รอง หน.เพื่อไทย ชี้รัฐบาลขึ้นสรรพสามิตภาษีน้ำมัน โยนบาปให้ผู้บริโภค ไม่เชื่อไม่ตกกระทบราคาขายปลีกหน้าปั๊ม เรียกร้องทบทวนในที่ประชุม ครม.
วันนี้ (11 พ.ค.) นายคณวัฒน์ วศินสังวร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยและอดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลประกาศขึ้นภาษีสรรพสามิตบุหรี่ สุรา รวมทั้งน้ำมันว่า รู้สึกเห็นใจรัฐบาลที่การจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าประมาณการมาก ซึ่งเป็นผลมาจากการที่เศรษฐกิจโลกโดยรวมหดตัวลงอย่างรุนแรง รายได้หลักที่มาจากภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีศุลกากรลดลงอย่างมาก ก็พอเข้าใจได้ว่ารัฐบาลจำเป็นต้องหาแหล่งรายได้อื่นมาชดเชย การขึ้นภาษีสรรพสามิตในสินค้าบาป ก็คงเป็นแนวทางหนึ่งที่จะทำให้รัฐบาลมีรายได้เพิ่มทันที โดยไม่กระทบคนส่วนใหญ่ แม้การขึ้นภาษีในสินค้าบาปเหล่านี้ในระยะสั้นอาจจะทำให้การบริโภคโดยรวมลดลง การจัดเก็บภาษี ก็อาจจะไม่ได้มากเท่าที่รัฐบาลคาดไว้ แต่จากสถิติในอดีต ทุกครั้งที่มีการขึ้นภาษีในสินค้าประเภทนี้ การบริโภคจะชะลอตัวลงในช่วงสั้นๆ แล้วก็จะกลับเพิ่มขึ้นอีก ฉะนั้นในระยะยาวเชื่อว่าจะเพิ่มรายได้ให้กับรัฐบาล
นายคณวัฒน์กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยไม่เห็นด้วยกับการที่รัฐบาลจะขึ้นภาษีสรรพสามิต โดยปรับเพดานจากเดิม 5 บาท เป็น 10 บาท ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเป็นการซ้ำเติมประชาชน ในภาวะวิกฤตเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ในขณะนี้ แม้ว่านายกรัฐมนตรีจะยืนยันว่าการขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ไม่กระทบต่อประชาชน เพราะจะให้กระทรวงพลังงานใช้กองทุนพลังงานเข้าแทรกแซง ด้วยการลดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน แต่ดูเหมือนกระทรวงพลังงานก็ไม่กล้ายืนยันว่าราคาน้ำมันจะไม่ปรับขึ้น โดยรัฐมนตรีพลังงานกล่าวว่าคงจะดูแลได้ในระยะสั้นประมาณ 1 เดือนหลังจากนั้นคงต้องปล่อยให้น้ำมันลอยตัว ซึ่งราคาน้ำมันจะต้องเตรียมปรับตัวขึ้นในเร็วๆ นี้
“ถ้าพิจารณาจากแนวโน้มราคาน้ำมันตั้งแต่ต้นปี 2552 จนถึงขณะนี้ หลังจากที่ราคาขยับตัวขึ้นมาทีละน้อยจาก 40 กว่าเหรียญสหรัฐ เมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมาจนมาถึง 50 เหรียญสหรัฐปลายๆ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วนั้นจะเห็นสัญญาณการกลับมาของราคาน้ำมันแพงอีกครั้งได้อย่างชัดเจน แนวโน้มทำท่าว่าในสัปดาห์นี้อาจเคลื่อนตัวขึ้นแตะระดับราคาที่ 60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งดูแล้วคำยืนยันของนายกฯ เลื่อนลอยดูจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันแล้วจะไม่ขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันและไม่กระทบกับพี่น้องประชาชน และไม่อาจจะพึ่งการชดเชยจากกองทุนน้ำมันได้ ซึ่งที่สุดแล้วเมื่อต้องขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันก็จะโทษว่า เป็นเพราะราคาน้ำมันในตลาดโลกขึ้น เลยกลายเป็นว่าเวลาราคาน้ำมันในตลาดโลก ขึ้นราคาขายปลีกภายในประเทศต้องขึ้นตาม แต่เวลาราคาน้ำมันในตลาดโลกลง ราคาขายปลีกภายในประเทศกลับลงช้ากว่า ประชาชนต้องเป็นผู้แบกรับทั้งขึ้นทั้งล่อง” นายคณวัฒน์ กล่าว
