หางแดงเจอฟ้าพิโรธหนีกระเจิง! “ไอ้ตู่” ยังแหลอ้าง “มาร์ค” สร้างหลักฐานเท็จ

เจอฟ้าพิโรธ “ม็อบหางแดง” ชุมนุมเปียกปอนกันเป็นแถว เจอพายุฝนกระหน่ำหนีหลบฝนจ้าละหวั่น ขณะที่ “ไอ้ตู่” ยังโกหกไม่อายฟ้า กล่าวหานายกฯ สร้างหลักฐานเท็จไม่ได้อยู่ในรถที่ถูกทุบ เพ้อบอกเปลี่ยนรถไม่ถึง 1 นาที อ้างมีภาพวีซีดีเตรียมเปิดค่ำนี้ ย้ำ “พ่อแม้ว” สั่งลุยทำความจริงให้ปรากฏ ขณะที่ “วีระ” ช่างคิดได้โวยฝนเทียมกลั่นแกล้ง ด้าน “เหวง” ขุดเรื่องเก่ามากล่อมโยนบาปทหารใช้กระสุนจริงสลายเสื้อแดง “มาร์ค” ออก พ.ร.ก.ไม่ชอบด้วย กม.

วันนี้ (10 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปช.) ที่ข้างวัดไผ่เขียว เขตดอนเมืองว่า ในช่วงบ่ายเกิดพายุฝนฟ้าคะนองลงในพื้นที่อย่างหนัก ทั้งมีฟ้าร้อง ฟ้าแลบเป็นระยะ ส่งผลให้ผู้ที่ชุมนุมซึ่งเดินทางมาก่อนเวลาการนัดหมายในช่วงเวลา 16.00 น. ต่างหาวิ่งหลบฝนกันชุลมุน บางส่วนอาศัยหลบฝนภายในโบสถ์และศาลต่างๆ ของวัดไผ่เขียวกันจนแน่นวัด อีกทั้งทำให้การจราจรที่เข้าสู่พื้นที่การชุมนุมยิ่งกลายเป็นอัมพาตอย่างหนัก ขณะที่ผู้ชุมนุมบางส่วนยังปักหลักอยู่หน้าเวทีปราศรัย หลังจากทีมงานผู้จัดงานขึ้นกล่าวทักทายผู้ชุมนุมได้ไม่ถึง 10 นาที ก็ต้องปิดเวทีลงชั่วคราว เพราะไม่สามารถต้านทานพายุฝนที่ชัดกระหน่ำอย่างหนักได้

นายจตุพร พรหมพันธ์ แกนนำ นปช.กล่าวว่า การจัดเวทีในวันนี้ก็เพื่อทำความจริงให้ปรากฏว่ากลุ่มคนเสื้อแดงถูกใส่ร้ายอย่างไร โดยเฉพาะที่กระทรวงมหาดไทย จะนำภาพเคลื่อนไหวที่ยืนยันได้ว่านายกรัฐมนตรีไม่ได้อยู่ในรถคันนั้น แต่เปลี่ยนไปอยู่ในรถคันอื่นที่เป็นเลขทะเบียนเดียวกัน โดยใช้เวลาเปลี่ยนรถเพียงไม่ถึง 1 นาที หากรัฐบาลยังบิดเบือนต่อไป จะทำให้เราไปชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลเร็วขึ้น ตนเองขอเรียกร้องให้ผู้ที่ถูกออกหมายจับในเหตุการณ์กระทรวงมหาดไทย 21 คน ที่ขณะนี้ยังไม่มอบตัว ซึ่งเชื่อว่าเป็นทหารที่สวมเสื้อสีแดง มามอบตัว หากใครสามารถแจ้งเบาะแสหรือทราบที่อยู่ก็จะให้รางวัลนำจับ เพิ่มจาก 5 หมื่นบาท เป็น 1 แสนบาท

นายจตุพรกล่าวด้วยว่า คืนนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะไม่โฟนอิน แต่ได้ฝากบอกแกนนำว่าให้ช่วยกันดูแลความปลอดภัย อย่าให้เกิดความรุนแรง อย่าให้มีมือที่สามเข้ามาปั่นป่วน และขอให้แกนนำนำความจริงมาเปิดเผย เพราะเมื่อความจริงเปิดเผย รัฐบาลจะอยู่ไม่ได้ ทั้งนี้กลุ่มคนเสื้อแดง จะดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง เหตุการณ์สลายการชุมนุมควบคู่ไปกับกรรมการที่รัฐสภาตั้งขึ้นด้วย

