ศูนย์ข่าวภูเก็ต-”สุริยะใส” แจงตั้งพรรคพันธมิตรฯ ยังเป็นเพียงแนวคิดของ 5 แกนนำ ยังไม่ได้ข้อสรุปและมีข้อตกลงที่ชัดเจน ต้องใช้เวลาอีกนาน พร้อมทั้งส่งสัญญาณให้พรรคปชป.รู้ ว่าหากยังปล่อยให้บ้านเมืองเป็นแบบนี้ต่อไป จะมีพรรคการเมืองใหม่เกิดขึ้น
เมื่อคืนวันที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยพังงา จัดเวทีพันธมิตรฯ “พบปะสังสรรค์ประสาพันธมิตร ประชาภิวัฒน์ ร่วมสานต่อการเมืองใหม่” ที่บริเวณลานพฤกษาสวรรรค์ สวนสาธารณะสมเด็จพระศรีนครินทร์ (ถ้ำฤาษี) เทศบาลเมืองพังงา จ.พังงา โดยพันธมิตรฯทั้งจากพังงา และจังหวัดใกล้เคียงเดินทางมาร่วมเป็นจำนวนมาก โดยแกนนำแต่ละคนได้ขึ้นเวทีปราศรัยถึงการเมืองใหม่และชี้แจงการตั้งพรรคการเมืองของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.)ภายหลังจาก 5 แกนนำได้ประกาศมีแนวคิดที่จะตั้งพรรคพธม.ขึ้นมา
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพธม. ชี้แจงแนวคิดการตั้งพรรคพธม.ของ 5 แกนนำ ว่า สิ่งที่ตนกลัวมากที่สุดคือเรื่องของพันธมิตรฯจะไม่มีพลังอีก เนื่องจากมีข้อสงสัยเคลือบแคลงต่างๆที่เกิดขึ้นจากความไม่เข้าใจ เพราะฉะนั้นหากมีข้อหวาดระแวงสงสัยในเรื่องต่างๆรวมทั้งแนวความคิดของ 5 แกนนำ ให้สอบถามเข้ามาได้เลยไม่ต้องเกรงใจซึ่งจะได้ชี้แจงทำความเข้าใจที่ถูกต้องให้เกิดขึ้น
สำหรับการตั้งพรรคการเมืองที่ 5 แกนนำพันธมิตรฯประกาศที่เกาะสมุย ไม่ใช่ข้อตกลงหรือมติหรือข้อสรุปในการตั้งพรรคการเมือง แต่เป็นเพียงการต่อรูปทางความคิด ว่าหากพรรคประชาธิปัตย์ หรือพรรคการเมืองอื่นๆที่มีในขณะนี้ไม่สามารถที่จะทำเรื่องใหม่ๆได้ โดยเฉพาะการเมืองใหม่ เราจะปล่อยให้บ้านเมืองไปแขวนอยู่กับพรรคเดียวไม่ได้ อาจจะต้องตั้งพรรคใหม่ๆขึ้นมาซึ่งความคิดนี้เป็นความคิดที่บริสุทธิ์
เราเริ่มต้นจากการวิเคราะห์สถานการณ์ว่าพรรคประชาธิปัตย์อยู่ในสถานการณ์ลำบาก เนื่องจากอำนาจต่อรองรัฐบาลไม่มีมากเท่าที่คิด และไม่เชื่อเด็ดขาดว่า นายเนวิน พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับ พ.ต.ท.ทักษิณ และไม่เชื่อว่าจะมีการหันหลังให้ทักษิณจริงๆ และเชื่อว่าในทางตรงกันข้ามมีการต่อท่อกันแบบลับๆในระดับหนึ่ง ที่สำคัญ เนวินพร้อมที่จะเปลี่ยนใจได้ตลอดเวลา หากพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งแบบถล่มทลาย พรรคประชาธิปัตย์ก็จะเป็นพรรคฝ่ายค้านโดยทันที ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนกังวลต่อสถานการณ์การเมืองในขณะนี้
