วันจันทร์ที่ 1 ธันวาคม 2551 ผมดูโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ก็ได้เห็นภาพการเตรียมการสวนสนามรักษาพระองค์ที่ซึ่งจะเป็นการถวายสัตย์ปฏิญาณตนของเหล่าทหารรักษาพระองค์ทุกคนที่จะมีขึ้นในวันที่ 2 ธันวาคม พร้อมกับฟังเพลงมาร์ชทหารราชวัลลภ ซึ่งเป็นเสมือนเพลงประจำใจของทหารรักษาพระองค์ทุกคนทุกหน่วยทั่วประเทศ
เนื้อเพลงของมาร์ชทหารราชวัลลภ เตือนให้ทหารรักษาพระองค์ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของทหารหน่วยนี้ เนื่องจากเป็นทหารกองแรกที่ทำให้เกิดการก่อตั้งกองทัพบกของไทยขึ้น และเป็นหน่วยทหารที่ได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมากที่สุดในการถวายความปลอดภัยของทุกพระองค์ในพระราชวงศ์ และให้ทหารทุกคนต้องคำนึงถึงภาระหน้าที่การรักษาพระองค์ของทหารราชวัลลภถึงขั้นต้องถวายชีวิต หากมีภัยใดๆ เช่น การดูหมิ่น ข่มเหง หรือย่ำยีสถาบันพระมหากษัตริย์ เกิดขึ้น ดังเนื้อเพลงตอนหนึ่งกล่าวว่า
“เรา เป็นกองทหารประวัติการก่อเกิด กำเนิดกองทัพบกชาติไทย เราทุกคนภูมิใจได้รับไว้วางพระราชหฤทัย พิทักษ์สมเด็จเจ้าไทย ตลอดในพระวงศ์จักรี
เรา ทหารราชวัลลภรักษาองค์ จักถวายสัตย์ซื่อตรง องค์ราชา ราชินี หากแม้มีภัยพาลอวดหาญ มิเกรงดูหมิ่นข่มเหงย่ำยี จะถวายชีวี มิหวาดหวั่น”
วันที่ 2 ธันวาคม ประชาชนชาวไทยก็ได้รับฟังเพลงนี้โดยทั่วกัน อย่างน้อยก็คงเป็นทำนองเพลง ส่วนจะมีเนื้อร้องหรือไม่ ก็แล้วแต่การจัดเพลงสวนสนามที่แตกต่างกันไปแต่ละปี
การสวนสนามของทหารรักษาพระองค์ทุกปี ถือเป็นงานที่ทหารไทยมีความภาคภูมิใจมาก เพราะได้รับคำชมเชยจากทุกชาติว่า เป็นการสวนสนามของทหารที่สวยงามที่สุดในโลก ไม่มีประเทศใดที่มีสถาบันกษัตริย์แล้วจะจัดการสวนสนามที่ยิ่งใหญ่สวยงามเช่นไทยได้เลย แม้แต่ประเทศเดียว
ที่น่าสนใจก็คือ นายทหารผู้บังคับหน่วยกำลังรบระดับกองพันขึ้นไปทุกกองพันทุกเหล่าทัพ ผู้บัญชาการเหล่าทัพทุกคนจนถึงผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นนายทหารรักษาพระองค์กันทุกคน โดยเฉพาะท่านผู้บัญชาการทหารสูงสุด จะเป็นผู้นำการกล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณของทหารรักษาพระองค์ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินีนาถและพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์เป็นประจำทุกปี
แต่ปีนี้ พ.ศ. 2551 เป็นปีที่สถาบันพระมหากษัตริย์ของไทย ได้รับความทุกข์ระทมอย่างแสนสาหัสจากภัยการบ่อนทำลายและการดูหมิ่นย่ำยีสถาบันมากที่สุดที่เกิดขึ้น นับตั้งแต่มีกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นต้นมา
เหตุที่เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งเกิดจากมีความขัดแย้งทางความคิดที่เกิดขึ้นในสังคมไทย แล้วก็ลามไปถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ ส่วนนี้มีจำนวนมาก แล้วก็กระทำการโดยเปิดเผย ที่สามารถตรวจสอบได้โดยสื่อต่างๆ ทุกประเภท บางส่วนทำเพราะตั้งใจเช่นนั้น แต่ส่วนใหญ่ถูกจูงไปโดยผู้นำกลุ่มซึ่งรับความคิดและรับจ้างมาอีกที
