xs
xsm
sm
md
lg

“กองทัพ” จี้สติ “เสื้อแดง” ทำเพื่อประเทศชาติ ยันไร้เอี่ยวชักใย รบ.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด
“ทรงกิตติ” ย้ำชัด “ทหาร” ไร้เอี่ยวชักใยจัดตั้งรัฐบาล ก่อนเตือนสติ “เสื้อแดง” ปิดล้อมรัฐสภาทำประเทศชาติถอยหลัง มั่นใจสามารถตอบได้ทุกปัญหาหาก “คณะกรรมาธิการทหาร” ทำหนังสือให้ “กองทัพ” ชี้แจงบทบาททางการเมือง เชื่อปีหน้าฟ้าใหม่ไทยพ้นวิกฤต หาก “ปชช.” ร่วมใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่-ช่วยกันประคับประคองชาติ

วานนี้ (25 ธ.ค.) พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ให้สัมภาษณ์ถึงการรักษาความสงบเรียบร้อยในวันที่ 29 ธ.ค.นี้ หลังกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ประกาศเคลื่อนไปปิดล้อมรัฐสภา ว่า การดำเนินการเป็นหน้าที่ของผู้ที่รักษากฎหมาย หากไม่เพียงพอสามารถร้องขอกำลังได้ ซึ่งเราจะจัดกำลังให้ตามเหมาะสม คิดว่าคนไทยน่าจะช่วยกันนำพาประเทศชาติเดินต่อไป อีกทั้ง 2-3 วันนี้จะขึ้นปีใหม่ แล้วเราจะกลับมาถอยหลังอย่างนี้ จะเป็นอย่างนี้อีกกี่ปี หรือจะให้ลูกหลานเกิดมาท่ามกลางความขัดแย้ง ตนเชื่อมั่นว่า ประเทศไทยมีทรัพยากรให้คนไทยกว่า 60 ล้านคนใช้อย่างพอเพียง หากมีการบริหารจัดการอย่างเหมาะสม ขอให้ช่วยกันคิด พูด และนำไปในสิ่งที่ดี ทั้งนี้ ทหารไม่ได้เข้าข้างใคร ทหารทำงานในหน้าที่ตามบทบาทของกองทัพ

เมื่อถามถึงกลุ่มเสื้อแดง ซึ่งไม่พอใจที่ทหารเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง พล.อ.ทรงกิตติ กล่าวว่า ตลอดเวลาทุกคนมีเหตุผลที่เข้าใจว่า กองทัพทำอย่างโน้น ทำอย่างนี้ตลอดเวลา แต่กองทัพพยายามชี้แจง และอธิบายว่ากองทัพมีจุดยืนที่จะทำงานตามหน้าที่ของเรา เมื่อถามว่า จำเป็นต้องชี้แจงเกี่ยวกับการเข้าไปแทรกแซงการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.ทรงกิตติ กล่าวว่า ไม่เห็นมีใครไปจัดตั้งรัฐบาล ฝ่ายการเมืองเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล

ส่วนทหารพอใจหรือไม่ ที่ได้ทำงานร่วมกับรัฐบาลประชาธิปัตย์ พล.อ.ทรงกิตติ กล่าวว่า ทหารทำงานร่วมกับหลายรัฐบาล ซึ่งทำงานตามหน้าที่ในฐานะข้าราชการประจำ โดยฝ่ายการเมืองก็ดำเนินการทางการเมือง เข้ามาเป็นรัฐบาลในระบอบประชาธิปไตย และมอบนโยบาย ซึ่งกองทัพก็คงดำเนินการตาม ส่วนนโยบายความมั่นคงนั้น ไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลง และตนมั่นใจว่า กองทัพสามารถดำเนินการตามหน้าที่ได้

เมื่อถามถึงกรณีที่คณะกรรมาธิการทหารจะทำหนังสือให้ทางกองทัพชี้แจงบทบาททางการเมือง พล.อ.ทรงกิตติ กล่าวว่า ยังไม่มี และยังไม่เห็นหนังสือ ส่วนการชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการเป็นแนวทางในการปกครองระบอบประชาธิปไตยนั้น ตนเคยชี้แจงคณะกรรมาธิการทหารไปแล้วหลายครั้ง ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องกังวล เพราะเป็นการทำงานในระบบรัฐสภา เราสามารถชี้แจงได้ และตอบปัญหาได้หมดทุกเรื่อง

