เข็นกองทุนแบกราคาขายปลีกน้ำมัน หลังขึ้นภาษีสรรพสามิต

นายกฯ ยืนยัน รัฐบาลปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ไม่กระทบราคาขายปลีกหน้าปั๊ม และผู้บริโภค เพราะใช้กลไกกองทุนน้ำมันเข้าไปดูแล รมว.พลังงาน เผยที่ประชุม กบง.เตรียมแผนรับมือแล้ว โดยปรับลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนชั่วคราว

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานเปิดการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขประเทศอาเซียน+3 นัดพิเศษ ถึงกรณีการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมัน โดยระบุว่า ขณะนี้กระทรวงพลังงานกำลังพิจารณาภาพรวมการขยายเพดานภาษีน้ำมัน โดยจะอาศัยกลไกกองทุนน้ำมัน และการขึ้นภาษีจะไม่กระทบกับราคาน้ำมันหน้าสถานีบริการ (ปั๊ม) ให้สูงขึ้น

ส่วนกระแสข่าวที่ระบุราคาน้ำมันจะสูงขึ้น 10 บาทต่อลิตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องแยกระหว่างเรื่องการขยับเพดานภาษี กับการจัดเก็บภาษีน้ำมัน ยืนยันว่า หากรัฐบาลจะมีมาตรการใดออกมา จะไม่ให้กระทบกับผู้บริโภคอย่างแน่นอน

นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงความคืบหน้าในการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมัน โดยยอมรับว่า อาจเกิดผลกระทบต่อประชาชนผู้ใช้น้ำมันทั้งประเทศ และอาจจะส่งผลต่อการขึ้นราคาสินค้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งจะสร้างความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องประชาชนโดยทั่วไป

กระทรวงพลังงาน โดยคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ได้ประชุม และมีมติอนุมัติในหลักการ ที่จะนำเงินกองทุนเชื้อเพลิงมาใช้เป็นกลไกในการบรรเทาผลกระทบไม่ให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน จากการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมัน โดยจะปรับลดการจัดเก็บเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงลงชั่วคราว เพื่อไม่ให้ราคาขายปลีกน้ำมันที่สถานบริการน้ำมันหรือปั๊มน้ำมันต่างๆ ทั่วประเทศมีราคาสูงขึ้น

โดยสัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงการคลัง ได้เสนอขอมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตบุหรี่ สุรา ไปแล้ว และเป็นที่คาดกันว่า จะมีการตราพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) แก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต และถ้าประกาศใช้ขึ้นมาแล้ว ก็มีส่วนปรับเพิ่มสรรพสามิตน้ำมันด้วย ถ้าประกาศฉบับนี้มีผลบังคับใช้ จะทำให้ราคาน้ำมันทั้งเบนซิน และดีเซลต้องปรับขึ้นตามภาษีสรรพสามิต ที่กระทรวงการคลังได้ประกาศขึ้น