ASTVผู้จัดการรายวัน - ป.ป.ช.สรุปปลัดคลังมีความผิดวินัยร้ายแรงและมีความผิดทางอาญา "กล้านรงค์" เผยหลักฐานใหม่ที่ยื่นอุทธรณ์ไม่ส่งผลให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.กลับลำ เตรียมแถลงรายละเอียดวันนี้ก่อนเสนอนายกฯ ในฐานะผู้บังคับบัญชา "ปลด" หรือ "ไล่ออก" พร้อมยื่นอัยการสูงสุดดำเนินคดี "กรณ์" ครวญถือเป็นความสูญเสียของกระทรวงคลัง แต่ต้องเคารพกฎหมาย "นริศ ชัยสูตร" โผล่ชิงดำปลัดใหม่
นายกล้านรงค์ จันทิก คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษก เปิดเผยความคืบหน้ากรณีที่นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลัง ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม โดยอ้างหลักฐานใหม่ เพื่อให้คณะกรรมการ ปปช. พิจารณากลับคำวินิจฉัยการลงมติชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรง กรณีการแก้ไขหลักเกณฑ์การคัดเลือกผู้ดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมสรรพากร โดยมิชอบ สมัยดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพากร ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ปปช.ชุดใหญ่ ได้ลงมติเรื่องดังกล่าวไปเรียบร้อยแล้ว
โดยพบว่า หลักฐานที่นายศุภรัตน์ยื่นขอความเป็นธรรมมาใหม่นั้น มีทั้งข้อมูลหลักฐานเก่า ที่คณะกรรมการ ปปช.เคยพิจารณาไปแล้ว และมีหลักฐานใหม่บางส่วน คณะกรรมการ ปปช.พิจารณาแล้ว เห็นว่า ไม่ใช่หลักฐานที่มีความสำคัญ ที่จะมีผลต่อการกลับคำวินิจฉัย ที่คณะกรรมการ ปปช.ได้ลงมติชี้มูลความผิดไปแล้วได้ จึงมีมติยืนยันตามคำวินิจฉัยเดิม คือ มีความผิดวินัยร้ายแรง และความผิดทางอาญา โดยให้ส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาลงโทษ ตามมติของคณะกรรมการ ปปช. และส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดดำเนินคดีต่อไป
"เหตุผลที่ไม่รับอุทธรณ์ เนื่องจากข้อมูลที่นายศุภรัตน์ นำมาชี้แจงทั้งทางเอกสารและด้วยตนเอง ไม่มีข้อมูลใหม่ ขั้นตอนต่อไป จะแจ้งมติดังกล่าวให้นายศุภรัตน์รับทราบ และจะแถลงข้อเท็จจริงให้ทราบอีกครั้ง ในวันที่ 21 เม.ย.นี้" นายกล้านรงค์กล่าว
ทั้งนี้ การไม่รับอุทธรณ์มีผลว่า ป.ป.ช.ยังคงยืนยันตามมติเดิมที่ให้กระทรวงการคลังดำเนินการพิจารณาให้นายศุภรัตน์ ออกจากข้าราชการภายใน 30 วัน หลังจากที่ได้รับหนังสือจาก ป.ป.ช.
***"กรณ์" พร้อมปฏิบัติตามแม้เสียดาย
นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ยอมรับว่า รู้สึกเสียดายบุคลากร เพราะนายศุภรัตน์ ถือเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถในการทำงาน ถือเป็นความสูญเสียของกระทรวงการคลัง อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังเคารพในการตัดสินใจของ ป.ป.ช. และจะปฏิบัติตามกฎหมาย
น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า หากหนังสือกล่าวโทษของ ป.ป.ช.ส่งมาถึง จะส่งเข้าสู่ที่ประชุมของคณะอนุกรรมการกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.กพ.) กระทรวงการคลัง ที่มี รมว.คลังเป็นประธานให้พิจารณาเรื่องนี้ตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบกระทรวงการคลังต่อไป
โดยระยะเวลาในการดำเนินการเกี่ยวกับกรณีนี้หลังจากที่ได้รับหนังสืออย่างเป็นทางการจาก ป.ป.ช.แล้วจะต้องนำเข้าสู่การพิจารณาของ อ.กพ.คลังภายใน 30 วันเพื่อพิจาณาโทษของนายศุภรัตน์ ตามที่ถูก ป.ป.ช.กล่าวโทษ โดยมี 3 ทางเลือกคือ ให้ออก ปลดออกและไล่ออก และหลังจากขั้นตอนนี้กระทรวงการคลังจะต้องทำหนังสือแจ้งไปยัง ป.ป.ช.ภายใน 15 วันว่าได้ดำเนินการตามคำสั่งของ ป.ป.ช.เรียบร้อยแล้ว ซึ่งรวมระยะเวลาของกระบวนการนี้ทั้งสิ้น 45 วัน