จากนั้น นายวีระ มุสิกพงศ์ และนายจตุพรได้แจ้งขอปรับรูปแบบการชุมนุม จากการปราศรัยสลับการแสดงดนตรี มาเป็นการปราศรัยรวดเดียว จากนั้นจะเปิด VCD จับโกหกนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และปิดท้ายด้วยการแสดงดนตรี เนื่องจากสภาพอากาศไม่อำนวย

นายวีระกล่าวว่า แกนนำได้มาสำรวจพื้นที่วัดไผ่เขียวแล้วเห็นว่าเหมาะสม และตั้งใจจะจัดชุมนุมที่นี่เป็นประจำ เพราะมีพื้นที่กว้างขวาง แต่วันนี้ไม่คิดว่าจะเกิดฝนตกหนักขนาดนี้ คาดว่าพายุฝนครั้งนี้เกิดจากการทำฝนเทียม เพราะคนเสื้อแดงประกาศชุมนุมล่วงหน้าเป็นเวลานานแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากพายุฝนกระหน่ำลงมาอย่างหนักตั้งแต่ช่วงบ่าย ทำให้พื้นที่บริเวณการชุมนุมเกิดน้ำขังจนมีสภาพกลายเป็นดินเลน ผู้ชุมนุมที่ยังปักหลักรอฟังการปราศรัยต้องถอดรองเท้าเดินย่ำไปอย่างทุลักทุเล

ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักก่อนหน้านี้ทำให้บริเวณพื้นที่จัดงานเกิดน้ำขัง ส่งผลให้ประชาชนต้องยืนฟังการปราศรัยของแกนนำ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเข้มงวด

เมื่อเวลา 18.30 น. นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย กล่าวบนเวทีคนเสื้อแดงว่า คนที่ทำร้ายประเทศไทยคือรัฐบาล ที่มีการแทรกแซงสื่อ และยังมีการปลุกผีคอมมิวนิสต์ ชอบพูดจาโฉบเฉี่ยวใส่ร้ายคนเสื้อแดง ซึ่งตนเห็นว่าองค์กรอิสระที่ออกมาเคลื่อนไหวโครงการหยุดทำร้ายประเทศไทยฯ น่าจะออกมาตั้งแต่การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรครั้งแรกและก่อนรัฐประหาร 19 ก.ย.แล้ว ทั้งนี้นายการุณเชิญชวนให้รัฐบาลย้ายสถานที่ประชุมอาเซียนบวกสามบวกหกจากจังหวัดภูเก็ตมาจัดที่ลานด้านข้างวัดไผ่เขียวและตนจะนำคนเสื้อแดงมาดูแลการประชุมเอง

จากนั้น นายแพทย์เหวง โตจิราการ แกนนำคนเสื้อแดง ขึ้นกล่าวบนเวทีว่า ตนขอบคุณความห่วงใยที่มีให้ตนและนายวีระ มุสิกพงศ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำฯ ที่ถูกควบคุมตัว อย่างไรก็ตามตนยืนยันว่าคนเสื้อแดงไม่ได้ทำร้ายประเทศไทย แต่กลับช่วยทำให้ประชาธิปไตยเข้มแข็งขึ้นต่างหาก

จากนั้นนายแพทย์เหวงได้เล่าถึงการเดินทางไปเยี่ยมผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากการสลายการชุมนุมมื่อเช้าวันที่ 13 เม.ย.ตามโรงพยาบาลต่างๆ โดยนายแพทย์เหวงมีข้อสรุปว่าผู้บาดเจ็บถูกทหารยิงพร้อมทั้งตั้งข้อสังเกตว่าถ้าทหารใช้กระสุนซ้อมไม่น่าจะยิงทะลุผิวหนังของคนได้ ตนจึงขอตั้งข้อสังเกตว่าทหารต้องมีการใช้กระสุนจริงจึงทำให้มีคนบาดเจ็บจำนวนมาก

นอกจากนี้ นายแพทย์เหวงยังอ้างว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะไม่เข้ากับข้อกำหนดของกฎหมายเลยแม่แต่ข้อเดียว ดังนั้นจึงขอตั้งคำถามไปยังนายกฯ ว่าได้ใช้องค์ประกอบข้อไหนบ้างในการประกาศ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ นายแพทย์เหวงยังได้ประกาศบนเวทีว่าขณะนี้ดีสเตชั่นสามารถถ่ายทอดการชุมนุมได้แล้วจึงทำให้คนเสื้อแดงต่างพากันปรบมือโห่ร้องดีใจ