อีกส่วนหนึ่งมีความตั้งใจและจงใจจะล้มล้างสถาบันกษัตริย์โดยตรง ส่วนนี้มีจำนวนไม่กี่คน แต่กระทำการอย่างลับๆ และเป็นส่วนที่ให้ความคิดแก่คนส่วนแรก เพื่อให้เคลื่อนไหวตามแนวทางที่วางแผนไว้
แต่ที่ผมเห็นมาตลอดก็คือ การที่ทหารรักษาพระองค์ โดยเฉพาะนายทหารผู้บังคับบัญชาระดับสูงของหน่วยคุมกำลังรบยังมิได้ให้ความสนใจในหน้าที่ถวายการรักษาความปลอดภัยให้แก่สถาบันพระมหากษัตริย์ ตามคำเตือนในเนื้อร้องของเพลงมาร์ชทหารราชวัลลภเลย
ณ เวลานี้ ท่านเหล่านี้ให้ความสนใจเฉพาะหน้าในเรื่องของการแต่งกายชุดนายทหารราชองครักษ์ให้สวยงามดูมาดเท่ ซึ่งสำหรับคนธรรมดาแล้วชาตินี้ก็ไม่มีโอกาสแต่งกายเช่นนี้ การถวายสัตย์ที่ต้องส่งเสียงเข้ม แสดงออกถึงความเป็นนายใหญ่ของเหล่าทหาร และการสวนสนามของเหล่าทหารหลายสิบกองพันให้ดูเข้มแข็งสวยงามเป็นที่ชื่นชมของผู้ชมทั่วโลก
ทั้งๆ ที่หน้าที่ของท่านที่แท้จริงคือการปกป้องรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วยกำลังคน ด้วยความคิด และด้วยทรัพยากรที่ท่านมีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกำลังพล การข่าว ยุทธการ หรือการส่งกำลังบำรุง และการกระทำที่ต้องแสดงออกถึงความสามารถในการเป็นผู้นำใหญ่ของทหารรักษาพระองค์ทั้งปวง ที่มิยอมให้ผู้ใดบ่อนทำลายสถาบันนี้เป็นอันขาด
คงจำกันได้ที่หลายครั้งในอดีต ที่ผู้บังคับบัญชาหน่วยทหารรักษาพระองค์แสดงฝีมือเหนือชั้นจัดการเด็ดขาดกับผู้ละเมิดสถาบัน แม้แต่เป็นเพียงคำพูดลอยๆ เท่านั้น นับประสาอะไรกับการกระทำและคำพูดที่มีเนื้อหาชัดเจนแจ่มแจ้งของฝ่ายตรงข้ามสถาบันที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกในปัจจุบัน
หากเป็นอดีต คนเหล่านี้คงกลายเป็นเศษธุลีไปนานแล้ว โดยฝีมือของคนที่เป็นผู้นำของทหารรักษาพระองค์ทั้งร่างกายและจิตวิญญาณ
ขณะนี้ ผมสังเกตเห็นว่าผู้นำใหญ่ของเหล่าทหารที่มีหน้าที่รักษาพระองค์ กำลังตกอยู่ในอาการสับสนอย่างมากๆ หรือไม่ก็กำลังรีรออะไรอย่างใดอย่างหนึ่ง
สับสนเรื่องสถานการณ์ว่า การละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ของฝ่ายตรงข้ามยังไม่ค่อยชัดเจนเท่าไร จึงต้องรอว่าเมื่อไรลูกน้องรายงานว่าคนพวกนี้ได้กระทำการชัดเจนเห็นเนื้อเห็นหนังมากกว่าที่เป็นอยู่ แล้วจึงค่อยๆ พิจารณาว่าจะทำอย่างไร
หรือไม่ก็คงสับสนเรื่องหน้าที่ความรับผิดชอบของตน ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่หน้าที่โดยตรง ทหารคงไม่ต้องทำอะไร เพราะเป็นหน้าที่ของตำรวจ อัยการหรือฝ่ายศาลที่จะต้องจัดการเอง หากทหารไปทำเข้า ก็อาจมีความผิดถึงขั้นถูกปลด เพราะทหารไม่มีอำนาจตามกฎหมาย
หรือไม่ก็คงกำลังง่วนอยู่กับการใช้งบประมาณ เพราะปีนี้รัฐบาลใจดี ให้เงินกองทัพมากเหลือเกิน ขณะนี้ยุ่งมากแทบจะใช้เงินไม่ทันอยู่แล้ว ปีหน้าอาจจะถึงกับต้องขอร้องรัฐบาลว่าอย่าให้เงินอย่างนี้อีกเลย
ผมคงไม่ได้กล่าวหาทหารที่มีหน้าที่รักษาพระองค์คนใดคนหนึ่งเป็นพิเศษ
