่าวว่า ท่านอธิบดีตั้งใจทำงานแต่อาจจะเป็นเพราะคำพูดที่อาจจะผิดพลาด
ระหว่างนั้นยังคงมีการถกเถียงกันต่อไปจนถึงขนาดที่ นางพรทิวา กล่าวออกมาว่า ขอความเป็นธรรมของพรรคร่วมบ้าง และ ไม่ควรมี 2 มาตรฐานกับพรรคร่วม ถ้าเป็นพรรคประชาธิปัตย์คงให้ผ่าน ในทันใดนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวสวนขึ้นมาทันทีว่า ไม่เคยคิดว่าใครเป็นใคร และ อยากถามกลับว่า อีกมาตรฐานหนึ่ง คือ อะไร จนทำให้นางพรทิวาถึงกับนิ่งเงียบ น้ำตาคลอเบ้า ไม่กล่าวตอบโต้แต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามระหว่างการประชุม ครม. นายกฯ ได้หยิบแฟ้มเอกสาร พร้อมกับได้ตั้งข้อสังเกตว่าทำไม 4 บริษัท ที่ได้ประมูลโครงการระบายข้าวโพด ปริมาณ 4.49 แสนตัน นั้น มีอยู่เพียง 1 บริษัทเท่านั้น ที่ได้โควตาสูงผิดปกติ ถึง 4 แสนตัน ส่วนบริษัทที่เหลือกลับได้รับโควตาไปเพียงรายละไม่กี่หมื่นตันเท่านั้นอาจเป็นเครือข่ายเดียวกัน พร้อมทั้งกำชับให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องพิจารณาโครงการรับจำนำสินค้าทางการเกษตรให้ฤดูการนี้ด้วยความรอบคอบ และนายกฯ ยังกล่าวว่า โครงการนี้ถึงจะอย่างไรรัฐบาลก็ขายขาดทุน ซึ่งมีการประเมินกันแล้วว่า โครงการแทรกแซงสินค้าเกษตรทุกชนิดรัฐบาลจะขาดทุนอย่างน้อย 2 หมื่นล้านบาท
“บริษัทที่ประมูลได้ดูๆแล้วมีรายใหญ่รายเดียวที่ประมูลได้ไปรายเดียว” แหล่งข่าวอ้างคำพูดนายกฯ
‘ยรรยง’ยันพาณิชย์มีอำนาจขาย
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า หากมีการยกเลิกประมูลข้าวโพด 4.49 แสนตัน บริษัทเอกชนที่ชนะการประมูลอาจฟ้องร้องรัฐบาลได้ เพราะได้รับความเสียหายจากการรับคำสั่งซื้อในต่างประเทศไว้ และไม่สามารถหาข้าวโพดไปส่งมอบได้ แต่ไม่สามารถฟ้องร้องคณะอนุกรรมการด้านการตลาด ที่มีรมว.พาณิชย์เป็นประธาน หรือกระทรวงพาณิชย์ได้ แม้จะเป็นผู้เปิดประมูลและพิจารณาตัดสินผลการประมูล เพราะกระทรวงพาณิชย์ดำเนินการตามคำสั่งของนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์แห่งชาติ
นอกจากนี้ ในที่ประชุมอนุกรรมการได้สงวนสิทธิ์ไว้แล้วว่า หากเกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ หลังการตัดสินใจอนุมัติขายไปแล้วนั้น กระทรวงพาณิชย์จะไม่รับผิดชอบ เพราะทำตามขั้นตอนทุกอย่าง คือ ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นคนตัดสินใจว่าจะขายในขั้นสุดท้ายหรือไม่
สำหรับการประมูลขายครั้งนี้ มีผู้ส่งออกสนใจยื่นซองเสนอราคาเพียง 4 ราย ได้แก่ 1.บริษัท สยามธัญรักษ์ไซโล ซึ่งเป็นบริษัทในเครือบริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง เสนอราคาซื้อตันละ 3.50-4.50 บาท 2.บริษัท นานาพรรณเกษตรอุตสาหกรรม เสนอซื้อกก.ละ 5-5.75 บาท บริษัท เอ็นซีเอเอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัด เสนอราคาซื้อกก.ละ 2.50-5.50 บาท และ4.บริษัท เค.เอส พรีเมี่ยม จำกัด เสนอซื้อกก.ละ 4 บาทจากราคาที่รัฐบาลรับจำนำที่กก.ละ 8.50 บาท
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ได้ชี้แจงครม. ถึงอำนาจหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ในการระบายข้าวโพดครั้งนี้ เพราะเกรงว่า ครม.จะเข้าใจผิด โดยชี้แจงว่า กระทรวงพาณิชย์มีอำนาจหน้าที่ขายข้าวโพดอย่างถูกต้อง รวมถึงสินค้าเกษตรอื่นทั้งข้าว มันสำปะหลัง กุ้ง เป็นต้น ส่วนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีหน้าที่รับผิดชอบผลไม้ และการระบายข้าวโพดครั้งนี้ผ่านการพิจารณาของคณะอนุกรรมการด้านการตลาด ที่มีรมว.พาณิชย์เป็นประธาน และอยู่ภายใต้คณะกรรมการนโยบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์แห่งชาติอย่างถูกต้องตามขั้นตอนแล้ว ส่วนคณะกรรมการก็ต้องกำกับดูแลให้เป็นไปตามนโยบาย
“ผมพยายามชี้แจงให้เข้าใจถึงอำนาจหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ เพราะเกรงว่า ครม.จะเข้าใจผิดว่า การระบายข้าวโพดครั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังยึดตามมติครม.ของรัฐบาลชุดก่อน ซึ่งไม่ใช่เลย การอนุมัติขายก็ผ่านความเห็นชอบจากคณะอนุกรรมการด้านการตลาดแล้ว” นายยรรยงกล่าว