“สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์” ยันมีมารยาททางการเมือง ย้ายร่วมพรรคพันธมิตรฯ เมื่อเวลาเหมาะสม ส่วนเจ้าตัวฟ้องหมิ่น “เก่ง การุณ” ศาลนัดตรวจหลักฐาน 12 มิ.ย.นี้ ส่วนคดีที่ถูก ส.ส.จอมถีบฟ้องกลับ ศาลนัดอีกรอบ 5 มิ.ย.
วันนี้ (25 พ.ค.)เมื่อเวลา 09.30 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 809 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดสอบคำให้การจำเลยในคดีหมายเลขดำที่ อ.1462/2551 ที่นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ และแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นโจทก์ฟ้อง นายการุณ หรือเก่ง โหสกุล ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา กรณี เมื่อวันที่ 3 เม.ย.51 นายการุณให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์รายการวิทยุคลื่น FM. 90.5 ทำนองว่านายสมเกียรติใช้วาจาหยาบคายด่าทอระหว่างการอภิปรายในสภา เมื่อวันที่ 2 เม.ย. เป็นเหตุให้ต้องตามออกมาทำร้ายร่างกายนายสมเกียรติภายในห้องอาหารของอาคารรัฐสภา
โดยวันนี้คู่ความทั้งสองฝ่ายเดินทางมาศาล เมื่อเริ่มการพิจารณาศาลได้อ่านอธิบายคำฟ้องให้จำเลยฟังจนเป็นที่เข้าใจแล้วสอบคำให้การจำเลยยืนยันปฏิเสธและขอแต่งตั้งทนายความต่อสู้คดี ศาลจึงนัดพร้อมคู่ความเพื่อตรวจพยานหลักฐานอีกครั้งในวันที่ 12 มิ.ย.นี้ เวลา 09.30 น.
ต่อมาที่ห้องพิจารณาคดี 904 ศาลนัดสอบคำให้การจำเลยในคดีหมายเลขดำที่ อ.2092/2551ที่ นายการุณฟ้องกลับนายสมเกียรติ ฐานหมิ่นประมาทจากกรณีเดียวกัน โดยศาลได้สอบคำให้การซึ่งนายสมเกียรติยืนยันปฏิเสธ ศาลจึงนัดพร้อมคู่ความเพื่อตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 5 มิ.ย.นี้ 09.30 น.
ภายหลัง นายสมเกียรติกล่าวว่าสำหรับคดีนี้ศาลเคยพยายามเข้ามาเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยแต่ไม่สามารถตกลงกันได้เนื่องจากนายการุณไม่ยอมทำตามเงื่อนไขเรื่องการลงโฆษณาคำขอโทษในหนังสือพิมพ์รายวัน
ผู้สื่อข่าวถามว่าพร้อมจะย้ายพรรคหรือไม่หากกลุ่มพันธมิตรฯ ตั้งพรรคการเมือง นายสมเกียรติกล่าวว่า ตนเองเป็นคนมีมารยาททางการเมือง ดังนั้นการจะย้ายพรรคหรือไม่คงต้องรอเวลาที่เหมาะสม และต้องรอดูโครงสร้างความชัดเจนของพรรคพันธมิตรฯ ก่อน แต่ตอนนี้ตนยังเชื่อมันในพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเป็นพรรคเดียวที่ยังไม่ถูกยุบ และยังมีคุณค่าต่อสังคม
เมื่อถามต่อว่า หวั่นใจหรือไม่ว่าการตั้งพรรคการเมืองจะทำให้คนมองพันธมิตรฯในแง่ลบ นายสมเกียรติกล่าวว่า ประชาชนมีสิทธิจะมองทั้งในแง่บวกและแง่ลบ แต่ท้ายสุดต้องพิสูจน์คุณค่าและความเชื่อมั่น หากพรรคการเมืองตั้งด้วยความจอมปลอมก็อยู่ได้ไม่นาน ส่วนการตั้งพรรคจะทำให้ความนิยมในกลุ่มพันธมิตรลดลงหรือไม่ อยู่ที่การตัดสินใจของประชาชน ซึ่งขณะนี้แกนนำพันธมิตรฯ ก็กำลังเร่งประชาสัมพันธ์ให้แนวร่วมเข้าใจถึงเป้าหมายในการตั้งพรรคการเมืองแล้ว