ต่อมาเวลาประมาณ 20.00 น.เศษ นายจตุพรได้ขึ้นกล่าวปราศรัย กล่าวหาว่าเหตุการณ์ตั้งแต่วันที่ 12-14 เม.ย.ทั้งที่พัทยา กระทรวงมหาดไทย และที่อื่นๆ เป็นเหตุการณ์ที่รัฐบาลจัดฉาก โดยอ้างว่าที่พัทยานั้นรัฐบาลเอาตำรวจมาใส่เสื้อน้ำเงินแล้วยิงหนังสติ๊กใส่คนเสื้อแดง จากนั้นมีการเสียชีวิตของพลทหารอภินพ เครือสุข ที่บ้านพักแม่ทัพภาคที่ 1 ซึ่งมีข้อสงสัยว่าถูกท้ายปืนตีไม่ใช่ล้มในห้องน้ำ จากนั้นนายกฯ ไปอยู่ในค่ายทหาร และกลับมาประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่กระทรวงมหาดไทย

ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า การปราศรัยของนายจตุพรขัดแย้งกับข้อเท็จจริงเรื่องลำดับเวลา เพราะการเสียชีวิตของพลทหารอภิสุขนั้น เกิดขึ้นในวันที่ 14 เม.ย. แต่การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่กระทรวงมหาดไทยนั้นเกิดขึ้นในวันที่ 12 เม.ย.

นายจตุพรยังอ้างว่า เหตุการณ์ทุบรถที่กระัทรวงมหาดไทย ตำรวจได้ออกหมายจับ 21 คน และมีจำนวนหนึ่งไม่มามอบตัว เพราะไม่ใช่เสื้อแดง โดยมีแหล่งข่าวแจ้งว่ามีทหาร 9-10 นายมาสร้างสถานการณ์ ดังนั้นถ้าใครจับได้จะให้รางวัลนำจับคนละ 1 แสนบาท

นายจตุพรอ้า่งอีกว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไม่อยู่ในรถประจำตำแหน่งขณะที่คนเสื้อแดงไปทุบรถ ส่วนภาพที่นายอภิสิทธิ์ขึ้นรถพร้อมนายสุเทพ เทือกสุบรรณนั้น นายจตุพรอ้างว่าเป็นอีกคันที่ขับออกไปก่อนที่เสื้อแดงจะเข้ามา และยังตั้งข้อสังเกตว่ามีการปล่อยให้เสื้อแสดงเข้ากระทรวงมหาดไทยได้ง่าย โดยมี รปภ.มาเปิดประตูฝั่งประตูที่มีรถนายกฯ อยู่ และตอนแรก รปภ.เหมือนจะห้าม แต่สุดท้ายปล่อยให้ประชิดรถโดยง่าย และเมื่อมองทะลุมุมไหนก็ไม่เห็นคนนั่งเบาะหลัง

จากนั้นนายจตุพรได้เปิดวีซีดีชื่อ “คนไทยทั้งประเทศถูกหลอก ทุบรถที่มหาดไทย อภิสิทธิ์คนลวงโลก” เป็นภาพเหตุการณ์ขณะคนเสื้อแดงทุบรถที่กระทรวงมหาดไทย โดยมีภาพตอนหนึ่งที่อ้างว่าไม่มีนายอภิสิทธิ์อยู่้ในรถประจำตำแหน่งนายกฯ โดยมีแต่ รปภ.และคนขับรถ และมีภาพที่พยายามซูมเข้าไปที่เบาะหลังของรถซึ่งเป็นภาพที่ไม่ชัดเจนเพราะมืดมากโดยมีการเพิ่มแสงเข้าไปแต่ภาพก็เลือนลาง ซึ่งนายจตุพรอ้างว่าเป็นภาพที่แสดงว่าไม่มีนายกฯ อยู่ในรถ

ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า การหยิบยกเรื่องดังกล่าวขึ้นมาปราศรัย เป็นความพยายามของนายจตุพรที่จะบิดเบือนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นระหว่างการชุมนุมของคนเสื้อแดงในช่วงวันสงกรานต์ที่ผ่านมา ซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่า มีการใช้ความรุนแรงและมุ่งหมายเอาชีวิตนา่ยกรัฐมนตรี จากการประกาศของแกนนำคนเสื้อแดงบนเวทีหน้าทำเนียบรัฐบาลหลายครั้งว่าให้จับตัวนายกรัฐมนตรีมาให้ได้ และภาพที่ปรากฏทางสื่อมวลชนก็แสดงถึงความป่าเถื่อนของคนเสื้อแดงอย่างชัดเจน ทั้งกรณีรุมทุบขบวนรถนายกที่กระทรวงมหาดไทย การยึดรถเมล์มาราดน้ำมันเผา การบุกเข้าไปทำร้ายชาวบ้านที่ชุมชนนางเลิ้งจนเสียชีวิต การยิงมัสยิดที่ถนนเพชรบุรีซอย 5 และ 7 การนำรถแก๊สมาข่มขู่้จะจุดให้ระเบิดที่ชุมชนดินแดง เหล่านี้ล้วนเป็นภาพลบกับคนเสื้อแดงทั้งสิ้น

นายจตุพรถือเป็นแกนนำคนเสื้อแดงที่มีความถนัดในการเบี่ยงเบนประเด็นเพื่อเอาตัวรอด โดยระหว่างการสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 14 เม.ย.เขาเป็นแกนนำที่หลบหนีเอาตัวรอดโดยปล่อยให้แกนนำคนอื่นๆ ถูกจับกุมไปก่อน หลังจากนั้นก็มาโกหกว่าตนเองออกไปตรวจดูสถานการณ์รอบๆ ทำเนียบ แต่พบว่าทหารและคนเสื้อเหลืองติดอาวุธเข้ามาล้อมทำเนียบไว้จึงกลับเข้ามาในที่ชุมนุมไม่ได้

กรณีที่กระทรวงมหาดไทยนั้น มีภาพวิดีโอหลายชุดที่สะท้อนถึงความป่าเถื่อนของคนเสื้อแดง ซึ่งกรูกันเข้าไปรุมทุบขบวนรถของนายกรัฐมนตรีขณะกำลังออกจากกระทรวงมหาดไทยหลังจากประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพนั้นรอดไปได้อย่างหวุดหวิด ขณะที่นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ออกจากกระทรวงมหา่ดไทยไม่ทัน เนื่องจากถูกรถแท็กซี่จอดขวางทางอยู่ จึงถูกคนเสื้อแดงใช้ไม้และท่อนเหล็กทุบรถจนกระจกแตกพังยับและถูกไม้ด้ามธงกระทุ้งเข้าไปในรถ ได้รับบาดเจ็บที่ซี่โครงและศีรษะ

ทั้งนี้ เหตุการณ์วันที่ 12 เม.ย.นั้น ผู้สื่อข่าวหลายสำนักที่ไปทำข่าวให้ข้อมูลตรงกันว่า หลังจากที่นายกฯ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแล้วได้เดินลงมาที่รถ ขณทะี่คนเสื้อแดงได้มาปิดล้อมประตูทุกด้านของกระทรวงมหา่ดไทยไว้หมดแล้ว จึงต้องขับวนอยู่ประมาณ 3 รอบ และในที่สุดคนเสื้อแดงก็พังประตูเข้ามาและเข้ามารุมทุบรถ โดยมี รปภ.พยายามกันอยู่ข้างๆ ก่อนที่จะหาจังหวะชนประตูกระทรวงออกไป

ด้าน นายสาธิต ปิตุเดชะ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์รายการ “จับตา(ย)” โดย อัญชะลี ไพรีรัก ทางเอเอสทีวี เมื่อคืนวันที่ 10 พ.ค.ว่า เรื่องที่นายจตุพรอ้างว่านายอภิสิทธิ์ ไม่ได้อยู่ในรถนั้น ไม่ควรจะเอามาเป็นประเด็นอีกต่อไป เพราะจริงๆ แล้วเหตุการณ์ในวันนั้นประเด็นมันอยู่ที่การใช้ความรุนแรงของคนเสื้อแดง ส่วนการตั้งประเด็นว่านายอภิสิทธิ์ไม่ได้อยู่ในรถนั้นเป็นเรื่องโกหกที่ไม่ควรจะเป็นข่าวอีกต่อไป ไม่เช่นนั้น เดี๋ยวก็จะมีคนมาบอกว่า นายจตุพรที่ให้สัมภาษณ์นั้นไม่ใช่นายจตุพรตัวจริงแต่มีคนสวมหน้ากากนายจตุพรเพื่อที่จะใส่ร้ายนายจตุพร

ชมคลิป"จตุพร"อ้างนายกฯ ไม่ได้อยู่ในรถ