“สนธิ” ให้แนวคิด หากตั้งพรรคพันธมิตรฯ ควรเป็นการลงทุนทางปัญญาระยะยาวเพื่อสร้างการเมืองใหม่ อย่าเพิ่งใช้อารมณ์ตัดสินว่า ตั้งพรรคแล้วได้ ส.ส.ไม่กี่คนจะไม่มีประโยชน์ เชื่อหากตั้งพรรคจะได้ ส.ส.40-60 คน แม้ไม่เป็นรัฐบาลก็เป็นนักการเมืองที่ยึดมั่นในศีลธรรม เป็นตัวอย่าง ส.ส.พรรคอื่นได้ เหมือนเป็นคนถือศีลในหมู่บ้านโจร
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ให้สัมภาษณ์
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ให้ความเห็นผ่านรายการ “คนในข่าว” ทางเอเอสทีวี คืนวันที่ 14 พ.ค. ถึงแนวคิดในการจัดตั้งพรรคการเมืองของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่า อยากฝากข้อคิดโดยไม่อ้างตรรกะว่าควรจะมีพรรคหรือไม่มีพรรค แต่ถ้าจะมีพรรคการเมืองขึ้นมา ก็ควรจะเป็นการลงทุนทางปัญญาและลงแรงเพื่อนำไปสู่การเมืองใหม่ ซึ่งเป็นเป้าหมายการต่อสู้ระยะยาว ไม่ใช่เรื่องของอารมณ์ที่จะต้องมาตัดสินกันว่า ลงครั้งนี้แล้วจะมีส่วนร่วมจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ หรือว่าลงครั้งนี้แล้วได้เท่าไหร่แล้วมาบอกว่าถ้าไม่ได้มากก็ไม่มีประโยชน์
นายสนธิกล่าวต่อว่า ถ้าหากเราไม่มีอารมณ์ร้อน เราค่อยทำค่อยไป ถึงแม้ว่าจะมีเสียงเข้ามาไม่มาก แต่ตนก็ยังมั่นใจว่าพรรคพันธมิตรฯ จะมี 40-60 เสียง อย่างน้อยที่สุด ส.ส.สัดส่วนน่าจะได้มาก ซึ่งลำพังถ้าได้ 40-60 เสียง ถึงไม่ได้ร่วมกับใคร แต่ถ้าวัตรปฏิบัติ และพฤติกรรมของ ส.ส.พรรคพันธมิตรฯ อยู่ในอุดมการณ์ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไม่แตกแถว มีความมุ่งมั่น ในการสร้างจริยธรรมทางการเมือง คนที่เข้าไปเป็น ส.ส.พรรคพันธมิตรฯ มีศีลธรรม ตลอดจนการพูดจามีสาระ มีอุดมการณ์และเป้าหมาย และสามารถเปรียบเทียบระหว่างบุคลากรของพรรคพันธมิตรฯ กับบุคลากรของพรรคอื่นซึ่งแก่งแย่งชิงอำนาจกัน ในขณะที่บุคลากรของพรรคพันธมิตรฯ นั้น แสดงออกถึงการทำงานเพื่อส่วนรวม โดยที่ไม่เอาประโยชน์ของส่วนตัวเป็นตัวตั้ง ถึงแม้จะเป็นฝ่ายค้านหรืออยู่เฉยๆ ข้อเปรียบเทียบตรงนี้ จะออกสู่สาธารณชน และประเด็นหลายประเด็นที่พรรคการเมืองที่ได้รับทุนมาจาก กลุ่มทุนใหญ่ๆ ไม่กล้าต่อสู้ ไม่ว่าจะเป็นการค้าปลีก ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้กับพวกน้ำเมา เหล้า หรือการต่อสู้กับสิ่งที่ประชาชนถูกกดขี่ขูดรีดโดยระบบทุน แต่ว่าพรรคการเมืองไม่กล้าสู้ให้เขา เพราะว่ารับเงินนายทุนมา
“ผมคิดว่าในที่สุดแล้ว ข้อเปรียบเทียบตรงนี้อุปมาอุปไมยเหมือนในหมู่บ้านๆ หนึ่ง แล้วทุกบ้านเป็นโจรหมด แต่ว่ามีบ้านหลังหนึ่งถือศีลห้า ประพฤติปฏิบัติดี ผมเชื่อว่า หมู่บ้านอื่นๆ ก็ย่อมได้รับข่าวคราวที่ดี ก็เห็นและมีข้อเปรียบเทียบ ผมคิดว่าความอดทน แล้วไม่มองระยะสั้น มองระยะยาวไปเรื่อยๆ และยึดมั่นในอุดมการณ์จริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวคนซึ่งเป็นกรรมการบริหารพรรค และสมาชิกพรรคเข้าใจตรงนี้ ก็จะมีโอกาสซึ่งพรรคพันธมิตรฯ เอาการเมืองใหม่ เอาน้ำดีเข้าไปผสมน้ำเสีย แล้วก็ขยายส่วนน้ำดีขึ้นไปเรื่อยๆ”
นายสนธิกล่าวต่อว่า ในที่สุดแล้วพรรคอื่นเมื่อเห็นมีการเปรียบเทียบที่เด่นชัด เพราะขณะนี้พรรคการเมืองในสภา ถ้าพรรคโน้นเป็นกุ๊ยพรรคนี้ก็เป็นกุ๊ยได้ ถ้าทุกพรรคใช้ความไม่มีมารยาทหรือไม่เป็นสุภาพบุรุษ แต่พรรคพันธมิตรเป็นพรรคเดียวที่ใช้ความเป็นสุภาพบุรุษได้ ในที่สุดแล้วมันก็จะบังคับให้หลายๆ พรรค เริ่มหันกลับมามองดูตัวเอง ตรงนี้คือจุดเปลี่ยน ตรงนี้คือการเข้าไปข้างใน เพื่อเอาการเมืองใหม่ใส่เข้าไปในการเมืองเก่า
“ถึงแม้จะได้เสียงไม่กี่เสียงและไม่จำเป็นต้องเข้าไปร่วมรัฐบาล ผมก็ถือว่าถ้ายืนหยัดในอุดมการณ์ตรงนี้ได้อย่างมั่นคง ถาวรและต่อสู้เพื่อส่วนรวมได้ วัตรปฏิบัติของพรรคนี้จะเป็นตัวอย่างเหมือนบ้านที่สวดมนต์ก่อนนอนและทำวัตรเช้าตอนเช้า แล้วก็ถือศีลห้า ไม่โกงไม่กิน ไม่กลั่นแกล้งใคร มีวาจาที่สุภาพนอบน้อม มันย่อมเป็นที่กล่าวขวัญกันในหมู่บ้านซึ่งล้วนแล้วแต่มีคนหยาบ ถ้าทำได้เพียงแค่นี้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมากมายแล้ว” นายสนธิกล่าวย้ำ