ส่วนขั้นตอนการแต่งตั้งปลัดกระทรวงการคลังคนใหม่ก็ขึ้นอยู่กับ รมว.คลังว่าจะดำเนินการเมื่อใด ซึ่งคาดว่าคงไม่ใช้เวลานานนักเนื่องจากต้องให้คนที่มีความสามารถเข้ามาทำหน้าที่ร่วมกันในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 13 มกราคม ป.ป.ช.เคยมีมติชี้มูลความผิดนายศุภรัตน์ นายสมใจนึก เองตระกูล นายสมหมาย ภาษี และนายวีระ ไชยธรรม ในฐานะคณะกรรมการคัดเลือกข้าราชการพลเรือนสามัญ รวมถึงคุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ สมัยเป็นเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (กพ.) กรณีปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยมีความผิดทางวินัยร้ายแรงและความผิดทางอาญาแยกไปแต่ละบุคคล ซึ่งภายหลังนายศุภรัตน์ได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม 3 ครั้ง คุณหญิงทิพาวดียื่นหนังสือขอความเป็นธรรม 4 ครั้ง ป.ป.ช.จึงนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุม ในวันที่ 12 มีนาคม และมีมติให้พิจารณาหนังสือร้องความเป็นธรรมเฉพาะของนายศุภรัตน์ เนื่องจากมีการยื่นพยานหลักฐานเพิ่มเติมเข้ามาหลายรายการ ส่วนใหญ่เป็นเอกสาร โดยให้นายภักดี โพธิศิริ กรรมการ ป.ป.ช.เป็นผู้พิจารณาหลักฐานที่นายศุภรัตน์ยื่นเข้ามา ว่าเป็นหลักฐานใหม่และมีความสำคัญต่อรูปคดีหรือไม่ โดยมีการประชุม 2 ครั้ง จากนั้น ได้นำเข้าสู่ที่ประชุมใน ป.ป.ช.ชุดใหญ่ ที่หลบไปประชุมที่อาคารธนภูมิ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ หลังการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ที่สุด ป.ป.ช.ก็มีมติยืนมติที่ชี้มูลในวันที่ 13 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งตามขั้นตอน มาตรา 92, 93 และ 97 ของ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ.2542 โดยมาตรา 92 และ 93 ให้ผู้บังคับบัญชาลงโทษทางวินัยแก่บุคคลดังกล่าวตามความผิดที่ป.ป.ช.ชี้มูลภายใน 30 วัน และให้ส่งคำสั่งลงโทษกลับมาให้ป.ป.ช.ทราบภายใน 15 วันนับแต่วันที่ออกคำสั่ง
ก่อนหน้านี้ เคยมีการถกเถียงกันว่า ใครเป็นผู้บังตับบัญชานายศุภรัตน์ ระหว่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กับนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ก่อนได้ข้อสรุปว่า นายอภิสิทธิ์ เป็นผู้บังคับบัญชาที่จะต้องพิจารณาบทลงโทษนายศุภรัตน์ ซึ่งโทษมีเพียงปลดออกหรือไล่ออกเท่านั้น โดยหากนายอภิสิทธิ์มีคำสั่ง “ปลดออก” จะไม่ส่งผลต่อบำเหน็จบำนาญของนายศุภรัตน์ แต่หากเป็นการ “ไล่ออก” นอกจากนายศุภรัตน์จะถูกริบบำเหน็จบำนาญแล้ว ยังอาจส่งผลกระทบต่อการริบคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ด้วย
ส่วนมาตรา 97 กรณีที่มีความผิดทางวินัย ให้ป.ป.ช.ส่งรายงาน เอกสาร และความเห็นต่ออัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการส่งฟ้องต่อศาลตามขอบเขตอำนาจ ซึ่งกรณีของนายศุภรัตน์เป็นเพียงศาลอาญาทั่วไป ยังไม่ใช่ศาลอาญาแผนกคดีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อย่างไรก็ตาม หากอัยการสูงสุดเห็นว่า สำนวนของป.ป.ช.ไม่สมบูรณ์สามารถตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างป.ป.ช.กับอัยการเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานกระทั่งสำนวนมีความสมบูรณ์เพียงพอ จากนั้นจึงเข้าสู่กระบวนการส่งฟ้องต่อไป.
***"นริศ" โผล่ชิงดำปลัดคลังคนใหม่
แหล่งข่าวกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า รมว.คลังจะถือโอกาสนี้ปรับเปลี่ยนข้าราชการกระทรวงการคลังครั้งใหญ่ นอกจากจะมีการแต่งตั้งปลัดกระทรวงการคลังคนใหม่ แล้วยังมีการโยกย้ายอธิบดีกรมที่เกี่ยวข้องกับภาษีเพื่อให้การจัดเก็บมีประสิทธิภาพมากขึ้น คาดว่าคนที่มีโอกาสได้รับเลือกเป็นปลัดคลังคนใหม่ คือ นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ รองปลัดกระทรวงการคลัง มีโอกาสมากที่สุด รองลงมาคือนายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รองปลัดกระทรวงการคลัง และนายนริศ ชัยสูตร ผู้ตรวจราชการกระทรวการคลัง.
