xs
xsm
sm
md
lg

มาร์คถกเจ้าของพรรคแก้เกาเหลา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - "มาร์ค" นัดเจ้าของพรรคร่วมรัฐบาลตัวจริงหารือที่บ้านพิษณุโลก หลังเกิดกรณี "เกาเหลาข้าวโพด" และความไม่พอใจจากการตัดงบกระทรวงต่างๆ พร้อมแจงข้อครหา 2 มาตรฐาน ย้ำรัฐบาลเดียวกันต้องโปร่งใส อย่าทำรัฐเสียหาย-ขาดทุน ด้าน "พรทิวา" เสนอผลประมูลขายข้าวโพดชุดเดิมให้ "กอร์ปศักดิ์" พิจารณา ขอให้นายกฯทำใจ ที่ต้องขายสินค้าเกษตรขาดทุน เพราะจำนำราคาสูง แต่ขายในราคาตลาด จับตาเอกชนที่ชนะประมูลยกเลิกการซื้อหลังราคาตลาดโลกดิ่ง เรียกผู้ส่งออกข้าว 8 ราย ทำสัญญาซื้อขายข้าว 2 ล้านตัน เฉลี่ยตันละ 1.4-1.55 หมื่นบาท คาดงานนี้เจ๊งอีกไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นล้าน

จากกรณีความขัดแย้งภายในพรรคร่วมรัฐบาล อันเนื่องมาจากการประชุม ครม.เมื่อวันที่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ จากพรรคภูมิใจไทย ที่เสนอให้ ครม.อนุมัติการระบายสต็อกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ตามโครงการรับจำนำข้าวโพด ปี2551/52 จำนวน 4.4 แสนตัน มูลค่ากว่า 2 พันล้านบาท ตามมติคณะกรรมการระบายข้าวโพดชุดเดิม เมื่อครั้งนายไชยา สะสมทรัพย์ เป็นรมว.พาณิชย์ แต่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี คัดค้าน เนื่องจากเห็นว่ามีปัญหาทับซ้อนของการทำงาน เพราะรัฐบาลนี้ได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการระบายข้าวโพด ที่มีนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับผิดชอบอยู่
เมื่อไม่ได้รับการอนุมัติตามที่เสนอ นางพรทิวา ถึงกับกล่าวกลางที่ประชุมว่า นายกรัฐมนตรี 2 มาตรฐาน หากเป็นโครงการที่พรรคประชาธิปัตย์ดูแลอยู่ คงได้รับการอนุมัติไปแล้ว
เรื่องนี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์ ที่สโมสรกองทัพบก เมื่อเวลา 11.45 น. วานนี้ (14พ.ค.)ว่า ได้ทำความเข้าใจกันแล้ว กล่าวคือ การระบายข้าวโพดตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ เป็นการทำไปตามมติครม.เดิม ซึ่งซ้อนกับกลไกที่รัฐบาลปัจจุบันตั้งขึ้น ฉะนั้นคณะกรรมการนโยบายพืชแต่ละชนิดจะต้องเป็นผู้ดูแล ซึ่งกรณีข้าวโพดนั้น นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการอยู่ และมีความเห็นว่า การระบายข้าวโพดดังกล่าว ยังไม่มีการพิจารณาอย่างครบถ้วนทุกด้าน จึงจะรับไปดูแลเรื่องนี้เท่านั้นเอง ไม่ได้มีปัญหาอื่นๆ มากมายอะไร
ส่วนที่มีการกล่าวอ้างว่า มีกลุ่มหนึ่งที่ประมูลได้ไปจำนวนมากนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่คณะกรรมการนโยบาย ต้องกำหนดหลักเกณฑ์ให้ได้ รัฐบาลกังวลเนื่องจากสินค้าทุกตัวที่จะขายออกไป โอกาสขาดทุนสูงอยู่แล้ว เพราะระบบการจำนำสูงกว่าราคาตลาด ซึ่งเป็นปัญหา ฉะนั้นต้องบริหารจัดการให้รอบคอบที่สุด และมีประสิทธิภาพที่สุด
