xs
xsm
sm
md
lg

คลังเล็งแก้ พ.ร.ก.ขึ้นภาษีบุหรี่ 90% ภาษีน้ำมันลิตรละ 10 บาท

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รมช.คลัง เตรียมแก้ พ.ร.ก.สรรพสามิต เพื่อขยับเพดานภาษีบุหรี่ จากเดิมที่เก็บ 80% เพิ่มเป็น 90% ส่วนเพดานภาษีน้ำมัน เตรียมขยับจากลิตรละ 5 บาท เพิ่มเป็น 10 บาทคาดโครงสร้างภาษีใหม่ ส่งผลให้รัฐมีรายได้เพิ่ม 7-8 หมื่นล้านบาท

นายพฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ยอมรับว่า รัฐบาลได้มีแผนการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตสินในกลุ่มของยาสูบ และน้ำมันเชื้อเพลิง นอกเหนือจากเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ โดยในส่วนของภาษีสรรพสามิตบุหรี่ และน้ำมัน ขณะนี้มีการเรียกเก็บเต็มเพดานแล้ว จึงจำเป็นต้องออก พ.ร.ก.เพื่อปรับเพดานการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต

ปัจจุบันกระทรวงการคลัง เรียกเก็บภาษีสรรพสามิตบุหรี่ที่ 80% และน้ำมันเชื้อเพลิงทุกชนิดที่ 5 บาทต่อลิตร ซึ่งจะมีการออก พ.ร.ก.เพื่อปรับเพิ่มเพดานใหม่เป็น 90% สำหรับบุหรี่ และน้ำมัน 10 บาทลิตร แต่อัตราภาษีที่จะปรับขึ้นจริงจะเป็นเท่าใดนั้น ยังไม่สามารถระบุได้ในขณะนี้

“น้ำมันเพดานปัจจุบันอยู่ที่ 5 บาท การขยับเพดาน ก็คือ ขึ้นไปอาจจะถึง 10 บาทก็ได้ แต่ตัวเนื้อภาษีที่จะปรับขึ้นจริงๆ เป็นเท่าไรนั้นอีกเรื่องหนึ่ง เหมือนบุหรี่ถ้าจะปรับเพดานจาก 80% เป็น 90% ก็ได้ แต่ภาษีที่จะขึ้นจริงๆ นั้น ไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นชนเพดาน”

ทั้งนี้ คาดว่า การปรับอัตราภาษีสรรพสามิตในส่วนของน้ำมันเชื้อเพลิงจะทำให้รัฐบาลมีรายได้เพิ่มขึ้นราว 50,000-55,000 ล้านบาทต่อปี หากในท้ายสุดแล้วมีการปรับขึ้นภาษีที่ 2 บาทต่อลิตร ส่วนบุหรี่คาดว่าจะเก็บภาษีได้เพิ่มอีก 15,000-20,000 ล้านบาทต่อปี เบียร์ คาดว่า จะเก็บภาษีได้เพิ่ม 7,000 ล้านบาทต่อปี และสุราทุกประเภทได้เพิ่มอีก 3,000 ล้านบาทต่อปี รวมทั้งหมดแล้วน่าจะทำให้รัฐบาลสามารถจัดเก็บภาษีสรรพสามิตได้เพิ่มขึ้นราว 70,000-80,000 ล้านบาทต่อปี

รมช.คลัง กล่าวว่า การขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันนั้นในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ ได้หารือกันแล้วโดยยืนยันว่ากองทุนน้ำมันจะเป็นผู้รับผิดชอบภาระส่วนต่างของราคาที่ปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งจะไม่มีผลกระทบต่อราคาขายปลีกตามสถานีบริการน้ำมันทั่วไป

“เรื่องน้ำมันนั้น ในที่ประชุม ครม.ได้คุยกับกระทรวงพลังงาน เพราะเรื่องการรับผิดชอบส่วนต่างที่เพิ่มขึ้นคงเป็นเรื่องของกองทุนน้ำมัน คงไม่มีผลกระทบกับพี่น้องประชาชนในเรื่องของราคาขายปลีก”

ส่วนการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตสุราและยาสูบนั้น รัฐบาลเห็นว่า เป็นสินค้าที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ และก่อให้เกิดอุบัติเหตุมากมายในแต่ละปี ซึ่งสอดคล้องกับการรณรงค์ให้ควบคุมการบริโภคสุราและยาสูบให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ประกอบกับสินค้าเหล่านี้ไม่ได้มีการปรับขึ้นอัตราภาษีมานานแล้ว ดังนั้นจึงจำเป็นต้องปรับขึ้นให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน

รมช.คลัง กล่าวว่า ในเรื่องการปรับขึ้นอัตราภาษีนั้น รัฐบาลตระหนักว่าจะต้องส่งผลกระทบต่อประชาชนโดยรวมน้อยที่สุด และในส่วนของกรมสรรพากรจะไม่มีการปรับขึ้นภาษีอย่างแน่นอนในช่วงนี้ ไม่ว่าจะเป็นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ตลอดจนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และนิติบุคคล เป็นต้น
กำลังโหลดความคิดเห็น