ข้าราชการกระทรวงคลังลุ้นระทึก “ศุภรัตน์ ควัฒน์กุล” ยื่นหนังสือ ป.ป.ช. ขอให้ทบทวนกรณีถูกฟันวินัย-อาญ กรณีแต่งตั้ง 4 รองอธิบดีสรรพากร สัปดาห์นี้มีข้อสรุปชี้ขาด เผยแนวโน้ม ป.ป.ช.ยืนมติเดิม "กล้านรงค์" ยอมรับเปิดประชุมทบทวนเพราะเป็นกรณีแรกที่ ป.ป.ช.พิจารณา ระบุกฎหมาย ป.ป.ช.เปิดทางให้กรณีมีพยานหลักฐานใหม่เท่านั้น ขณะที่ชิงดำปลัดคลังคนใหม่ โผไม่พลิก "สถิตย์" ยังขี่ "วิสุทธิ์"
นายกล้านรงค์ จันทิก คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.จะนำเรื่องการยื่นขอความเป็นธรรมของนายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลัง กรณีผิดวินัยร้ายแรงจากการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายในการแต่งตั้งรองอธิบดีกรมสรรพากรในปี 2544 เพื่อให้ ป.ป.ช.ทบทวน จะเข้าที่ประชุมใหญ่ของ ป.ป.ช.ในสัปดาห์นี้
นายกล้านรงค์กล่าวว่า ตามกฎหมายของ ป.ป.ช.คดีใดๆ ก็ตามที่มีการพิจารณาถึงที่สุดแล้วจะไม่สามารถหยิบยกขึ้นมาพิจารณาซ้ำใหม่ได้ เว้นแต่ผู้ที่ถูก ป.ป.ช.ตัดสินความผิดไปแล้วจะหาพยานหรือหลักฐานมาประกอบการยื่นขอความเป็นธรรมว่าไม่ได้กระทำการทุจริตตามที่ถูกกล่าวหามายืนยัน ซึ่ง ป.ป.ช.ก็จะนำมาพิจารณา เนื่องจากเห็นว่าเรื่องนี้ถือเป็นกรณีแรกที่เกิดขึ้นจำเป็นต้องพิจารณาตามหลักฐานประกอบที่ยื่นเข้ามาใหม่
“ปกติเรื่องนี้ถือว่าสิ้นสุดแล้วกฎหมายก็ไม่เปิดทางให้ยื่นอุทธรณ์หรือร้องขอความเป็นธรรมได้ ซึ่งหากการพิจารณาการยื่นขอความเป็นธรรมแล้วพบว่าพยานหรือหลักฐานที่ยื่นประกอบเข้ามาใหม่นั้นไม่สามารถรับฟังได้ ผลการตัดสินก็คงต้องเป็นไปตามที่คณะกรรมการป.ป.ช.ชี้ขาดในครั้งแรก ส่วนขั้นตอนการออกจากราชการนั้นขึ้นอยู่กับหน่วยงานต้นสังกัดจะเป็นผู้พิจารณา” นายกล้านรงค์กล่าว
ทั้งนี้ นายศุภรัตน์ยื่นหนังสือให้ ป.ป.ช.ทบทวนเมื่อเมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา แหล่งข่าวจาก ป.ป.ช.ยอมรับว่า นายศุภรัตน์เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ แต่ในเบื้องต้นก่อนการประชุมครั้งนี้ กรรมการส่วนใหญ่ยังคงเห็นว่า ไม่สามารถกลับมติ ป.ป.ช.ที่ชี้มูลความผิดได้ เนื่องจากมีบรรทัดฐานจากคำตัดสินของศาลปกครองกลางและศาลปกครองสูงสุดค่อนข้างชัดเจนแล้ว
โดยเมื่อวันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมูลความผิดอาญานายศุภรัตน์ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ นอกจากนี้ยังมีมูลความผิดวินัยร้ายแรง ฐานทุจริตต่อ หน้าที่ราชการ กรณีคณะกรรมการคัด เลือกข้าราชการพลเรือนสามัญ เพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนักบริหาร 9 (กระทรวงการคลัง) จึงมีมติให้ส่งรายงานไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อลงโทษทางวินัย และไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญากับผู้ถูกกล่าวหาต่อไป ขณะนี้นายศุภรัตน์อยู่ระหว่างขอลาพักร้อน
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังกล่าวว่า การยื่น ป.ป.ช.ครั้งนี้เป็นที่สนใจของข้าราชการกระทรวงการคลัง เนื่องจากเป็นการชี้อนาคตการทำงานของคนกระทรวงฯ ข้าราชการระดับสูงบางรายเชื่อว่านายศุภรัตน์ยังมีความหวังเนื่องจากมติในเรื่องดังกล่าวที่ออกมา 5 เสียง ต่อ 4 เสียง เท่านั้น แต่ส่วนใหญ่ไม่คิดเช่นนั้น เพราะถ้า ป.ป.ช.จะกลับมติในเรื่องดงักล่าว จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของ ป.ป.ช.เอง
