ป.ป.ช.มีมติฟัน “พีรพันธุ์” ทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง พร้อมผิด ม.147 กรณีสั่งตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินสื่อมวลชน ประชาชน นักการเมืองฝ่ายค้านกว่า 200 คน โดยมิชอบ ขณะเป็นเลขาธิการ ปปง. “กล้านรงค์”ระบุโทษ มีเพียงไล่ออกหริอปลดออกเท่านั้น แต่ยังมีสิทธิร้องขอความเป็นธรรมจาก ป.ป.ช.ได้
เมื่อวันที่ 1 พ.ค. รายงานข่าวจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยถึงกรณีที่ ป.ป.ช.กล่าวหา พล.ต.ต.พีรพันธ์ เปรมภูติ ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (ซี11) เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน( ปปง.) กับพวกปฏิบัติหน้าโดยมิชอบ เกี่ยวกับการตรวจสอบธุรกรรมทางการเงิน ซึ่งหลังการพิจารณาแล้ว ป.ป.ช.มีมติว่าการกระทำของ พล.ต.ต.พีรพันธุ์ และพ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ รักษาการเลขาธิการ ปปง. เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์สาสนเทศและติดตามประเมินผล ปปง. นั้น ผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบราชการ อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ขณะเดียวกัน พล.ต.ต.พีรพันธ์ ยังมีความผิดอาญา มาตรา 157 ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากนี้ ป.ป.ช.จะส่งรายงานไปยังผู้บังคับบัญชาของ 2 คน เพื่อพิจารณาโทษทางวินัย และส่งเรื่องไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญากับ พล.ต.ต.พีรพันธ์ ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต มาตรา 92 และมาตรา 97 ต่อไป
สำหรับ พล.ต.ต.พีรพันธ์ เปรมภูติ นับเป็นนายตำรวจผู้หนึ่งที่รับใช้ใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดี เมื่อครั้งที่เป็นนายกฯ โดยครั้งนั้น พล.ต.ต.พีรพันธ์ ได้สั่งให้มีการตรวจสอบบัญชีเงินฝากของสื่อมวลชน ประชาชน นักพัฒนาเอกชน และนักการเมืองฝ่ายค้าน จำนวนกว่า 200 คน ซึ่งถือเป็นการกลั่นแกล้งผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับตนเอง โดยศาลปกครองเคยวินิจฉัยเรื่องนี้แล้วว่าถือเป็นการกระทำโดยมิชอบ (อ่านข่าว “ศาลปกครอง” หัก ปปง.ล้วงไส้ธุรกรรม“เอ็นจีโอ”ผิด กม.)
ด้าน นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถพูดถึงบทลงโทษ พล.ต.ต.พีรพันธุ์ และ พ.ต.อ.สีหนาท ได้ ต้องรอรายละเอียดหนังสือการชี้มูลความผิดจาก ป.ป.ช.
นายพีระพันธุ์กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นหนังสือของ ป.ป.ช. แต่ทราบเรื่องนี้จากข่าวเท่านั้น จึงยังไม่สามารถพูดถึงบทลงโทษได้ ซึ่งตามขั้นตอนแล้ว ป.ป.ช.จะต้องส่งเอกสารมติดังกล่าวมาให้ตน เนื่องจาก ปปง.เป็นหน่วยงานขึ้นตรงกับสำนักรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จากนั้นจึงจะเรียกประชุมเพื่อพิจารณาบทลงโทษที่ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขกฎหมายต่อไป
รายงานข่าวแจ้งว่า กรณีของ พ.ต.อ.สีหนาทนั้น กระทรวงยุติธรรมไม่สามารถพิจารณาเป็นอย่างอื่นได้ นอกจากปลดออก หรือไล่ออกเท่านั้น เนื่องจาก ป.ป.ช.ชี้มูลว่ามีความผิดทางวินัยร้ายแรง เช่นเดียวกับกรณีของนายมานิตย์ สุธาพร อดีตรองปลัดกระทรวงยุติธรรม ซึ่งภายหลังถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด อ.กพ.กระทรวงยุติธรรม จึงมีคำสั่งให้ออกจากราชการ แต่ไม่ได้ปิดกั้นสิทธิในการฟ้องคดีต่อศาลปกครอง
ด้านนายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการและโฆษก ป.ป.ช. กล่าวว่า ภายในสัปดาห์หน้าจะต้องนำสำนวนการชี้มูลความผิดเวียนให้กรรมการ ป.ป.ช.แต่ละคนลงนาม จากนั้นจึงจะส่งสำนวนไปยังต้นสังกัดในความผิดทางวินัยร้ายแรง โดยหน่วยงานต้นสังกัดจะต้องพิจารณาบทลงโทษภายในเวลา 30 วัน นับแต่ได้รับหนังสือ
นายกล้านรงค์กล่าวต่อว่า โทษมีเพียงการปลดออกหรือไล่ออกเท่านั้น และให้ส่งเรื่องไปยังอัยการสูงสุดด้วย ในกรณีมีความผิดทางอาญา อย่างไรก็ตาม บุคคลทั้งสองยังสามารถทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมมายังกรรมการ ป.ป.ช.ได้เช่นเดียวกับกรณีของนายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลัง ที่ถูกชี้มูลความผิดในคดีโยกย้ายรองอธิบดีกรมสรรพากรไม่เป็นธรรม ซึ่ง ป.ป.ช.จะพิจารณาว่าเป็นหลักฐานใหม่และมีความสำคัญต่อรูปคดีหรือไม่ หากเป็นหลักฐานใหม่และมีความสำคัญต่อรูปคดีก็อาจจะหยิบคดีนี้มาพิจารณาใหม่อีกครั้ง