ต่อข้อถามที่ว่า มีการวิเคราะห์หรือไม่ ว่าเหตุใดทหารจึงถูกโจมตี พล.อ.ทรงกิตติ กล่าวว่า ไม่วิเคราะห์ เพราะ 4 ปีที่ผ่านมาเราถูกโจมตีมาโดยตลอด ซึ่งยังสงสัยอยู่ว่าทำไมหลายฝ่ายจึงชอบวิพากษ์วิจารณ์ทหาร ฉะนั้นขอให้คาดหวังในเรื่องของกองทัพ ให้ทำหน้าที่ในการรักษาอธิปไตย ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ป้องกันประเทศ และทำงานของกองทัพให้สมบูรณ์ให้ดีที่สุด รวมทั้งช่วยเหลือรัฐบาลในการพัฒนาประเทศ และช่วยเหลือประชาชนในการบรรเทาสาธารณภัยต่างๆ

เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มาเป็น รมว.กลาโหม แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลชุดนี้เป็นนอมินีของกองทัพใช่หรือไม่ พล.อ.ทรงกิตติ กล่าวว่า ปัจจุบัน พล.อ.ประวิตร เป็นนักการเมือง ถ้าเป็นเรื่องการเมืองต้องไปถาม รมว.กลาโหม ซึ่งตนเชื่อว่า รมว.กลาโหม ไม่นำกองทัพไปเกี่ยวข้องกับการเมือง เพราะเรื่องการเมืองเป็นเรื่องของการเมือง และกองทัพก็ทำงานไปตามหน้าที่ของกองทัพ ส่วนกรณีที่ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสตร์ รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า กองทัพต้องนิ่ง รัฐบาลจึงจะไปรอดนั้น ตนยืนยันว่า ทหารอยู่นิ่ง และจะทำงานในหน้าที่ของเรา

“ประเทศไทยดำรงอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ เพราะบรรพบุรุษของเรา ประเทศเราเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความก้าวหน้า และมีความเจริญ จึงอยากให้คนไทยเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และร่วมกันประคับประคองประเทศชาติให้เดินต่อไป เพราะเราคงเดินด้วยองค์กรใดองค์กรหนึ่งไม่ได้ แต่หากคนไทยทุกคนร่วมกันทำงานเพื่อประเทศชาติ ทุกคนจะได้ผลประโยชน์จากส่วนรวมอันนั้น คิดว่า ปีหน้าฟ้าใหม่ เราจะเดินไปด้วยกันอย่างสดชื่น และกลับมาเป็นสยามเมืองยิ้มเหมือนเดิม แล้วเราจะอยู่อย่างมีความสุขร่วมกันได้” พล.อ.ทรงกิตติ กล่าว

ด้าน พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กองทัพถูกโจมตีจากฝ่ายการเมือง โดยเฉพาะการวางตัวกับสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน ว่า ผบ.เหล่าทัพ พยายามชี้แจงว่าทหารเราอยากปฏิบัติหน้าที่ในกรอบของเรา ถ้าเราพูดอะไรออกไป บางทีก็เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวในฐานะที่เราเป็นประชาชนคนไทยคนหนึ่ง แต่พอถูกถาม และตอบไป ก็มักจะถูกโยงเป็นประเด็นการเมืองตลอด ซึ่งเรื่องเหล่านี้เราไม่อยากจะถูกมองว่า เราไปก้าวก่าย หรือไปแทรกแซง จนขณะนี้ยังขอยืนยันว่า ทหารเราพยายามปฏิบัติหน้าที่ให้อยู่ในกรอบ ส่วนบางคำถาม เราก็ไม่อยากตอบ เพราะจะถูกดึงไปเป็นประเด็นอีก