อย่างไรก็ตาม หากการยื่นของความเป็นธรรมของนายศุภรัตน์ต่อ ป.ป.ช.ในครั้งนี้ไม่ประสบผลสำเร็จและต้องออกจากราชการจริงไม่ว่ากรณีใดก็ตาม นายกรณ์จะต้องเร่งแต่งตั้งบุคคลที่มีความสามารถและมีความเหมาะสมมานั่งตำแหน่งปลัดกระทรวงการคลังโดยเร็ว เพราะกระทรวงการคลังต้องการผู้ที่มีความสามารถมาช่วยกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
"สถิตย์" ขี่ "วิสุทธิ์" ชิงเก้าอี้ปลัดใหม่
ซึ่งเท่าที่มีการตรวจสอบรายชื่อผู้ที่เหมาะสมและมีความอาวุโสที่จะเข้ารับตำแหน่งปลัดกระทรวงการคลังที่ว่างลงแทนนายศุภรัตน์มีอยู่ 2 รายคือ นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ซึ่งถือเป็นบุคคลที่มีความใกล้ชิดกับนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม นายวิสุทธิ์เหลืออายุราชการเพียง 8 เดือน เพราะเกษียณราชการในเดือนกันยายนนี้
อีกรายคือนายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายได้ ซึ่งมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับนักการเมืองหลายฝ่าย ไม่เว้นพรรคประชาธิปัตย์ ที่นายสถิตย์ใกล้ชิดกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคฯ และแม้ว่าในช่วงก่อนหน้านี้ภาพที่ออกมาจะใกล้ชิดกับกลุ่มไทยรักไทยเดิมก็ตาม ที่สำคัญนายสถิตย์ยังเหลืออายุราชการมากกว่านายวิสุทธิ์ โดยจะเกษียณในปี 2553 การที่นายสถิตย์มีอายุราชการเหลือกว่า 3 ปี เป็นผลดีต่อการบริหารงานให้มีความต่อเนื่องโดยเฉพาะเรื่องการจัดเก็บรายได้ที่เป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้
“เท่าที่ดูคนที่เหมาสมในกระทรวงการคลังและความอาวุโสแล้วพบว่ามีอยู่เพียง 2 รายนี้เท่านั้น รายอื่นที่ใกล้เคียงคือนายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ก็อาจจะเป็นตัวสอดแทรก แต่ก็มีจุดอ่อนเรื่องอายุและบารมี เพราะนายสมชัยที่มีอายุเพียง 48 ปี ยังไม่เคยผ่านงานอธิบดีกรมจัดเก็บ” แหล่งข่าวกล่าว
รองฯ"สุภา"ชี้ใช้เวลาตัดสิน 45 วัน
นางสาวสุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังยังไม่ได้รับหนังสือกล่าวโทษปลัดอย่างเป็นทางการจาก ป.ป.ช.ซึ่งหากหนังสือดังกล่าวส่งถึงเมื่อแล้วจะส่งเข้าสู่ที่ประชุมของคณะอนุกรรมการกรรมการข้าราชการพลเรือน( อ.กพ.) กระทรวงการคลัง ที่มีนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เป็นประธานให้พิจารณาเรื่องนี้ตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบกระทรวงการคลังต่อไป
โดยระยะเวลาในการดำเนินการเกี่ยวกับกรณีนี้หลังจากที่ได้รับหนังสืออย่างเป็นทางการจาก ป.ป.ช.แล้วจะต้องนำเข้าสู่การพิจารณาของ อ.กพ.คลังภายใน 30 วันเพื่อพิจาณาโทษของนายศุภรัตน์ ตามที่ถูก ป.ป.ช.กล่าวโทษ โดยมี 3 ทางเลือกคือ ให้ออก ปลดออกและไล่ออก และหลังจากขั้นตอนนี้กระทรวงการคลังจะต้องทำหนังสือแจ้งไปยัง ป.ป.ช.ภายใน 15 วันว่าได้ดำเนินการตามคำสั่งของ ป.ป.ช.เรียบร้อยแล้ว ซึ่งรวมระยะเวลาของกระบวนการนี้ทั้งสิ้น 45 วัน
