ผบ.ทอ.พร้อมให้กำลังใจรัฐบาลทำงาน ยันกองทัพไม่ยุ่งการเมือง แต่ถูกดึงเข้าไปเอง เมื่อโดนนักข่าวถาม ก็แสดงความเห็นในฐานะ ปชช.คนหนึ่ง อาจทำให้นักการเมืองไม่พอใจ หวังรัฐบาลใหม่มุ่งมั่นแก้ปัญหา เอาผลประโยชน์ชาติเป็นที่ตั้ง ย้ำ “ประวิตร”เหมาะนั่งกลาโหม เหตุ รมว.พลเรือน 2 คนก่อน บริหารไม่ราบรื่น
พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ให้สัมภาษณ์ถึงบทบาทของกองทัพอากาศต่อสถานการณ์การเมืองไทยในปี 2552 ว่า การที่มีรัฐบาลที่เป็นพรรคร่วมก็ค่อนข้างจะมีประเด็นต่าง ๆ ที่อาจจะมีอุปสรรคบ้าง แต่เราก็ให้กำลังใจอยากจะเห็นว่าการบริหารงานของนักการเมือง พรรคการเมือง มาร่วมกันจะเห็นได้ว่าปีที่ผ่านมามีอุปสรรคค่อนข้างมาก ดังนั้นเราหวังว่าการเมือง และรัฐบาลที่จะบริหารประเทศต่อไป น่าจะนำบทเรียนดังกล่าวมาปฏิบัติ อะไรที่มันจะเกิดเป็นประเด็นข้อขัดแย้งจนนำมาซึ่งการประท้วงอะไรต่างๆ น่าจะต้องรีบแก้ไข แต่ทหารก็คงจะอยู่บทบาทเดิมคือปฏิบัติหน้าที่ด้านความมั่นคง หากได้รับการร้องขอก็เข้าไปช่วยเหลือในฐานะเจ้าพนักงาน แต่โดยปกติเราก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวอยู่แล้ว
“ปกติกองทัพไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอยู่แล้ว แต่ว่านักการเมืองบางทีพยายามดึงทหารไปยุ่ง ทั้งนี้จุดยืนของกองทัพจะไม่ยุ่งอยู่แล้ว แต่ก็คงหลีกเลี่ยงยาก เพราะเวลาไปงาน หรือร่วมงานพิธีต่างๆ ก็จะมีผู้สื่อข่าวมาสอบถามบ้าง เราก็จะต้องแสดงความคิดเห็นบ้าง แต่เราก็จะต้องระวังเพราะบางทีการแสดงความคิดเห็นในฐานะที่เป็นประชาชนคนหนึ่ง แต่บางคำพูดอาจจะทำให้นักการเมืองไม่พอใจ ก็พยายามเอาประโยคของเราไปต่อเป็นประเด็นออก ซึ่งเราจะต้องพยายามประคับประคองไม่ให้เป็นประเด็นต่อไป” พล.อ.อ.อิทธพร กล่าว
เมื่อถามว่า ปีที่ผ่านมาถือว่าประเทศไทยบอบช้ำไปมาก ในปี 2552 อยากให้รัฐบาลแบบไหนบริหารประเทศ พล.อ.อ.อิทธพร กล่าวว่า รัฐบาลที่มุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาอย่างแท้จริง ไม่ใช่เอาประเด็นการเมืองมาเล่นกัน จะเห็นได้ว่ารัฐธรรมนูญที่ออกมาจะครบ 1 ปีในเดือนกุมภาพันธ์ 2552 แต่การเปิดใช้ก็จะต้องมีการดำเนินการออกกฎหมายลูก โดยจะมีบทเฉพาะกาลว่า ภายใน 1 ปีจะต้องมีการดำเนินการออกกฎหมายลูกตามขั้นตอนต่าง ๆ เพื่อให้รัฐธรรมนูญมีความสมบูรณ์ ตนเคยพูดคุยกับพวกที่เกี่ยวข้องหลายคน เราอยากให้อำนาจบริหาร นิติบัญญัติ ดำเนินการไปเต็มที่ไม่ให้มีปัญหามันก็จะราบรื่น ดังนั้นอำนาจบริหารอย่างไรก็จะต้องพึ่งฝ่ายนิติบัญญัติ ถ้าเผื่อว่ามัวแต่เล่นการเมืองกันไป กฎหมายก็ออกมาไม่ได้ ทุกอย่างก็จะติดขัดกันหมด
เมื่อถามถึงรัฐบาลในใจของผู้บัญชาการทหารอากาศควรเป็นอย่างไร พล.อ.อ.อิทธพร กล่าวว่า รัฐบาลจะต้องบริหารประเทศโดยเอาผลประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชนเป็นที่ตั้ง แต่อยากให้นักการเมืองไม่ได้มุ่งหวังที่จะเอาผลประโยชน์ แต่เรื่องผลประโยชน์มันพูดยาก แต่เราอยากให้บริหารโดยที่ไม่มีความขัดแย้ง เมื่อฝ่ายบริหารนำเรื่องเข้าสภาเรื่องก็ผ่านไปตามระบอบประชาธิปไตย เราไม่อยากให้ทุกอย่างมีความขัดแย้งจนถึงสะดุดบริหารต่อไปไม่ได้