เมื่อถามว่า มองว่ามีข้อบกพร่องตรงไหน หลังจากการที่ นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน ชี้แจงแล้ว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า กรณีดูตัวเลข เป็นเรื่องที่ประเมินได้ยากมาก เพราะการประมูลเสนอราคาเป็นช่วง และใช้อัตราเฉลี่ย ทำให้การแยกแยะคุณภาพข้าวโพด ที่ระบายออกไปประเมินยากว่า ราคาอยู่ที่เท่าไร เปรียบเทียบราคาแต่ละรายการ ก็ยากเช่นกัน ขณะเดียวกันก็นำไปสู่การขาดทุน ดูว่าจะเป็นอย่างไร ต้องดูแลว่าการระบายออกไปไม่เป็นอุปสรรคในการแก้ปัญหาเรื่องราคาในอนาคต มีความโปร่งใส และการแข่งขัน ซึ่งคณะกรรมการ จะกลับไปดู
ส่วนเรื่องนี้ จะกลายเป็นการขัดผลประโยชน์ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล และทำให้พรรคร่วมรัฐบาลไม่พอใจนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทุกคนอยู่ในรัฐบาล ต้องมีเป้าหมายการบริหารที่ตรงกัน กรณีนี้ต้องระบายสินค้าเกษตรฯ โดยให้รัฐบาลเสียหายน้อยที่สุดในแง่การขาดทุน มีความโปร่งใส ทุกคนต้องยึดถือนโยบายนี้
เมื่อถามว่า มีการกล่าวหานายกฯ ในที่ประชุมครม.ว่า 2 มาตรฐาน ถ้าเป็นของพรรคประชาธิปัตย์โครงการนี้คงผ่านไปแล้ว นายอภิสิทธิ์ หัวเราะก่อนกล่าวว่า ที่จริงไม่ใช่คำพูดลักษณะอย่างนั้น แต่เป็นธรรมดา ที่หน่วยงานอะไรเสนอมาแล้ว เมื่อเห็นว่ามีความเห็นต่าง ก็อาจจะมีการพูดจากระทบกระทั่งกันบ้าง เป็นปกติของการประชุม
เมื่อถามว่า มองว่าอาจมีการคอร์รัปชั่นอะไรหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่าทางคณะกรรมการนโยบาย ต้องไปหาคำตอบ เพราการระบายสินค้าเกษตรกร ไม่ใช่เฉพาะเรื่องข้าวโพด มีเรื่องข้าวที่กำลังติดตามอยู่ มีการตั้งข้อสังเกตอยู่มาก รัฐบาลจึงจำเป็นต้องเข้าไปดูตรงนี้ ไม่เพียงแต่เรื่องความโปร่งใส เท่านั้น ถ้าการดำเนินนโยบายเรื่องนี้ ไม่ทำให้ดี มีแต่จะสร้างปัญหามากยิ่งขึ้นในการบริหารพืชผลทุกตัว
ส่วนกระทบกระทั่งกันนี้จะบานปลายจนถึงขั้นทำให้รัฐบาลทำงานไม่ได้ และต้องยุบสภาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่าคงไม่ ก็ต้องทำความเข้าใจกัน หน้าที่ตนคือ เมื่อเป็นผู้ดูแลรัฐบาลอยู่ ต้องทำให้รัฐบาลทำในสิ่งที่ดีที่สุด ต้องแก้ปัญหาให้ได้ มาอยู่ตรงนี้ก็ต้องทำงานให้สำเร็จ เมื่อถามย้ำว่า ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นรอยร้าวรัฐบาลหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่คิดอย่างนั้น ตนคิดว่าการทำงานที่ผ่านมา มีหลายเรื่องที่เห็นไม่ตรงกัน เป็นปกติ
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมา กรมการค้าภายในอยู่ข้างพ่อค้า ไม่ได้อยู่ข้างรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ หัวเราะก่อนกล่าวว่า คิดว่าตรงนี้เป็นข้อสังเกต ที่เราต้องหาคำตอบ การชี้แจงต้องชี้แจงเพื่อหาความชัดเจนในทุกเรื่อง ยืนยันว่า ยึดมั่นผลประโยชน์ของชาติ ไม่ใช่ผลประโยชน์ของพรรคร่วม เป็นผลประโยชน์ของคนทุกพรรค เดี๋ยวจะกล่าวหาว่า เป็นเรื่องพรรคร่วมหรืออะไร การตัดสินใจของตนไม่ดูเลยว่า กระทรวงนั้นอยู่ในความรับผิดชอบของพรรคไหน แต่ดูจากงาน และเนื้องาน และจะตัดสินใจตามนั้น