นายคณวัฒน์กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวน การขึ้นภาษีสรรพสามิตในการประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อไม่ให้ประชาชนตระหนกตกใจ ขาดความเชื่อมั่น และชะลอการใช้จ่ายอีก หลังจากที่ทั้งรัฐบาลเองได้พยายามส่งสัญญาณ การกระตุ้นเศรษฐกิจมาตลอด แต่ขณะนี้ดูเหมือนประชาชนเริ่มสับสนไม่แน่ใจมากขึ้น โดยรัฐบาลอาจจะพิจารณาเรื่องภาษีสรรพสามิตอีกครั้ง หลังจากที่มีสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ชัดเจน ซึ่งคาดว่าจะเป็นประมาณไตรมาสแรกของปี 2553 เพราะตามหลักเศรษฐศาสตร์แล้ว รัฐบาลควรหารายได้เพิ่มจากภาษีอากร ในช่วงเศรษฐกิจขาขึ้น และใช้จ่ายให้มากขึ้นในช่วงเศรษฐกิจขอลง ดังนั้น ขอทวงถามนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่เคยหาในนโยบายเร่งด่วน 99 วันว่าจะลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน แต่ตั้งแต่มาเป็นรัฐบาลเหตุใดจึงไม่ลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน แต่พอเลยกำหนด 99 วัน กลับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันถึงหนึ่งเท่าตัว ไม่ลดภาษีตามที่สัญญาไว้ประชาชนเขาก็รู้สึกว่าไม่รักษาคำพูดแล้วกลับซ้ำเติมด้วยการขึ้นภาษีอีกหนึ่งเท่าตัว
วันนี้ (11 พ.ค.) นายคณวัฒน์ วศินสังวร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยและอดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลประกาศขึ้นภาษีสรรพสามิตบุหรี่ สุรา รวมทั้งน้ำมันว่า รู้สึกเห็นใจรัฐบาลที่การจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าประมาณการมาก ซึ่งเป็นผลมาจากการที่เศรษฐกิจโลกโดยรวมหดตัวลงอย่างรุนแรง รายได้หลักที่มาจากภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีศุลกากรลดลงอย่างมาก ก็พอเข้าใจได้ว่ารัฐบาลจำเป็นต้องหาแหล่งรายได้อื่นมาชดเชย การขึ้นภาษีสรรพสามิตในสินค้าบาป ก็คงเป็นแนวทางหนึ่งที่จะทำให้รัฐบาลมีรายได้เพิ่มทันที โดยไม่กระทบคนส่วนใหญ่ แม้การขึ้นภาษีในสินค้าบาปเหล่านี้ในระยะสั้นอาจจะทำให้การบริโภคโดยรวมลดลง การจัดเก็บภาษี ก็อาจจะไม่ได้มากเท่าที่รัฐบาลคาดไว้ แต่จากสถิติในอดีต ทุกครั้งที่มีการขึ้นภาษีในสินค้าประเภทนี้ การบริโภคจะชะลอตัวลงในช่วงสั้นๆ แล้วก็จะกลับเพิ่มขึ้นอีก ฉะนั้นในระยะยาวเชื่อว่าจะเพิ่มรายได้ให้กับรัฐบาล