เมื่อถามว่า จะฝากอะไรถึงนักการเมือง เพราะการเข้ามาบริหารประเทศของนักการเมืองจะต้องเข้ามาช่วยเหลือประเทศชาติ และประชาชนอย่างแท้จริงมากกว่าผลประโยชน์ พล.อ.อ.อิทธพร กล่าวว่า ตนคงไม่อยากจะไปแนะนำอะไร เพราะว่านักการเมืองก็เป็นผู้ที่มีความรู้ ทรงเกียรติ และผ่านการเลือกตั้ง ดังนั้นรับปากประชาชนเข้ามาบริหารประเทศ จะต้องทำให้เห็นว่าทำเพื่อประชาชนจริง
เมื่อถามว่า หนักใจหรือไม่ ที่ฝ่ายการเมืองพยายามดึงกองทัพไปเป็นเครื่องมือในการโจมตีของฝ่ายการเมือง พล.อ.อ.อิทธพร กล่าวว่า เรามีการพูดคุยกัน โดยเฉพาะประเด็นที่ว่ากองทัพเข้าไปแทรกแซง ทั้งนี้เหตุการณ์มันมีความต่อเนื่องมาเป็นปี บ้านเมืองเกิดปัญหาวิกฤตต่างๆ กองทัพก็อยู่ในสถานะของเรา เราไม่เคยเข้าไปยุ่ง แต่มีกระแสเรียกร้องว่ากองทัพอยู่เฉยไม่ทำอะไร แต่เราก็แสดงความคิดเห็นออกมาบ้าง แต่ถ้าเหตุการณ์ปกติราบรื่น แต่เหตุการณ์ลุกลามจนทุกอย่างไปไม่ได้หยุดไปหมด ในฐานะที่เราเกี่ยวข้องกับด้านความมั่นคง เราก็เสนอ สิ่งที่เราพูดไปเป็นข้อเสนอแนะว่าแนวทางดังกล่าวใช่ได้หรือไม่ เราไม่ได้ไปบีบบังคับ หรือไปแทรกแซง แต่นักวิชาการก็ให้แสดงความคิดเห็นไม่เฉพาะทหารอย่างเดียว ฉะนั้นนักการเมือง หรือฝ่ายบริหารถ้าท่านเปิดใจกว้างก็น่าจะรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น หากไม่ดีไม่เห็นด้วยก็เป็นสิทธิของท่านที่ไม่ปฏิบัติ เราก็อยู่ในขอบเขตของเรา
เมื่อถามว่า ในปี 2552 กองทัพจะต้องวางบทบาทให้เหมาะสมอย่างไร พล.อ.อ.อิทธพร กล่าวว่า ทุกอย่างอยู่ที่การปฏิบัติ การที่ถูกโยงว่าไปแทรกแซงการเมืองจริงหรือเปล่า ทั้ง ๆ ที่ ผบ.เหล่าทัพ ไม่เคยไปพบนักการเมือง หรือติดต่อใครเลย
เมื่อถามว่า มีเสียงวิจารณ์ตัว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนใหม่ พล.อ.อ.อิทธพร กล่าวว่า ตลอดเวลาที่ท่านรับราชการ จนมาถึงตำแหน่ง ผู้บัญชาการทหารบก และเกษียณไปก็มีอะไรด่างพร้อย อีกอย่างหนึ่งการจัดตั้งรัฐบาลทุกครั้ง พล.อ.ประวิตร ก็มีชื่อติดอยู่ในแคนดิเดตทุกคน ทหารเราไม่แปลกใจ เพราะท่านก็มีความเหมาะสมที่เคยเป็น ผบ.เหล่าทัพมาก่อน มีประสบการณ์ การที่รัฐบาลจะตั้งใครก็จะต้องดูความพร้อม ความเหมาะสมที่จะแก้ปัญหา หรือบริหารงาน โดยเฉพาะทหารที่มี รมว.กลาโหม เป็นพลเรือนถึง 2 คน แต่ที่ผ่านมาก็ไม่ราบรื่น ถ้าเผื่อว่า พล.อ.ประวิตร ที่ทางรัฐบาลได้ให้มาเป็น รมว.กลาโหม ก็คงคิดอย่างรอบคอบแล้วว่า พล.อ.ประวิตรจะดูแล และเข้ากับผู้นำเหล่าทัพได้
เมื่อถามว่า มองกลุ่มก๊วนการเมืองอย่างไร ซึ่งอาจจะส่งผลปัญหาในอนาคต พล.อ.อ.อิทธพร กล่าวว่า เรื่องพรรคการเมือง หรือกลุ่มก๊ก อยู่กับการเมืองไทยมานาน การที่เรามีนักการเมืองมีหลายก๊ก ทำให้พรรคการเมืองไม่เข้มแข็ง ฉะนั้นถ้ามีก๊ก มีหลายกลุ่ม ก็จะมีการเรียกร้องอะไรต่างๆ ก็เลยทำให้สิ่งที่พรรคต่างๆ มาร่วมเป็นรัฐบาล ก็จะต้องมีการเรียกร้องมาก โดยเฉพาะนโยบายที่ตั้งไว้ก็ไม่เป็นไปตามที่ได้แถลงไว้ เราอยากให้การเมืองของประเทศนิ่ง และมีความเข้มแข็ง