“สดศรี” ปัดวุ่นยัน กกต.ไร้เอี่ยวทำข้อมูลเงินบริจาคของ ปชป.รั่วถึงมือ “ฝ่ายค้าน” พร้อมจี้ “ดีเอสไอ” เร่งส่งเจ้าหน้าที่ร่วมเป็นสักขีพยานเปิด “กล่องเอกสาร” ขู่ถ้าไม่มาเตรียมส่งให้ตำรวจตามหาเจ้าของ ลั่นหากไม่พบสำนวนสอบสวนการกระทำผิด พร้อมตีเอกสารกลับแน่นอน
วานนี้ (24 มี.ค.) นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงกรณีที่ กกต.ทำหนังสือถึงดีเอสไอ เพื่อขอให้ส่งเจ้าหน้าที่มาร่วมเป็นสักขีพยานในการเปิดกล่องเอกสารที่ส่งมาถึง กกต.กรณีให้ตรวจสอบเงินบริจาคพรรคประชาธิปัตย์ และการใช้เงินกองทุนพัฒนาพรรคการเมืองว่า หากภายในวันที่ 25 มี.ค.นี้ ทางดีเอสไอ ยังไม่ส่งเจ้าหน้าที่มาร่วมเป็นสักขีพยาน โดยส่วนตัวคิดว่าจะยังไม่เปิดกล่อง และจะขอให้มีการส่งเรื่องไปที่สถานีตำรวจ เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบว่ากล่องดังกล่าวนั้นเป็นของใคร ฉะนั้นถ้าไม่อยากมากเรื่อง ก็ขอให้รีบส่งเจ้าหน้าที่มา
“เมื่อแจ้งเจ้าของไปแล้วแต่ยังไม่มา เราก็ต้องนำกล่องดังกล่าวไปส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะไม่มีเจ้าของมายืนยัน ที่สำคัญหากมีการเปิดกล่องเอกสารที่ส่งมา กกต.ต้องดูว่ามีสำนวนสรุปการสอบสวนที่ว่าพรรคประชาธิปัตย์กระทำผิดตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง มาให้ กกต.หรือไม่ ถ้าพบว่ามีแค่เพียงสำเนาเช็คใบจดทะเบียนบริษัท แต่ไม่มีการสอบสวนใดๆ มาเลย เราก็ไม่สามารถสรุปประเด็นเสนอ กกต.เพื่อที่จะดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งได้ หากเป็นเช่นนี้เราต้องส่งคืน เพราะ กกต.ไม่ได้มีหน้าที่สรุปสำนวนให้กับหน่วยงานไหน และไม่มีกฎหมายข้อไหนที่เราต้องทำงานให้ใคร” นางสดศรี ระบุ
นางสดศรีกล่าวอีกว่า ขอยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้ที่เอกสารจะหลุดไปจาก กกต. ดังนั้น ประเด็นที่ว่าพรรคเพื่อไทยได้เอกสารไปนั้นมาจากใคร คงไม่มีประเด็นว่าได้จาก กกต. แต่จะได้จากใครนั้น เรายืนยันไม่ได้ มาจนถึงวันนี้กล่องยังผนึกอยู่เหมือนเดิม ซึ่งเราก็ไม่ทราบว่าเหตุใดจึงมีการส่งเอกสารมาให้ กกต.ก่อนวันอภิปราย 1 วัน ถ้าเราเปิดก่อน และมีการกล่าวหาว่าเอกสารหลุดไป เราก็จะถูกมองว่า เอกสารนั้นหลุดไปจาก กกต.ได้ ซึ่งเราก็ไม่ยอมที่จะเดินตามเส้นที่ใครขีดไว้
นางสดศรีกล่าวอีกว่า ที่สุดแล้วหาก กกต.รับดำเนินการเรื่องนี้ก็ต้องตั้งคณะกรรมการชุดใหญ่ขึ้นมาดำเนินการ เพราะมีการเกี่ยวข้องกับกฎหมายหลายฉบับ เช่น กฎหมายตลาดหลักทรัพย์ กฎหมายพรรคการเมือง ซึ่งก็ต้องมีการเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมาจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นดีเอสไอ ทีพีไอ. หรือผู้ถูกกล่าวหา คือ พรรคประชาธิปัตย์ แต่ยอมรับว่าการสอบสวนโดย กกต.ฝ่ายเดียว อาจจะไม่ลึกซึ่งเท่ากับดีเอสไอ ที่มีอำนาจในการเรียกพยานหลักฐานโดยใครไม่มาก็สามารถออกหมายจับได้ ซึ่งถ้ามีการสอบสวนจริง เราคงต้องขอความร่วมมือจากดีเอสไอ ตามที่ได้ระบุข้อความไว้ตามหนังสือปะหน้าที่ส่งมาถึง กกต.ว่า หาก กกต.รับดำเนินการสอบสวน ดีเอสไอก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือ