“กองทัพ” ออกโรงโต้ข่าวฉาวอยู่เบื้องหลังการจัดตั้งรัฐบาล ยันไร้อำนาจสั่งการบีบ ส.ส.เปลี่ยนขั้ว ระบุชัดต้องการ รมว.กลาโหม ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการทหาร แจงเหตุเพราะอดีตนายกฯ ควบเก้าอี้กลาโหมแค่กดทหารไม่ให้แข็งข้อ ด้าน ตร.สั่งคุมเข้มรับมือ “เสื้อแดง” ก่อเหตุหน้าสภาฯ ซ้ำรอย 15 ธ.ค.
วานนี้ (16 ธ.ค.) พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ว่า เมื่อออกมาในรูปนี้ก็ต้องถือว่าดี และคงต้องปล่อยให้รัฐบาลว่ากันไป แต่ขณะนี้ไม่แน่ใจว่าจะเอาใครมาเป็นรัฐมนตรีกลาโหม ซึ่งโดยส่วนตัวแล้ว อยากได้รัฐมนตรีที่มาจากคนนอก และรู้เรื่องราวของกระทรวงกลาโหม เพราะที่ผ่านมาเรามีนายกฯ ควบตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมมา 2 คนแล้ว ซึ่งเกิดความติดขัดในการทำงานของกระทรวงกลาโหมพอสมควร เนื่องจากนายกฯ มีเรื่องอื่นที่ต้องทำอีกจำนวนมาก จึงไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ เหมือนกับไม่มีความสำคัญเพราะไม่สามารถทำอะไรได้
“ที่ผ่านมานายกฯ ควบตำแหน่ง รมว.กลาโหม เหมือนกับมานั่งคาเอาไว้เพื่อเป็นเกียรติ แต่ไม่ให้ความสำคัญ และทำอะไรไม่ค่อยได้ ฉะนั้นทำให้งานของกระทรวงกลาโหมไม่เดินหน้าเท่าที่ควร แต่ดูเหมือนว่าการควบตำแหน่งกระทรวงกลาโหมนั้นมันง่าย มานั่งควบเอาไว้ ทหารจะได้ไม่หือไม่อืออะไร” พล.อ.อภิชาต กล่าว
เมื่อถามว่า มองรัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ เป็นอย่างไร พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ยังมองไม่ออก เพราะเห็นว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และนายเนวิน ชิดชอบ คงจะเข้าไปดูแลทั้งหมด แล้วเข้าไปจัดการรัฐบาลเสียส่วนใหญ่ ซึ่งตนเชื่อว่า สังคมคงจะมีปัญหาเรื่องการยอมรับในตัวของนายอภิสิทธิ์ แต่ความเป็นจริงก็คงไม่มากนัก อีกทั้งบารมีของนายอภิสิทธิ์ ก็ยังไม่มากเท่าไหร่ คงจะถูกครอบโดยนายสุเทพ และนายเนวิน ซึ่งนายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ก็ไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือได้มากเท่าไหร่
ส่วนกลุ่มคนเสื้อแดงที่ยังไม่ออกมาเคลื่อนไหวนั้น พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า อนาคตไม่รู้ว่าปัญหาจะซ้ำเดิมเหมือนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ออกมาเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาลชุดก่อนหรือไม่ ซึ่งก็คงแก้ไขอะไรไม่ได้ แต่หากทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลมีความเข้มแข็ง ก็อาจจะพอช่วยได้บ้าง ที่สำคัญหากได้ ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยมาร่วมงาน ก็ถือว่าใช้ได้ แม้จะมีเสียงด่ามากหน่อย แต่ก็ถือว่าลงตัว เพราะ ม.ร.ว.จัตุมงคล มีสายสัมพันธ์อันดีกับต่างประเทศ
ส่วนนายอภิสิทธิ์จะถูกโจมตีจากฝ่ายตรงข้าม กรณีการอ้างว่านายอภิสิทธิ์หลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหารนั้น พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นจุดอ่อนอยู่เหมือนกัน แต่ตอนนายอภิสิทธิ์ เขาสมัครเข้าไปเป็นอาจารย์ ร.ร.นายร้อย จปร. ซึ่งรายละเอียดเป็นอย่างไรนั้น ตนยังไม่ได้ศึกษาว่าท้ายที่สุดแล้วเป็นการเลี่ยง หรือหนีทหาร หรือไม่อย่างไร แต่จะขอดูอีกครั้งว่าจะมีปัญหาอะไรอีกหรือไม่
รายงานข่าวแจ้งจากกองบัญชาการกองทัพบกว่า พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมประชุมย่างพร้อมเพรียง
จากนั้น พล.ต.วิศณุ ศรียะพันธ์ รองเจ้ากรมกิจการพลเรือนทหาร ในฐานะโฆษกกองทัพไทย แถลงผลการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพว่า ผู้บัญชาการทหารสูงสุดกล่าวในที่ประชุม ให้ ผบ.เหล่าทัพฟังว่า ให้ทหารทุกคนนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงให้ไว้กับทหารรักษาพระองค์ เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา ใส่เกล้าใส่กระหม่อมมาปฏิบัติตามพระราชดำรัสด้วยความแน่วแน่ตลอดไป เพื่อให้เกิดความมั่นคงในประเทศชาติ
เมื่อถามถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า กองทัพอยู่เบื้องหลังจัดตั้งรัฐบาลนั้น พล.ต.วิศณุ กล่าวว่า พล.อ.อนุพงษ์ เป็นข้าราชการที่มีการบังคับบัญชาตามลำดับชั้น ฉะนั้นจึงไม่มีอำนาจไปสั่งการ หรือเรียกใครมาจัดตั้งรัฐบาล แต่การหารือให้ความคิดเห็นสามารถกระทำได้ และในฐานะที่เคยถูกแต่งตั้งเป็นประธาน คตร.เคยหารือกับหน่วยงานต่างๆ แล้ว เชื่อว่าท่านเป็นสุภาพบุรุษ และไม่มีส่วนจัดตั้งรัฐบาล
ส่วนกรณีที่นายอภิสิทธิ์ได้รับโหวตเป็นนายกฯ นั้น พล.ต.วิศณุ กล่าวว่า การปกครองระบอบประชาธิปไตย จะมีกลุ่มพรรคการเมืองที่มีเสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาล แต่เมื่อเหตุการณ์ผ่านไปไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ จึงเปลี่ยนให้พรรคการเมืองอื่นเข้ามาดำเนินการแทน สุดท้ายก็เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ ดังนั้น การทำงานของรัฐบาลต้องดูต่อ เพราะประชาชนอยากให้ชาติเดินหน้าต่อไป ส่วนผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่ง รมว.กลาโหม นั้น ต้องมีความรู้เกี่ยวกับกองทัพ เชี่ยวชาญ นำพากองทัพไปสู่ความมั่นคง ปฏิบัติภารกิจรักษาอธิปไตย และความมั่นคงของชาติ หมายถึงผู้ใดกองทัพก็สามารถทำงานได้ไม่มีปัญหา ไม่ว่า รมว.กลาโหม จะเป็นใคร
ด้าน พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่มีเสียงวิจารณ์การแต่งตั้ง รมว.กลาโหม คนใหม่ว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับกองทัพ เพราะทหารเป็นข้าราชการประจำ คงไปเลือกใครไม่ได้ กองทัพเป็นกลไกของรัฐ ไม่ว่าใครจะเข้ามา เราก็ทำหน้าที่ของเราอย่างเต็มที่ ส่วนนโยบายการปฏิบัตินั้น ทุกอย่างเป็นแผนงาน ที่สำคัญ เจตนารมณ์ของกองทัพจะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องการเมือง และทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ กองทัพต้องปฏิบัติตามหน้าที่ ไม่ว่าใครจะมา หรือใครจะไป
ส่วนกรณีที่ นปช.จับตารัฐบาล หากมีการแต่งตั้ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ทบ. เป็น รมว.กลาโหม เพราะอาจมีส่วนผลักดันพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ต้องไปถามรัฐบาล กองทัพไม่มีหน้าที่ในการเสนอใครเป็น รมว.กลาโหม หากออกความเห็นยิ่งไม่ดี ทั้งนี้ในที่ประชุมไม่ได้มีการพูดถึงการรับมือกับกลุ่มเสื้อแดงที่จะออกมาต่อต้านรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ รวมถึงกรณีที่มีการระบุว่า นายอภิสิทธิ์หนีทหาร เพราะทางกองทัพไม่ได้มีการพูดถึงเช่นกัน
ขณะที่ พ.ต.อ.ประสบโชค พร้อมมูล ผู้แทนโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยให้ ส.ส.ในการเข้าร่วมแถลงนโยบายของรัฐบาลว่า สตช.ได้ให้กองบัญชาการตำรวจนครบาลออกแผนรองรับไว้แล้ว ซึ่งปกติตำรวจนครบาลเป็นผู้ประเมินสถานการณ์ หากตำรวจไม่เพียงพอ จะร้องขอเพิ่มเติมจากหน่วยอื่นได้ เช่น ตชด. กองปราบ ทั้งนี้ ตำรวจมีความระมัดระวังจะไม่ให้เกิดความสูญเสียเหมือนวันที่ 7 ต.ค. หรือเหตุวุ่นวายหน้ารัฐสภาเมื่อวันที่ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งตำรวจได้บันทึกหลักฐานไว้แล้ว และขอยืนยันว่า ตำรวจจะไม่เลือกปฏิบัติ จะดำเนินการอย่างเท่าเทียมกันแน่นอน