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า ได้มอบนโยบายให้ นายกอร์ปศักดิ์ ว่าจะต้องดูแลให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุดกับภาครัฐ ไม่เป็นอุปสรรคต่อการที่จะให้ราคาพืชผลกระเตื้องขื้นมา และต้องมีความโปร่งใส ส่วนที่มีการประเมินว่า การประกันพืชผลจะขาดทุนหมื่นล้านนั้น ยอมรับว่า ใช่ ถ้าไม่มีระบบของการวางกรอบการระบาย ซึ่งตรงนี้เป็นจุดที่เป็นปัญหา ขณะนี้มีการเดินหน้าเรื่องข้าวโพด กับข้าวไป หากไม่มีกรอบที่ชัดเจนในเรื่องยุทธศาสตร์ว่าคืออะไร จะเสียหายค่อนข้างเยอะ

**"มาร์ค" ดอดกินข้าวสมานใจพรรคร่วม
จากนั้นเวลา 12.00 น. นายอภิสิทธิ์ ได้เดินทางไปยังบ้านพิษณุโลก เพื่อร่วมรับประทานอาหารกลางวัน กับแกนพรรคร่วมรัฐบาล อาทิ นายบรรหาร ศิลปะอาชา นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แกนนำพรรครวมใจไทย ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี แกนนำพรรคเพื่อแผ่นดิน นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และ นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ซึ่งทั้งหมดได้ใช้เวลารับประทานอาหาร และหารือกันเกือบ 2 ชั่วโมง
โดยเวลา 13.20 น. นายสุเทพ นายบรรหาร และนายสมศักดิ์ ได้เดินทางออกจากบ้านพิษณุโลก ตามด้วยนายนิพนธ์ ออกในเวลา 13.45 และ ท้ายสุดนายอภิสิทธิ์ ออกมาเวลา 14.00 น. และเดินทางไปที่รัฐสภาทันที ซึ่งบุคคลอื่นๆ ยังไม่ได้ออกมา

**อ้างประชุมพรรคร่วมแก้ปัญหาศก.
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ตนไม่รู้สึกกังวล เชื่อว่าไม่มีปัญหาอย่างที่เป็นข่าว และนางพรทิวาไม่ได้ต่อว่านายกฯว่าเป็นคนสองมาตรฐาน แต่คงมีอะไรในใจ และไม่กล้าพูดออกมา หลังจากนี้มั่นใจว่าพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทยจะทำงานร่วมกันได้ โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
นายสุเทพ ยังกล่าวถึงการประชุมพรรคร่วมรัฐบาล ที่บ้านพิษณุโลก โดยมีนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย เข้าร่วมด้วยว่า ที่เชิญคนนอกเข้ามา เพราะต้องการรับฟังความคิดเห็น ซึ่งที่ประชุมพรรคร่วม ได้มีการพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจ รวมถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล ซึ่งพรรคร่วมเห็นการดำเนินการของรัฐบาลมาถูกทางแล้ว เชื่อว่าแนวทางของรัฐบาลจะกระตุ้นเศรษฐกิจในขณะนี้ได้ อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมพรรคร่วม ไม่ด้มีการพูดถึงปัญหาในที่ประชุมครม. ที่ผ่านมาแต่อย่างใด
เมื่อถามว่านายบรรหารมองกรณีที่รัฐบาลตัดงบของบางกระทรวงอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า นายบรรหาร ไม่ได้แสดงความเป็นห่วงอะไร เพราะนายกฯ ได้ชี้แจงจนเข้าใจหมดทุกประเด็น ยืนยันว่า การประชุม ครั้งนี้ไม่ได้เป็นการเช็คฐานเสียงของพรรคร่วม มั่นใจว่า เสียงของพรรคร่วมยังแข็งแรงดีอยู่