สิ่งที่พันธมิตรฯฟังจากเวทีหรือผ่านจากASTVที่ฟังแล้วอาจจะทำให้หลายคนไม่สบายใจ โดยเฉพาะคนที่เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ที่อาจจะสงสัยว่าทำไมพันธมิตรฯถึงเปิดฉากโจมตีนายอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์เร็วและแรง ตนอยากจะบอกว่าเรื่องนี้ไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไร โดยเฉพาะ 5 แกนนำที่ส่งเสียงออกไปอาจจะดูดุดันไปหน่อย แต่ตนบอกเลยว่าด้วยความหวังดีที่มีต่อพรรคประชาธิปัตย์ พธม.ไม่ได้เป็นปฏิปักษ์กับประชาธิปัตย์และไม่ได้ตั้งพรรคขึ้นมาเพื่อแข่งกับประชาธิปัตย์ เพราะทุกวันนี้ประชาธิปัตย์เป็นแนวร่วมกับพธม.อยู่แล้ว
“คุณสนธิพูดชัดเจนว่าถ้าเราตั้งพรรคจะไม่ส่งส.ส.ภาคใต้ สู้ที่ภาคกลางและบุกหนักที่อีสาน เหนือที่ปชป.สู้ไม่ได้ การตั้งพรรคของ 5 แกนนำยังเป็นเพียงแนวคิดเท่านั้น ยังไม่ได้ข้อสรุป การตั้งพรรคจะต้องใช้เวลาอีกนาน ทั้งในเรื่องของการสรรหาหัวหน้าพรรค ส.ส. และนโยบายพรรค ที่พูดออกมานี่เป็นเพียงการส่งสัญญาณไปยังพรรคประชาธิปัตย์ เท่านั้น ว่าหากยังไม่ทำอะไร จะมีพรรคใหม่เกิดขึ้น และให้พรรคประชาธิปัตย์ปรับตัวนำหน้าประชาชนให้ได้” นายสุริยะใส กล่าวและว่า
สิ่งที่ 5 แกนนำให้ความสำคัญในขณะนี้ คือ การสร้างเอกภาพให้เกิดขึ้นในพธม.ทั้งหมด เพื่อแสดงพลังให้เห็นว่าพลังของพธม.ยิ่งใหญ่กว่าพรรคการเมืองที่มีอยู่ในขณะนี้ หากต้องมีพรรคการเมือง ก็ต้องแบ่งกันทำงานทั้งการทำการเมืองในรัฐสภา และการทำการเมืองภาคประชาชน แต่การทำการเมืองในรัฐสภาโดยการตั้งพรรคการเมืองนั้นจะต้องขึ้นอยู่กับพธม.
ด้านนายสมศักดิ์ โกศัยสุข หนึ่งในแกนนำพันธมิตร ฯกล่าวว่า การเมืองใหม่ในรัฐสภา ว่า พธม.จะตั้งพรรคการเมืองใหม่หรือไม่ จะต้องดูว่าพี่น้องประชาชนต้องการให้ตั้งหรือไม่ หากพี่น้องต้องการเราก็ตั้ง วันนี้พธม.มีสปิริตให้พรรคประชาธิปัตย์บริหารประเทศไปก่อน หากประชาธิปัตย์บริหารไม่ได้ ทักษิณและพรรคร่วมรัฐบาลของทักษิณกลับเข้ามาอีก เมื่อนั้นพรรคการเมืองของพธม.จะต้องเกิดขึ้น โดยการทำงานควบคู่กับการเมืองภาคประชาชน
ขณะนี้การตั้งพรรคการเมืองของพธม.ยังเป็นเพียงแนวคิด และเป็นการพูดเพื่อกระตุ้นให้ปชป.เห็นว่าหากยังไม่ทำอะไร กลัวในการจัดการกับปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้น ให้มีความกล้ามากกว่านี้ เมื่อนั้นแหละพรรคการเมืองพธม.จะเกิดขึ้น
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า สิ่งที่อยากให้พธม.ทั้งประเทศดำเนินการในขณะนี้ คือ การรวมตัวกันตั้งเป็นพธม.ทุกระดับ ตั้งแต่ระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอและจังหวัด ซึ่งในวันที่ 24 พฤษภาคม จะมีการประชุมร่วมกันของพธม.ทุกจังหวัดทั่วประเทศ และการทำงานหลังจากนี้ แกนนำจะติดต่อประสานงานกับพธม.แต่ละจังหวัดในรูปแบบของคณะกรรมการเท่านั้น เพื่อไม่ต้องการให้มีการนำพธม.มาแอบอ้างในการหาผลประโยชน์ต่างๆ และต้องการให้เกิดความเป็นเอกภาพ