“ขั้นตอนทั้งหมดที่จะพิจารณาหลังหนังสือส่งมาที่คลังจะใช้เวลาทั้งสิ้น 45 วัน และหลังจากนั้นในขั้นตอนการแต่งตั้งปลัดกระทรวงการคลังคนใหม่ก็ขึ้นอยู่กับรมว.คลังว่าจะดำเนินการเมื่อใด ซึ่งคาดว่าคงไม่ใช้เวลานานนักเนื่องจากต้องให้คนที่มีความสามารถเข้ามาทำหน้าที่ร่วมกันในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ” นางสาวสุภากล่าว
นายกล้านรงค์ จันทิก คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.จะนำเรื่องการยื่นขอความเป็นธรรมของนายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลัง กรณีผิดวินัยร้ายแรงจากการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายในการแต่งตั้งรองอธิบดีกรมสรรพากรในปี 2544 เพื่อให้ ป.ป.ช.ทบทวน จะเข้าที่ประชุมใหญ่ของ ป.ป.ช.ในสัปดาห์นี้
นายกล้านรงค์กล่าวว่า ตามกฎหมายของ ป.ป.ช.คดีใดๆ ก็ตามที่มีการพิจารณาถึงที่สุดแล้วจะไม่สามารถหยิบยกขึ้นมาพิจารณาซ้ำใหม่ได้ เว้นแต่ผู้ที่ถูก ป.ป.ช.ตัดสินความผิดไปแล้วจะหาพยานหรือหลักฐานมาประกอบการยื่นขอความเป็นธรรมว่าไม่ได้กระทำการทุจริตตามที่ถูกกล่าวหามายืนยัน ซึ่ง ป.ป.ช.ก็จะนำมาพิจารณา เนื่องจากเห็นว่าเรื่องนี้ถือเป็นกรณีแรกที่เกิดขึ้นจำเป็นต้องพิจารณาตามหลักฐานประกอบที่ยื่นเข้ามาใหม่
“ปกติเรื่องนี้ถือว่าสิ้นสุดแล้วกฎหมายก็ไม่เปิดทางให้ยื่นอุทธรณ์หรือร้องขอความเป็นธรรมได้ ซึ่งหากการพิจารณาการยื่นขอความเป็นธรรมแล้วพบว่าพยานหรือหลักฐานที่ยื่นประกอบเข้ามาใหม่นั้นไม่สามารถรับฟังได้ ผลการตัดสินก็คงต้องเป็นไปตามที่คณะกรรมการป.ป.ช.ชี้ขาดในครั้งแรก ส่วนขั้นตอนการออกจากราชการนั้นขึ้นอยู่กับหน่วยงานต้นสังกัดจะเป็นผู้พิจารณา” นายกล้านรงค์กล่าว
ทั้งนี้ นายศุภรัตน์ยื่นหนังสือให้ ป.ป.ช.ทบทวนเมื่อเมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา แหล่งข่าวจาก ป.ป.ช.ยอมรับว่า นายศุภรัตน์เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ แต่ในเบื้องต้นก่อนการประชุมครั้งนี้ กรรมการส่วนใหญ่ยังคงเห็นว่า ไม่สามารถกลับมติ ป.ป.ช.ที่ชี้มูลความผิดได้ เนื่องจากมีบรรทัดฐานจากคำตัดสินของศาลปกครองกลางและศาลปกครองสูงสุดค่อนข้างชัดเจนแล้ว
โดยเมื่อวันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมูลความผิดอาญานายศุภรัตน์ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ นอกจากนี้ยังมีมูลความผิดวินัยร้ายแรง ฐานทุจริตต่อ หน้าที่ราชการ กรณีคณะกรรมการคัด เลือกข้าราชการพลเรือนสามัญ เพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนักบริหาร 9 (กระทรวงการคลัง) จึงมีมติให้ส่งรายงานไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อลงโทษทางวินัย และไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญากับผู้ถูกกล่าวหาต่อไป ขณะนี้นายศุภรัตน์อยู่ระหว่างขอลาพักร้อน
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังกล่าวว่า การยื่น ป.ป.ช.ครั้งนี้เป็นที่สนใจของข้าราชการกระทรวงการคลัง เนื่องจากเป็นการชี้อนาคตการทำงานของคนกระทรวงฯ ข้าราชการระดับสูงบางรายเชื่อว่านายศุภรัตน์ยังมีความหวังเนื่องจากมติในเรื่องดังกล่าวที่ออกมา 5 เสียง ต่อ 4 เสียง เท่านั้น แต่ส่วนใหญ่ไม่คิดเช่นนั้น เพราะถ้า ป.ป.ช.จะกลับมติในเรื่องดงักล่าว จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของ ป.ป.ช.เอง