**"เสธ.หนั่น" ยันอีก3 ปีค่อยยุบสภา
พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความขัดแย้งในที่ประชุม ครม. ว่า เป็นเรื่องธรรมดาของการแสดงความคิดเห็นของรัฐมนตรี ส่วนการนายกฯระบุว่าต่อไปการระบายสินค้าทางการเกษตร ต้องผ่าน ครม.ก่อน นั้น ตนเห็นคงต้องเป็นอย่างนั้น เพราะเป็นเรื่องของเงินจำนวนมาก ซึ่ง ครม.จะได้ชี้แจงประชาชนได้
ส่วนที่พรรคเพื่อไทย วิเคราะห์ว่ารัฐบาลเตรียมยุบสภาภายในสามเดือนนั้น พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ครบสามปี ยืนยันว่ายังไม่มีการยุบสภา รัฐบาลยังไปได้ เพราะจุดแข็งรัฐบาลเวลานี้ คือแก้ปัญหาใหประชาชนทั้งประเทศ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเศรษฐกิจ การเมือง

**"เจ๊วา"ไม่ตอบเรื่องต่อว่านายกฯ
ด้าน นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาความขัดแย้งกับ นายกรัฐมนตรี เรื่องการการระบายข้าวโพด ว่าไม่ได้มีความขัดแย้งกัน ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่ในครม.จะต้องมีการถกเถียงกันว่า ใครมีความเห็นอย่างไรบ้าง และนายกรัฐมนตรี ก็ไม่ได้ไล่นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ออกจากห้องประชุม ครม. เพราะนายยรรยง เป็นข้าราชการ เมื่อชี้แจงข้อมูลเสร็จ ก็ต้องออกจากห้องประชุมอยู่แล้ว
นางพรทิวา กล่าวยืนยันว่า เรื่องนี้ กระทรวงพาณิชย์ ดำเนินการตามกรอบอำนาจอย่างถูกต้อง และตรวจสอบได้ และเชื่อว่าปัญหาที่เกิดขึ้นคงไม่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพ ของพรรคร่วมรัฐบาล ถึงขั้นถูกปรับออกจาก ครม. เพราะเรื่องความเห็นไม่ตรงกัน เป็นเรื่องธรรมดา และตนพร้อมทำตามมติ ครม.ที่ให้นำเรื่องนี้ เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ที่มี นายกอร์ปศักดิ์ เป็นประธาน
อย่างไรก็ตาม การรับจำนำสินค้าเกษตรนั้น ต้องยอมรับเรื่องการขาดทุน เพราะราคารับจำนำมีราคาสูง ถ้าจะไม่ให้ขาดทุน คงเป็นไปไม่ได้ เพราะการรับจำนำก็เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร
เมื่อถามต่อว่า รู้สึกท้อกับปัญหาที่เกิดขึ้นหรือไม่ นางพรทิวา กล่าวว่าไม่ท้อ เพราะเป็นเรื่องธรรมดา เป็นเรื่องเล็ก ส่วนที่มีข่าวว่าตนร้องไห้นั้น ขอบอกว่า เรื่องใหญ่กว่านี้ ตนยังไม่ร้องไห้เลย และเรื่องนี้เล็กนิดเดียวเอง ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าได้พูดต่อว่า นายอภิสิทธิ์ ในที่ประชุมครม.ว่าทำงาน 2 มาตรฐาน จริงหรือไม่ นางพรทิวา อึ้งไปชั่วครู่ ก่อนบอกว่า"ไม่ขอตอบเรื่องนี้" แล้วรีบเดินเลี่ยงหนีไปทันที

**ขู่รัฐบาลผู้ประมูลอาจยกเลิก
นายประพล มิลินทจินดา เลขานุการ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงการระบายสต็อกข้าวโพดว่า คงจะเสนอผลการเปิดประมูลที่ได้ดำเนินการเสร็จแล้ว ส่งให้คณะกรรมการชุดใหญ่ไปพิจารณา เพราะกระทรวงพาณิชย์ ถือว่าได้ปฏิบัติตามขั้นตอนถูกต้องแล้ว เพียงแต่จะมีปัญหาว่า ผู้ที่ชนะการประมูล จะยังยืนยันที่จะซื้อในราคาเดิมหรือไม่ เพราะในเงื่อนไขการประมูล ระบุให้ผู้ชนะการประมูลยืนราคาที่เสนอซื้อภายใน 15 วัน แต่ขณะนี้ราคาตลาดโลกลดลงจากวันที่เปิดประมูลเมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมามาก โดยราคาปัจจุบันอยู่ที่ กก.ละ 4 บาทกว่า แต่ราคาตลาดโลก ณ วันเปิดประมูล อยู่ที่ กก.ละ 6.50 บาท จึงมีความเป็นไปได้ว่า ทั้ง 3 ราย อาจยกเลิกการซื้อครั้งนี้ แต่กระทรวงพาณิชย์ จะขอให้ยืนราคาเดิมไปก่อน