แต่คนมีบุญศักดิ์ใหญ่ เกิดเป็นผู้นำทัพของทหารไทย เป็นราชองครักษ์ มีหน้าที่รักษาพระองค์ราชวงศ์จักรีในชาตินี้ ถวายสัตย์ต่อองค์จอมทัพไทยมาหลายสิบปีแล้ว
อย่าว่าแต่จะถูกปลดออกจากตำแหน่งเลยครับ แม้จะต้องถวายชีวิตก็ต้องยอม
เนื้อเพลงของมาร์ชทหารราชวัลลภ เตือนให้ทหารรักษาพระองค์ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของทหารหน่วยนี้ เนื่องจากเป็นทหารกองแรกที่ทำให้เกิดการก่อตั้งกองทัพบกของไทยขึ้น และเป็นหน่วยทหารที่ได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมากที่สุดในการถวายความปลอดภัยของทุกพระองค์ในพระราชวงศ์ และให้ทหารทุกคนต้องคำนึงถึงภาระหน้าที่การรักษาพระองค์ของทหารราชวัลลภถึงขั้นต้องถวายชีวิต หากมีภัยใดๆ เช่น การดูหมิ่น ข่มเหง หรือย่ำยีสถาบันพระมหากษัตริย์ เกิดขึ้น ดังเนื้อเพลงตอนหนึ่งกล่าวว่า
“เรา เป็นกองทหารประวัติการก่อเกิด กำเนิดกองทัพบกชาติไทย เราทุกคนภูมิใจได้รับไว้วางพระราชหฤทัย พิทักษ์สมเด็จเจ้าไทย ตลอดในพระวงศ์จักรี
เรา ทหารราชวัลลภรักษาองค์ จักถวายสัตย์ซื่อตรง องค์ราชา ราชินี หากแม้มีภัยพาลอวดหาญ มิเกรงดูหมิ่นข่มเหงย่ำยี จะถวายชีวี มิหวาดหวั่น”
วันที่ 2 ธันวาคม ประชาชนชาวไทยก็ได้รับฟังเพลงนี้โดยทั่วกัน อย่างน้อยก็คงเป็นทำนองเพลง ส่วนจะมีเนื้อร้องหรือไม่ ก็แล้วแต่การจัดเพลงสวนสนามที่แตกต่างกันไปแต่ละปี
การสวนสนามของทหารรักษาพระองค์ทุกปี ถือเป็นงานที่ทหารไทยมีความภาคภูมิใจมาก เพราะได้รับคำชมเชยจากทุกชาติว่า เป็นการสวนสนามของทหารที่สวยงามที่สุดในโลก ไม่มีประเทศใดที่มีสถาบันกษัตริย์แล้วจะจัดการสวนสนามที่ยิ่งใหญ่สวยงามเช่นไทยได้เลย แม้แต่ประเทศเดียว
ที่น่าสนใจก็คือ นายทหารผู้บังคับหน่วยกำลังรบระดับกองพันขึ้นไปทุกกองพันทุกเหล่าทัพ ผู้บัญชาการเหล่าทัพทุกคนจนถึงผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นนายทหารรักษาพระองค์กันทุกคน โดยเฉพาะท่านผู้บัญชาการทหารสูงสุด จะเป็นผู้นำการกล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณของทหารรักษาพระองค์ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินีนาถและพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์เป็นประจำทุกปี
แต่ปีนี้ พ.ศ. 2551 เป็นปีที่สถาบันพระมหากษัตริย์ของไทย ได้รับความทุกข์ระทมอย่างแสนสาหัสจากภัยการบ่อนทำลายและการดูหมิ่นย่ำยีสถาบันมากที่สุดที่เกิดขึ้น นับตั้งแต่มีกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นต้นมา
เหตุที่เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งเกิดจากมีความขัดแย้งทางความคิดที่เกิดขึ้นในสังคมไทย แล้วก็ลามไปถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ ส่วนนี้มีจำนวนมาก แล้วก็กระทำการโดยเปิดเผย ที่สามารถตรวจสอบได้โดยสื่อต่างๆ ทุกประเภท บางส่วนทำเพราะตั้งใจเช่นนั้น แต่ส่วนใหญ่ถูกจูงไปโดยผู้นำกลุ่มซึ่งรับความคิดและรับจ้างมาอีกที
อีกส่วนหนึ่งมีความตั้งใจและจงใจจะล้มล้างสถาบันกษัตริย์โดยตรง ส่วนนี้มีจำนวนไม่กี่คน แต่กระทำการอย่างลับๆ และเป็นส่วนที่ให้ความคิดแก่คนส่วนแรก เพื่อให้เคลื่อนไหวตามแนวทางที่วางแผนไว้
