รมว.ยุติธรรม เผยเห็นแต่ข่าว ป.ป.ช.ลงมติอดีต เลขาธิการ-รักษาการเลขาธิการ ปปง.ผิดวินัยร้ายแรงตรวจสอบบัญชีสื่อ-นักการเมือง ต้องรอเอกสารลงมติตัวจริงส่งถึงมือก่อนเรียกประชุมกำหนดบทลงโทษตามกฎหมาย
วันนี้ (1 พ.ค.) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติว่า พล.ต.ต.พีรพันธ์ เปรมภูติ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ปัจจุบันประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเทียบเท่าระดับ 11 มีความผิดวินัยร้ายแรงและมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ อดีตผู้อำนวยการศูนย์สารสนเทศและติดตามประเมินผล ปปง.ปัจจุบันรักษาการเลขาธิการ ปปง. มีความผิดวินัยร้ายแรงในการตรวจสอบบัญชีธนาคารของสื่อมวลชน ประชาชนและนักการเมืองฝ่ายค้านประมาณ 200 คน ซั่งทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า ขณะนี้ตนยังไม่เห็นหนังสือของ ป.ป.ช. ได้เห็นจากข่าวเท่านั้น จึงยังไม่สามารถพูดถึงบทลงโทษได้ ซึ่งตามขั้นตอนแล้ว ป.ป.ช.จะต้องส่งเอกสารมติดังกล่าวมาให้ตน เนื่องจาก ปปง.เป็นหน่วยงานขึ้นตรงกับสำนักรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จากนั้นจึงจะเรียกประชุมเพื่อพิจารณาบทลงโทษที่ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขกฎหมายต่อไป
“ผมจะต้องรอดูเอกสารตัวจริงและพิจารณาดุลพินิจของ ป.ป.ช.อย่างละเอียดว่ามีการกระทำผิดอะไรบ้าง ป.ป.ช.ถึงลงมติอย่างนั้น ดูสาเหตุและการกระทำของ ปปง.ด้วย แล้วเรียกประชุมเพื่อกำหนดบทลงโทษ แต่ในขั้นตอนนี้จะไม่มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบความผิดอีกแล้ว เพราะ ป.ป.ช.ลงมติแล้วจะไปเปลี่ยนแปลงอีกไม่ได้ ทั้งนี้ผมจะต้องรอดูเอกสารทั้งหมดก่อนยังไม่รู้ว่าเรื่องจริง-เท็จประการใดเห็นแต่ในข่าวเท่านั้น และเรื่องนี้ผมก็ไม่รู้รายละเอียดของเรื่องมาก่อน เพราะไม่เคยเข้าไปสนใจมุ่งแต่จะทำงานมากกว่า” นายพีระพันธุ์ กล่าว
นายพีระพันธุ์กล่าวอีกว่า ในส่วนของ พล.ต.ต.พีระพันธ์ นั้นกระทรวงยุติธรรมไม่สามารถเข้าไปกำหนดบทลงโทษได้เนื่องจากตามกฎหมายให้ยึดตำแหน่งหลังสุด ซึ่งขณะนี้พล.ต.ต.พีระพันธ์ ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จึงไม่อยู่ในขอบอำนาจของกระทรวงยุติธรรม
รายงานข่าวเปิดเผยว่า สำหรับกรณีของ พ.ต.อ.สีหนาทนั้น กระทรวงยุติธรรมไม่สามารถพิจารณาให้เป็นอย่างอื่นได้ นอกจากโทษไล่ออกให้ออก หรือปลดออกจากราชการ เนื่องจาก ป.ป.ช.ชี้มูลว่ามีความผิดทางวินัยร้ายแรง เช่นเดียวกับกรณีของนายมานิตย์ สุธาพร อดีตรองปลัดกระทรวงยุติธรรม ซึ่งภายหลังถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด อ.กพ.กระทรวงยุติธรรม จึงมีคำสั่งให้ออกจากราชการ แต่ไม่ได้ปิดกั้นสิทธิในการฟ้องคดีต่อศาลปกครอง
รายงานข่าวเปิดเผยด้วยว่า สำหรับตำแหน่งเลขาธิการ ปปง.ซึ่งว่างลงตั้งแต่เดือนตุลาคม 2551 นั้น อาจจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้เหมาะสมจะขึ้นดำรงตำแหน่งดังกล่าว เนื่องจาก พ.ต.อ.สีหนาทเป็นรองเลขาธิการ ปปง.ที่มีอาวุโสสูงสุด ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด ทำให้ต้องเริ่มขั้นตอนการสรรหาผู้ที่มีสิทธิได้รับการเสนอชื่อให้เป็นเลขาธิการปปง.ใหม่อีกครั้งโดยคาดว่าผู้ที่อาจมีสิทธิ์ได้รับการเสนอชื่อ ได้แก่ นายชาติชาย สุทธิกลม ที่ปรึกษาสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) นายภิญโญ ทองชัย ผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม และนายอรรณพ ลิขิตจิตถะ รองเลขาธิการ ปปง.