" ในส่วนของเอกชน เราคงไปพูดอะไรแทนไม่ได้ เพราะจะว่าไปแล้ว เขาก็เป็นผู้เสียหาย แล้วยิ่งบางรายไปทำสัญญาขายกับต่างประเทศแล้ว พอไม่มีข้าวโพดไปส่งให้ ก็เสียหาย พอมาตอนนี้ ราคาตลาดโลกตก ผู้ซื้อก็ขอต่อรองราคาลงอีก ก็ยิ่งเสียหาย เพราะต้นทุนซื้อข้าวโพดจากรัฐแพง แต่ขายได้ในราคาต่ำ และยังไม่รู้ว่าผู้ชนะประมูล เขาจะยอมซื้อในราคาเดิมหรือไม่ หรือจะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายหรือไม่" นายประพลกล่าว
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ยอมรับว่า การระบายข้าวโพดให้กับผู้ซื้อ 3 รายนั้นรัฐบาลขาดทุนแน่ เพราะราคาตลาดโลกได้ปรับตัวลดลงไปมาก
"ตอนนี้ก็คงต้องหาทางให้เอกชนที่ชนะประมูลยืนราคาที่เคยเสนอไว้ เพราะหากเขาไม่ยอมซื้อ แล้วต้องเปิดประมูลใหม่ รัฐบาลก็คงจะขาดทุนมากกว่าเดิม เพราะราคาตลาดโลกตกลงมาก และยังจะเสียหายจากค่าบริหารจัดการสต๊อก ที่ต้องเสียเดือนละ 56 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ข้าวโพดฤดูใหม่ ก็กำลังจะออกมา ถ้าไม่รีบระบาย ก็จะยิ่งทำให้ราคาตก" นายประพลกล่าว และราคาที่ประมูลไป ต่ำกว่าราคาตลาดไม่มาก โดยขายที่ราคาเฉลี่ย กก.ละ 4.50-5 บาท
ทั้งนี้ การประมูลขายข้าวโพด มีผู้ส่งออกสนใจยื่นซองเสนอราคาเพียง 4 ราย ได้แก่ 1.บริษัท สยามธัญรักษ์ไซโล ซึ่งเป็นบริษัทในเครือบริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง เสนอราคาซื้อ กก.ละ 3.50-4.50 บาท 2.บริษัท นานาพรรณเกษตรอุตสาหกรรม เสนอซื้อ กก.ละ 5-5.75 บาท บริษัท เอ็นซีเอเอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัด เสนอราคาซื้อกก.ละ 2.50-5.50 บาท และ 4.บริษัท เค.เอส พรีเมี่ยม จำกัด เสนอซื้อกก.ละ 4 บาท จากราคาที่รัฐบาลรับจำนำที่ กก.ละ8.50 บาท

**"เจ๊วา" เคาะขายข้าวเจ๊งอีก2 หมื่นล้าน
แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการระบายข้าวในสต๊อกรัฐบาล ที่มีนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เป็นประธานได้ทำหนังสือถือผู้ส่งออก 8 ราย ที่เสนอซื้อข้าวสต๊อกรัฐบาล ประมาณ 2 ล้านตัน จากที่เปิดประมูลเมื่อ 6 พ.ค.ที่ผ่านมาจำนวน 2.6 ล้านตัน เพื่อให้เข้ามาทำสัญญาซื้อ และวางเงินค้ำประกันกับองค์การคลังสินค้า (อคส.) หลังจากพิจารณาแล้วเห็นควรที่จะอนุมัติขายข้าวให้
สำหรับผู้ส่งออกที่ได้ทำสัญญาซื้อขายข้าวกับรัฐ เช่น บริษัท สยามอินดิก้า จำนวน 6.8 แสนตัน บริษัท เอเชีย โกลเด้นไรซ์ จำกัด 5-6 แสนตัน บริษัทนครหลวงค้าข้าว จำกัด 5 แสนตัน บริษัทไชยพร 2 แสนตัน บริษัท พงษ์ลาภ 2 แสนตัน และบริษัท สิงโตทอง 8 พันตัน
โดยราคาเฉลี่ยที่ขายได้ในครั้งนี้ อยู่ที่ 1.42-1.55 หมื่นบาท ต่อตัน ซึ่งเป็นราคาที่ค่อนข้างต่ำกว่าราคาตลาดปัจจุบัน เฉลี่ยที่ 1.65 หมื่นบาทต่อตัน และต่ำกว่าราคารับจำนำที่ 1.18 บาทต่อตัน (ข้าวเปลือก) หรือราคาคิดเป็นข้าวสาร อยู่ที่ตันละ2.2-2.4 หมื่นบาท เบื้องต้นประเมินว่าหากรัฐอนุมัติขายข้าวตามนี้ จะทำให้ขาดทุนประมาณ 20,000 ล้านบาท

