“ทิวา” ยันสัญญากู้ญี่ปุ่นไม่ขัด รธน. เหตุยังไม่เริ่มกู้

ที่ปรึกษากฎหมายนายกฯ ยันรัฐบาลเจรจาญี่ปุ่นขออนุมัติเงินกู้สร้างรถไฟฟ้าสายสีแดงไม่เข้าข่ายยื่นตีความ ชี้ไม่ขัด รธน. เหตุกระบวนการกู้ยังไม่เริ่ม เผยเตรียมเสนอนายกฯ ดันร่างกฎหมายขั้นตอนและวิธีการจัดทำหนังสือสัญญาปลดแอก ม.190 ท้า “เพื่อแม้ว” ยื่นศาลตีความ

วันนี้ (11 ก.พ.) ที่รัฐสภา นายทิวา เงินยวง ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ และกรรมการที่ปรึกษาด้านกฎหมายนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีสมาชิกพรรคเพื่อไทยจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจและยื่นถอดถอนนายกรัฐมนตรี เนื่องจากอาจเข้าข่ายกระทำผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 190 กรณีเจรจากู้เงินสำหรับใช้ในโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดงจากประเทศญี่ปุ่น โดยยังไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาว่า ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากเป็นเพียงแค่ชั้นการเจรจา รวมทั้งการกู้เงินจากต่างประเทศยังไม่มีการดำเนินการใดๆ

“พรรคเพื่อไทยจะยื่นอภิปราย หรือถอดถอนนายกฯ ก็เป็นสิทธิทำได้ตามรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อยังไม่มีการกู้เกิดขึ้นก็ไม่สามารถดำเนินการได้ หรือแม้จะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความก็ทำไม่ได้ เพราะกรณียังไม่เกิด และยังไม่ใช่ข้อขัดแย้งตามรัฐธรรมนูญ” นายทิวากล่าว

นายทิวากล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม กรณีการทำสัญญากู้เงินต่างประเทศจะเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 190 วรรค 2 ตามที่มี ส.ส.พรรคเพื่อไทย ตั้งข้อสังเกตหรือไม่นั้น ประเด็นดังกล่าวคณะกรรมการที่ปรึกษากฎหมายนายกรัฐมนตรีได้เตรียมเสนอร่าง พ.ร.บ.ขั้นตอนและวิธีการจัดทำหนังสือสัญญา พ.ศ.... ที่ผ่านการพิจารณาในชั้นคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้วเสนอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาก่อนเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี และพิจารณาในสภาฯ ต่อไป

นายทิวากล่าวว่า ร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวเป็นกฎหมายเร่งด่วนที่จะต้องทำให้เสร็จใน 1 ปี แต่ค้างมาในรัฐบาลที่ผ่านมา โดยร่างกฎหมายฉบับนี้จะลดปัญหาข้อจุกจิก หรือกรณีปัญหาซ้ำรอยกับเรื่องบันทึกข้อตกลงในกรณีเขาพระวิหารของรัฐบาลที่ผ่านมา โดยสาระได้ระบุความหมายของหนังสือสัญญา และข้อยกเว้นของสัญญากับต่างประเทศระหว่างรัฐบาลไทย ราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลต่างประเทศ และต่างประเทศ หรือองค์กรระหว่างประเทศว่ามีประเภทใดบ้างที่ได้ข้อยกเว้น อาทิ หนังสือสัญญากู้เงิน ค้ำประกันเงินกู้ที่รัฐบาลไทย ราชอาณาจักรไทย ซึ่งขั้นตอนกฎหมายได้ให้อำนาจไว้เป็นการเฉพาะหรือเป็นการทั่วไป เพราะเป็นกรณีที่มีกฎหมายให้อำนาจดำเนินการเป็นการเฉพาะอยู่แล้ว ดังนั้นการกู้เงินจึงยกเว้น

นอกจากนี้ยังกำหนดให้ ครม.เป็นผู้กำหนดเบื้องต้นว่าหนังสือสัญญาใดเป็นหนังสือสัญญาที่มีผลผูกพันงบประมาณของประเทศอย่างมีนัยสำคัญให้ ครม.เป็นผู้กำหนดตามข้อเสนอแนะของกระทรวงการต่างประเทศ และเมื่อได้แจ้งข้อกำหนดอันใดเป็นหนังสือสัญญาหรือไม่ ให้แจ้งให้ทั้งสองสภาฯ ทราบภายใน 15 วัน หากทั้งสองสภาไม่ได้มีหนังสือทักท้วงให้ประกาศข้อกำหนดนั้นในราชกิจจานุเบกษาและบังคับใช้

“พรรคเพื่อไทยประสงค์จะอภิปรายหรือยื่นถอดถอนเป็นสิทธิ ส.ส.จะอภิปรายก็ได้ หรือจะเข้าชื่อยื่นถอดถอน แต่จะขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ผมคงไม่ก้าวล่วงคำวินิจฉัยศาล แต่เมื่อใดที่กฎหมายฉบับนี้ประกาศใช้บังคับเมื่อใดความชัดเจนจะเกิดขึ้น” นายทิวา กล่าว