นายกล้านรงค์ จันทิก คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษก เปิดเผยความคืบหน้ากรณีที่นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลัง ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม โดยอ้างหลักฐานใหม่ เพื่อให้คณะกรรมการ ปปช. พิจารณากลับคำวินิจฉัยการลงมติชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรง กรณีการแก้ไขหลักเกณฑ์การคัดเลือกผู้ดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมสรรพากร โดยมิชอบ สมัยดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพากร ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ปปช.ชุดใหญ่ ได้ลงมติเรื่องดังกล่าวไปเรียบร้อยแล้ว
โดยพบว่า หลักฐานที่นายศุภรัตน์ยื่นขอความเป็นธรรมมาใหม่นั้น มีทั้งข้อมูลหลักฐานเก่า ที่คณะกรรมการ ปปช.เคยพิจารณาไปแล้ว และมีหลักฐานใหม่บางส่วน คณะกรรมการ ปปช.พิจารณาแล้ว เห็นว่า ไม่ใช่หลักฐานที่มีความสำคัญ ที่จะมีผลต่อการกลับคำวินิจฉัย ที่คณะกรรมการ ปปช.ได้ลงมติชี้มูลความผิดไปแล้วได้ จึงมีมติยืนยันตามคำวินิจฉัยเดิม คือ มีความผิดวินัยร้ายแรง และความผิดทางอาญา โดยให้ส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาลงโทษ ตามมติของคณะกรรมการ ปปช. และส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดดำเนินคดีต่อไป
"เหตุผลที่ไม่รับอุทธรณ์ เนื่องจากข้อมูลที่นายศุภรัตน์ นำมาชี้แจงทั้งทางเอกสารและด้วยตนเอง ไม่มีข้อมูลใหม่ ขั้นตอนต่อไป จะแจ้งมติดังกล่าวให้นายศุภรัตน์รับทราบ และจะแถลงข้อเท็จจริงให้ทราบอีกครั้ง ในวันที่ 21 เม.ย.นี้" นายกล้านรงค์กล่าว
ทั้งนี้ การไม่รับอุทธรณ์มีผลว่า ป.ป.ช.ยังคงยืนยันตามมติเดิมที่ให้กระทรวงการคลังดำเนินการพิจารณาให้นายศุภรัตน์ ออกจากข้าราชการภายใน 30 วัน หลังจากที่ได้รับหนังสือจาก ป.ป.ช.
***"กรณ์" พร้อมปฏิบัติตามแม้เสียดาย
นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ยอมรับว่า รู้สึกเสียดายบุคลากร เพราะนายศุภรัตน์ ถือเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถในการทำงาน ถือเป็นความสูญเสียของกระทรวงการคลัง อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังเคารพในการตัดสินใจของ ป.ป.ช. และจะปฏิบัติตามกฎหมาย
น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า หากหนังสือกล่าวโทษของ ป.ป.ช.ส่งมาถึง จะส่งเข้าสู่ที่ประชุมของคณะอนุกรรมการกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.กพ.) กระทรวงการคลัง ที่มี รมว.คลังเป็นประธานให้พิจารณาเรื่องนี้ตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบกระทรวงการคลังต่อไป
โดยระยะเวลาในการดำเนินการเกี่ยวกับกรณีนี้หลังจากที่ได้รับหนังสืออย่างเป็นทางการจาก ป.ป.ช.แล้วจะต้องนำเข้าสู่การพิจารณาของ อ.กพ.คลังภายใน 30 วันเพื่อพิจาณาโทษของนายศุภรัตน์ ตามที่ถูก ป.ป.ช.กล่าวโทษ โดยมี 3 ทางเลือกคือ ให้ออก ปลดออกและไล่ออก และหลังจากขั้นตอนนี้กระทรวงการคลังจะต้องทำหนังสือแจ้งไปยัง ป.ป.ช.ภายใน 15 วันว่าได้ดำเนินการตามคำสั่งของ ป.ป.ช.เรียบร้อยแล้ว ซึ่งรวมระยะเวลาของกระบวนการนี้ทั้งสิ้น 45 วัน
ส่วนขั้นตอนการแต่งตั้งปลัดกระทรวงการคลังคนใหม่ก็ขึ้นอยู่กับ รมว.คลังว่าจะดำเนินการเมื่อใด ซึ่งคาดว่าคงไม่ใช้เวลานานนักเนื่องจากต้องให้คนที่มีความสามารถเข้ามาทำหน้าที่ร่วมกันในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 13 มกราคม ป.ป.ช.เคยมีมติชี้มูลความผิดนายศุภรัตน์ นายสมใจนึก เองตระกูล นายสมหมาย ภาษี และนายวีระ ไชยธรรม ในฐานะคณะกรรมการคัดเลือกข้าราชการพลเรือนสามัญ รวมถึงคุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ สมัยเป็นเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (กพ.) กรณีปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยมีความผิดทางวินัยร้ายแรงและความผิดทางอาญาแยกไปแต่ละบุคคล ซึ่งภายหลังนายศุภรัตน์ได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม 3 ครั้ง คุณหญิงทิพาวดียื่นหนังสือขอความเป็นธรรม 4 ครั้ง ป.ป.ช.จึงนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุม ในวันที่ 12 มีนาคม และมีมติให้พิจารณาหนังสือร้องความเป็นธรรมเฉพาะของนายศุภรัตน์ เนื่องจากมีการยื่นพยานหลักฐานเพิ่มเติมเข้ามาหลายรายการ ส่วนใหญ่เป็นเอกสาร โดยให้นายภักดี โพธิศิริ กรรมการ ป.ป.ช.เป็นผู้พิจารณาหลักฐานที่นายศุภรัตน์ยื่นเข้ามา ว่าเป็นหลักฐานใหม่และมีความสำคัญต่อรูปคดีหรือไม่ โดยมีการประชุม 2 ครั้ง จากนั้น ได้นำเข้าสู่ที่ประชุมใน ป.ป.ช.ชุดใหญ่ ที่หลบไปประชุมที่อาคารธนภูมิ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ หลังการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ที่สุด ป.ป.ช.ก็มีมติยืนมติที่ชี้มูลในวันที่ 13 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งตามขั้นตอน มาตรา 92, 93 และ 97 ของ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ.2542 โดยมาตรา 92 และ 93 ให้ผู้บังคับบัญชาลงโทษทางวินัยแก่บุคคลดังกล่าวตามความผิดที่ป.ป.ช.ชี้มูลภายใน 30 วัน และให้ส่งคำสั่งลงโทษกลับมาให้ป.ป.ช.ทราบภายใน 15 วันนับแต่วันที่ออกคำสั่ง
ก่อนหน้านี้ เคยมีการถกเถียงกันว่า ใครเป็นผู้บังตับบัญชานายศุภรัตน์ ระหว่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กับนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ก่อนได้ข้อสรุปว่า นายอภิสิทธิ์ เป็นผู้บังคับบัญชาที่จะต้องพิจารณาบทลงโทษนายศุภรัตน์ ซึ่งโทษมีเพียงปลดออกหรือไล่ออกเท่านั้น โดยหากนายอภิสิทธิ์มีคำสั่ง “ปลดออก” จะไม่ส่งผลต่อบำเหน็จบำนาญของนายศุภรัตน์ แต่หากเป็นการ “ไล่ออก” นอกจากนายศุภรัตน์จะถูกริบบำเหน็จบำนาญแล้ว ยังอาจส่งผลกระทบต่อการริบคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ด้วย
ส่วนมาตรา 97 กรณีที่มีความผิดทางวินัย ให้ป.ป.ช.ส่งรายงาน เอกสาร และความเห็นต่ออัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการส่งฟ้องต่อศาลตามขอบเขตอำนาจ ซึ่งกรณีของนายศุภรัตน์เป็นเพียงศาลอาญาทั่วไป ยังไม่ใช่ศาลอาญาแผนกคดีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อย่างไรก็ตาม หากอัยการสูงสุดเห็นว่า สำนวนของป.ป.ช.ไม่สมบูรณ์สามารถตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างป.ป.ช.กับอัยการเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานกระทั่งสำนวนมีความสมบูรณ์เพียงพอ จากนั้นจึงเข้าสู่กระบวนการส่งฟ้องต่อไป.
***"นริศ" โผล่ชิงดำปลัดคลังคนใหม่
แหล่งข่าวกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า รมว.คลังจะถือโอกาสนี้ปรับเปลี่ยนข้าราชการกระทรวงการคลังครั้งใหญ่ นอกจากจะมีการแต่งตั้งปลัดกระทรวงการคลังคนใหม่ แล้วยังมีการโยกย้ายอธิบดีกรมที่เกี่ยวข้องกับภาษีเพื่อให้การจัดเก็บมีประสิทธิภาพมากขึ้น คาดว่าคนที่มีโอกาสได้รับเลือกเป็นปลัดคลังคนใหม่ คือ นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ รองปลัดกระทรวงการคลัง มีโอกาสมากที่สุด รองลงมาคือนายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รองปลัดกระทรวงการคลัง และนายนริศ ชัยสูตร ผู้ตรวจราชการกระทรวการคลัง.