อย่างไรก็ตาม หากการยื่นของความเป็นธรรมของนายศุภรัตน์ต่อ ป.ป.ช.ในครั้งนี้ไม่ประสบผลสำเร็จและต้องออกจากราชการจริงไม่ว่ากรณีใดก็ตาม นายกรณ์จะต้องเร่งแต่งตั้งบุคคลที่มีความสามารถและมีความเหมาะสมมานั่งตำแหน่งปลัดกระทรวงการคลังโดยเร็ว เพราะกระทรวงการคลังต้องการผู้ที่มีความสามารถมาช่วยกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
"สถิตย์" ขี่ "วิสุทธิ์" ชิงเก้าอี้ปลัดใหม่
ซึ่งเท่าที่มีการตรวจสอบรายชื่อผู้ที่เหมาะสมและมีความอาวุโสที่จะเข้ารับตำแหน่งปลัดกระทรวงการคลังที่ว่างลงแทนนายศุภรัตน์มีอยู่ 2 รายคือ นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ซึ่งถือเป็นบุคคลที่มีความใกล้ชิดกับนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม นายวิสุทธิ์เหลืออายุราชการเพียง 8 เดือน เพราะเกษียณราชการในเดือนกันยายนนี้
อีกรายคือนายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายได้ ซึ่งมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับนักการเมืองหลายฝ่าย ไม่เว้นพรรคประชาธิปัตย์ ที่นายสถิตย์ใกล้ชิดกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคฯ และแม้ว่าในช่วงก่อนหน้านี้ภาพที่ออกมาจะใกล้ชิดกับกลุ่มไทยรักไทยเดิมก็ตาม ที่สำคัญนายสถิตย์ยังเหลืออายุราชการมากกว่านายวิสุทธิ์ โดยจะเกษียณในปี 2553 การที่นายสถิตย์มีอายุราชการเหลือกว่า 3 ปี เป็นผลดีต่อการบริหารงานให้มีความต่อเนื่องโดยเฉพาะเรื่องการจัดเก็บรายได้ที่เป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้
“เท่าที่ดูคนที่เหมาสมในกระทรวงการคลังและความอาวุโสแล้วพบว่ามีอยู่เพียง 2 รายนี้เท่านั้น รายอื่นที่ใกล้เคียงคือนายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ก็อาจจะเป็นตัวสอดแทรก แต่ก็มีจุดอ่อนเรื่องอายุและบารมี เพราะนายสมชัยที่มีอายุเพียง 48 ปี ยังไม่เคยผ่านงานอธิบดีกรมจัดเก็บ” แหล่งข่าวกล่าว
รองฯ"สุภา"ชี้ใช้เวลาตัดสิน 45 วัน
นางสาวสุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังยังไม่ได้รับหนังสือกล่าวโทษปลัดอย่างเป็นทางการจาก ป.ป.ช.ซึ่งหากหนังสือดังกล่าวส่งถึงเมื่อแล้วจะส่งเข้าสู่ที่ประชุมของคณะอนุกรรมการกรรมการข้าราชการพลเรือน( อ.กพ.) กระทรวงการคลัง ที่มีนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เป็นประธานให้พิจารณาเรื่องนี้ตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบกระทรวงการคลังต่อไป
โดยระยะเวลาในการดำเนินการเกี่ยวกับกรณีนี้หลังจากที่ได้รับหนังสืออย่างเป็นทางการจาก ป.ป.ช.แล้วจะต้องนำเข้าสู่การพิจารณาของ อ.กพ.คลังภายใน 30 วันเพื่อพิจาณาโทษของนายศุภรัตน์ ตามที่ถูก ป.ป.ช.กล่าวโทษ โดยมี 3 ทางเลือกคือ ให้ออก ปลดออกและไล่ออก และหลังจากขั้นตอนนี้กระทรวงการคลังจะต้องทำหนังสือแจ้งไปยัง ป.ป.ช.ภายใน 15 วันว่าได้ดำเนินการตามคำสั่งของ ป.ป.ช.เรียบร้อยแล้ว ซึ่งรวมระยะเวลาของกระบวนการนี้ทั้งสิ้น 45 วัน
“ขั้นตอนทั้งหมดที่จะพิจารณาหลังหนังสือส่งมาที่คลังจะใช้เวลาทั้งสิ้น 45 วัน และหลังจากนั้นในขั้นตอนการแต่งตั้งปลัดกระทรวงการคลังคนใหม่ก็ขึ้นอยู่กับรมว.คลังว่าจะดำเนินการเมื่อใด ซึ่งคาดว่าคงไม่ใช้เวลานานนักเนื่องจากต้องให้คนที่มีความสามารถเข้ามาทำหน้าที่ร่วมกันในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ” นางสาวสุภากล่าว