**ชวนยันมาร์คมาตรฐานเดียว
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงปัญหาเรื่องการระบายข้าวโพด จะทำให้เกิดรอยร้าวระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ว่า ทุกคนไม่ใช่เด็กกันแล้วแต่เป็นผู้ใหญ่ที่มีเหตุผล และระดับรัฐมนตรี คิดว่าเป็นผู้ที่มีวุฒิภาวะพอสมควร ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร และนางพรทิวา ก็เป็นนักการเมือง ที่มีโอกาสเข้ามาทำงานเพื่อส่วนรวม จึงเชื่อว่าตั้งใจทำงานเพื่อส่วนรวม เมื่อถามว่า ในฐานะที่เป็นอดีตนายกฯ จะให้คำแนะนำอย่างไรกับปัญหาที่เกิดขึ้น นายชวน กล่าวว่า ตนคิดว่านายกฯไม่ใช่คนที่มีหลายมาตรฐาน เท่าที่เห็นมา เป็นคนที่ไม่เลือกปฏิบัติ และแนวทางของรัฐบาลปัจจุบัน โดยการนำของประชาธิปัตย์ จะไม่ไปกลั่นแกล้งคนอื่น ไม่ใช่แนวว่าไม่เลือกประชาธิปัตย์ จะไม่พัฒนา หรือพัฒนาทีหลัง อย่างที่พรรคไทยรักไทย เคยประกาศไว้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะต้องไม่เกิดขึ้นในรัฐบาลประชาธิปัตย์ แต่ลำดับความสำคัญของเรื่องต่างๆ ตนเชื่อในดุลยพินิจของนายกฯ ที่จะตัดสินใจในสิ่งที่ดี

**ให้กอร์ปศักดิ์-พรทิวาเคลียร์กันเอง
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงความขัดแย้งครั้งนี้ว่า ว่า สื่อคงเข้าใจผิด ข้อเท็จจริงไม่มีอะไร เป็นเพียงกรณีที่กระทรวงพาณิชย์รายงานการประมูลข้าวโพดเท่านั้น โดยที่ประชุมได้มีการหารือถึงคณะกรรมการทั้งสองชุดว่ามีอำนาจในการพิจารณาเปิดประมูลหรือไม่ และต้องดูคณะกรรมการชุดดังกล่าวหมดสภาพหรือไม่ ทั้งนี้ หากยังไม่หมดสภาพ ทางรัฐมนตรีพาณิชย์ ก็มีสิทธิ์ตัดสินใจว่า จะขายจำนวนข้าวโพดในสต็อกหรือไม่ และถ้าไม่ขายจะทำให้ข้าวโพดที่เก็บอยู่มีคุณภาพลดลงหรือไม่
ส่วนการที่นางพรทิวา ระบุว่า รัฐบาลสองมาตรฐาน ก็เป็นการพูดกันระหว่างนายกฯและรมว.พาณิชย์ คงไม่มีอะไร เวลาพูดกันก็ต้องมีการหยิบยกคำพูดต่างๆขึ้นมาชี้แจง เมื่อถามว่าจำเป็นต้องมีคนกลางเข้าไปไกล่เกลี่ยหรือไม่ นายชวรัตน์ กล่าวว่า ในฐานที่ตนเป็นหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก็ยังไม่ได้รับการติดต่อมาให้ไปเป็นคนไกล่เกลี่ย และนางพรทิวา ก็ยังไม่ได้มาพูดคุยกับตน ในเรื่องดังกล่าว
เมื่อถามว่า ควรมีรองนายกฯในส่วนของพรรคภูมิใจไทย เพื่อดูแลเรื่องนี้อีกตำแหน่งหรือไม่ เพราะจะทำให้มีการคานกัน นายชวรัตน์ กล่าวว่า เรื่องนี้มีนายกอร์ปศักดิ์ รับผิดชอบและกำกับกระทรวงพาณิชย์อยู่แล้ว ดังนั้นนายกอร์ปศักดิ์ กับนางพรทิวา ควรหารือกันก่อน หากไม่สามารถตกลงกันได้ พรรคร่วมก็จะมาหารือกัน ทั้งนี้ ตนก็พร้อมเป็นกาวใจในการประสานความเข้าใจของทั้งสองฝ่าย ส่วนจำเป็นต้องมีรองนายกฯ เพิ่มหรือไม่นั้น ก็แล้วแต่สถานการณ์ว่า จะพัฒนาไปถึงขั้นมีรองนายกฯ ในส่วนของภูมิใจไทยหรือไม่ ซึ่งตนจะปรึกษานายกฯ อีกครั้ง.
กำลังโหลดความคิดเห็น