นายคณวัฒน์กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยไม่เห็นด้วยกับการที่รัฐบาลจะขึ้นภาษีสรรพสามิต โดยปรับเพดานจากเดิม 5 บาท เป็น 10 บาท ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเป็นการซ้ำเติมประชาชน ในภาวะวิกฤตเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ในขณะนี้ แม้ว่านายกรัฐมนตรีจะยืนยันว่าการขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ไม่กระทบต่อประชาชน เพราะจะให้กระทรวงพลังงานใช้กองทุนพลังงานเข้าแทรกแซง ด้วยการลดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน แต่ดูเหมือนกระทรวงพลังงานก็ไม่กล้ายืนยันว่าราคาน้ำมันจะไม่ปรับขึ้น โดยรัฐมนตรีพลังงานกล่าวว่าคงจะดูแลได้ในระยะสั้นประมาณ 1 เดือนหลังจากนั้นคงต้องปล่อยให้น้ำมันลอยตัว ซึ่งราคาน้ำมันจะต้องเตรียมปรับตัวขึ้นในเร็วๆ นี้
“ถ้าพิจารณาจากแนวโน้มราคาน้ำมันตั้งแต่ต้นปี 2552 จนถึงขณะนี้ หลังจากที่ราคาขยับตัวขึ้นมาทีละน้อยจาก 40 กว่าเหรียญสหรัฐ เมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมาจนมาถึง 50 เหรียญสหรัฐปลายๆ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วนั้นจะเห็นสัญญาณการกลับมาของราคาน้ำมันแพงอีกครั้งได้อย่างชัดเจน แนวโน้มทำท่าว่าในสัปดาห์นี้อาจเคลื่อนตัวขึ้นแตะระดับราคาที่ 60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งดูแล้วคำยืนยันของนายกฯ เลื่อนลอยดูจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันแล้วจะไม่ขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันและไม่กระทบกับพี่น้องประชาชน และไม่อาจจะพึ่งการชดเชยจากกองทุนน้ำมันได้ ซึ่งที่สุดแล้วเมื่อต้องขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันก็จะโทษว่า เป็นเพราะราคาน้ำมันในตลาดโลกขึ้น เลยกลายเป็นว่าเวลาราคาน้ำมันในตลาดโลก ขึ้นราคาขายปลีกภายในประเทศต้องขึ้นตาม แต่เวลาราคาน้ำมันในตลาดโลกลง ราคาขายปลีกภายในประเทศกลับลงช้ากว่า ประชาชนต้องเป็นผู้แบกรับทั้งขึ้นทั้งล่อง” นายคณวัฒน์ กล่าว
นายคณวัฒน์กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวน การขึ้นภาษีสรรพสามิตในการประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อไม่ให้ประชาชนตระหนกตกใจ ขาดความเชื่อมั่น และชะลอการใช้จ่ายอีก หลังจากที่ทั้งรัฐบาลเองได้พยายามส่งสัญญาณ การกระตุ้นเศรษฐกิจมาตลอด แต่ขณะนี้ดูเหมือนประชาชนเริ่มสับสนไม่แน่ใจมากขึ้น โดยรัฐบาลอาจจะพิจารณาเรื่องภาษีสรรพสามิตอีกครั้ง หลังจากที่มีสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ชัดเจน ซึ่งคาดว่าจะเป็นประมาณไตรมาสแรกของปี 2553 เพราะตามหลักเศรษฐศาสตร์แล้ว รัฐบาลควรหารายได้เพิ่มจากภาษีอากร ในช่วงเศรษฐกิจขาขึ้น และใช้จ่ายให้มากขึ้นในช่วงเศรษฐกิจขอลง ดังนั้น ขอทวงถามนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่เคยหาในนโยบายเร่งด่วน 99 วันว่าจะลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน แต่ตั้งแต่มาเป็นรัฐบาลเหตุใดจึงไม่ลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน แต่พอเลยกำหนด 99 วัน กลับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันถึงหนึ่งเท่าตัว ไม่ลดภาษีตามที่สัญญาไว้ประชาชนเขาก็รู้สึกว่าไม่รักษาคำพูดแล้วกลับซ้ำเติมด้วยการขึ้นภาษีอีกหนึ่งเท่าตัว