วันนี้ (25 พ.ค.)เมื่อเวลา 09.30 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 809 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดสอบคำให้การจำเลยในคดีหมายเลขดำที่ อ.1462/2551 ที่นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ และแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นโจทก์ฟ้อง นายการุณ หรือเก่ง โหสกุล ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา กรณี เมื่อวันที่ 3 เม.ย.51 นายการุณให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์รายการวิทยุคลื่น FM. 90.5 ทำนองว่านายสมเกียรติใช้วาจาหยาบคายด่าทอระหว่างการอภิปรายในสภา เมื่อวันที่ 2 เม.ย. เป็นเหตุให้ต้องตามออกมาทำร้ายร่างกายนายสมเกียรติภายในห้องอาหารของอาคารรัฐสภา
โดยวันนี้คู่ความทั้งสองฝ่ายเดินทางมาศาล เมื่อเริ่มการพิจารณาศาลได้อ่านอธิบายคำฟ้องให้จำเลยฟังจนเป็นที่เข้าใจแล้วสอบคำให้การจำเลยยืนยันปฏิเสธและขอแต่งตั้งทนายความต่อสู้คดี ศาลจึงนัดพร้อมคู่ความเพื่อตรวจพยานหลักฐานอีกครั้งในวันที่ 12 มิ.ย.นี้ เวลา 09.30 น.
ต่อมาที่ห้องพิจารณาคดี 904 ศาลนัดสอบคำให้การจำเลยในคดีหมายเลขดำที่ อ.2092/2551ที่ นายการุณฟ้องกลับนายสมเกียรติ ฐานหมิ่นประมาทจากกรณีเดียวกัน โดยศาลได้สอบคำให้การซึ่งนายสมเกียรติยืนยันปฏิเสธ ศาลจึงนัดพร้อมคู่ความเพื่อตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 5 มิ.ย.นี้ 09.30 น.
ภายหลัง นายสมเกียรติกล่าวว่าสำหรับคดีนี้ศาลเคยพยายามเข้ามาเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยแต่ไม่สามารถตกลงกันได้เนื่องจากนายการุณไม่ยอมทำตามเงื่อนไขเรื่องการลงโฆษณาคำขอโทษในหนังสือพิมพ์รายวัน
ผู้สื่อข่าวถามว่าพร้อมจะย้ายพรรคหรือไม่หากกลุ่มพันธมิตรฯ ตั้งพรรคการเมือง นายสมเกียรติกล่าวว่า ตนเองเป็นคนมีมารยาททางการเมือง ดังนั้นการจะย้ายพรรคหรือไม่คงต้องรอเวลาที่เหมาะสม และต้องรอดูโครงสร้างความชัดเจนของพรรคพันธมิตรฯ ก่อน แต่ตอนนี้ตนยังเชื่อมันในพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเป็นพรรคเดียวที่ยังไม่ถูกยุบ และยังมีคุณค่าต่อสังคม
เมื่อถามต่อว่า หวั่นใจหรือไม่ว่าการตั้งพรรคการเมืองจะทำให้คนมองพันธมิตรฯในแง่ลบ นายสมเกียรติกล่าวว่า ประชาชนมีสิทธิจะมองทั้งในแง่บวกและแง่ลบ แต่ท้ายสุดต้องพิสูจน์คุณค่าและความเชื่อมั่น หากพรรคการเมืองตั้งด้วยความจอมปลอมก็อยู่ได้ไม่นาน ส่วนการตั้งพรรคจะทำให้ความนิยมในกลุ่มพันธมิตรลดลงหรือไม่ อยู่ที่การตัดสินใจของประชาชน ซึ่งขณะนี้แกนนำพันธมิตรฯ ก็กำลังเร่งประชาสัมพันธ์ให้แนวร่วมเข้าใจถึงเป้าหมายในการตั้งพรรคการเมืองแล้ว