แต่ที่ผมเห็นมาตลอดก็คือ การที่ทหารรักษาพระองค์ โดยเฉพาะนายทหารผู้บังคับบัญชาระดับสูงของหน่วยคุมกำลังรบยังมิได้ให้ความสนใจในหน้าที่ถวายการรักษาความปลอดภัยให้แก่สถาบันพระมหากษัตริย์ ตามคำเตือนในเนื้อร้องของเพลงมาร์ชทหารราชวัลลภเลย
ณ เวลานี้ ท่านเหล่านี้ให้ความสนใจเฉพาะหน้าในเรื่องของการแต่งกายชุดนายทหารราชองครักษ์ให้สวยงามดูมาดเท่ ซึ่งสำหรับคนธรรมดาแล้วชาตินี้ก็ไม่มีโอกาสแต่งกายเช่นนี้ การถวายสัตย์ที่ต้องส่งเสียงเข้ม แสดงออกถึงความเป็นนายใหญ่ของเหล่าทหาร และการสวนสนามของเหล่าทหารหลายสิบกองพันให้ดูเข้มแข็งสวยงามเป็นที่ชื่นชมของผู้ชมทั่วโลก
ทั้งๆ ที่หน้าที่ของท่านที่แท้จริงคือการปกป้องรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วยกำลังคน ด้วยความคิด และด้วยทรัพยากรที่ท่านมีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกำลังพล การข่าว ยุทธการ หรือการส่งกำลังบำรุง และการกระทำที่ต้องแสดงออกถึงความสามารถในการเป็นผู้นำใหญ่ของทหารรักษาพระองค์ทั้งปวง ที่มิยอมให้ผู้ใดบ่อนทำลายสถาบันนี้เป็นอันขาด
คงจำกันได้ที่หลายครั้งในอดีต ที่ผู้บังคับบัญชาหน่วยทหารรักษาพระองค์แสดงฝีมือเหนือชั้นจัดการเด็ดขาดกับผู้ละเมิดสถาบัน แม้แต่เป็นเพียงคำพูดลอยๆ เท่านั้น นับประสาอะไรกับการกระทำและคำพูดที่มีเนื้อหาชัดเจนแจ่มแจ้งของฝ่ายตรงข้ามสถาบันที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกในปัจจุบัน
หากเป็นอดีต คนเหล่านี้คงกลายเป็นเศษธุลีไปนานแล้ว โดยฝีมือของคนที่เป็นผู้นำของทหารรักษาพระองค์ทั้งร่างกายและจิตวิญญาณ
ขณะนี้ ผมสังเกตเห็นว่าผู้นำใหญ่ของเหล่าทหารที่มีหน้าที่รักษาพระองค์ กำลังตกอยู่ในอาการสับสนอย่างมากๆ หรือไม่ก็กำลังรีรออะไรอย่างใดอย่างหนึ่ง
สับสนเรื่องสถานการณ์ว่า การละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ของฝ่ายตรงข้ามยังไม่ค่อยชัดเจนเท่าไร จึงต้องรอว่าเมื่อไรลูกน้องรายงานว่าคนพวกนี้ได้กระทำการชัดเจนเห็นเนื้อเห็นหนังมากกว่าที่เป็นอยู่ แล้วจึงค่อยๆ พิจารณาว่าจะทำอย่างไร
หรือไม่ก็คงสับสนเรื่องหน้าที่ความรับผิดชอบของตน ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่หน้าที่โดยตรง ทหารคงไม่ต้องทำอะไร เพราะเป็นหน้าที่ของตำรวจ อัยการหรือฝ่ายศาลที่จะต้องจัดการเอง หากทหารไปทำเข้า ก็อาจมีความผิดถึงขั้นถูกปลด เพราะทหารไม่มีอำนาจตามกฎหมาย
หรือไม่ก็คงกำลังง่วนอยู่กับการใช้งบประมาณ เพราะปีนี้รัฐบาลใจดี ให้เงินกองทัพมากเหลือเกิน ขณะนี้ยุ่งมากแทบจะใช้เงินไม่ทันอยู่แล้ว ปีหน้าอาจจะถึงกับต้องขอร้องรัฐบาลว่าอย่าให้เงินอย่างนี้อีกเลย
ผมคงไม่ได้กล่าวหาทหารที่มีหน้าที่รักษาพระองค์คนใดคนหนึ่งเป็นพิเศษ
แต่คนมีบุญศักดิ์ใหญ่ เกิดเป็นผู้นำทัพของทหารไทย เป็นราชองครักษ์ มีหน้าที่รักษาพระองค์ราชวงศ์จักรีในชาตินี้ ถวายสัตย์ต่อองค์จอมทัพไทยมาหลายสิบปีแล้ว
อย่าว่าแต่จะถูกปลดออกจากตำแหน่งเลยครับ แม้จะต้องถวายชีวิตก็ต้องยอม