เมื่อถามถึงนโยบายของรัฐบาล อาจจะส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติงานของกองทัพหรือไม่ พล.อ.อ.อิทธพร กล่าวว่า ในการปฏิบัติงานนั้น ปกติเราจะปฏิบัติงานตามกรอบ และมีขอบเขตอำนาจหน้าที่ของกองทัพอยู่แล้ว แต่การสั่งการของทางรัฐบาล ก็จะต้องดูด้วยว่า การปฏิบัตินั้นๆ อยู่นอกขอบเขตหรือไม่ ถ้าอยู่นอกขอบเขต ก็สามารถชี้แจงเหตุผลได้ ไม่ใช่ว่าเราจะไม่ปฏิบัติตาม แต่ถึงอย่างไรเราก็จะต้องปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลอยู่แล้ว

ส่วนท่าทีของกองทัพที่ปฏิบัติกับรัฐบาลชุดนี้ ต่างกับท่าทีที่ปฏิบัติกับรัฐบาลชุดที่ผ่านมาหรือไม่นั้น พล.อ.อ.อิทธพร กล่าวว่า จะเห็นได้ว่ารัฐบาลเพิ่งได้รับการโปรดเกล้าฯ และถวายสัตย์ปฏิญาณ ยังไม่ได้เข้าแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ฉะนั้นเราคงจะต้องปล่อย และเปิดโอกาสให้รัฐบาลบริหารประเทศ ซึ่งที่ผ่านมา จะเห็นว่ามันเกิดเหตุการณ์ที่มีความขัดแย้งค่อนข้างรุนแรง ฉะนั้นสิ่งที่ผู้นำเหล่าทัพพูดออกไป ก็คงเป็นเพราะอยู่ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของความมั่นคง เพราะเมื่อเกิดเหตุการณ์วิกฤต แล้วถ้ายังปล่อยให้ดำเนินต่อไป ก็จะเกิดปัญหามาก ดังนั้นเราก็จะต้องแสดงความคิดเห็น แต่เราไม่ได้แทรกแซงทางการเมือง ที่สำคัญ จะต้องให้รัฐบาลใหม่บริหารประเทศ และถ้ามีปัญหา หรือเกิดอะไรที่เป็นอุปสรรคในช่วงนั้น ก็คงจะต้องดูว่าทหารจะไปช่วยเหลือประเด็นไหนได้บ้าง

ส่วนกระแสข่าวเรื่องฝ่ายการเมืองพยายามกดดันกองทัพ ให้สนับสนุนรัฐบาลในการบริหารประเทศนั้น พล.อ.อ.อิทธพร กล่าวว่า กองทัพพยายามทำตัวให้อยู่ในบทบาทของเรา ถ้าเขาขอรับการสนับสนุน เราก็ยินดีสนับสนุน แต่ว่าเราก็คงแสดงอะไรที่เป็นฝักเป็นฝ่ายคงไม่ดี เราพยายามทำให้เห็นว่าเราเป็นกลางกับทุกฝ่าย เมื่อถามว่า ยืนยันได้หรือไม่ว่า กองทัพจะไม่ยอมให้รัฐบาลทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพียงเพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเท่านั้น พล.อ.อ.อิทธพร กล่าวว่า ไม่ใช่เฉพาะเหล่าทัพอย่างเดียว แต่ประชาชนคนไทยก็จับตามอง คือ ทุกคนหวังว่าการบริหารราชการของรัฐบาลที่จะเข้าชี้แจงนโยบายวันที่ 29-30 ธ.ค.นี้ ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยจะเปิดโอกาสให้รัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ ถ้าบริหารไม่เรียบร้อย หรือเกิดทุจริตอะไรต่างๆ ก็เป็นความชอบธรรมที่ทุกคนจะต้องออกมาแสดงความคิดเห็น หรือออกมาต่อต้าน

เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่า หาก 3 เดือนกองทัพนิ่งอยู่กับที่ จะทำให้รัฐบาลอยู่บริหารประเทศต่อไปได้นั้น พล.อ.อ.อิทธพร กล่าวว่า คิดว่ากองทัพเราพยายามอยู่นิ่งอยู่ตลอดเวลา เราไม่ได้ไปทำนอกเหนือกรอบ เพราะกองทัพไม่อยากจะถูกดึงให้ไปอยู่กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือเป็นเครื่องมือให้กับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด

เมื่อถามอีกว่า อยากฝากอะไรไปถึงประชาชนคนไทยในช่วงเทศกาลปีใหม่ พล.อ.อ.อิทธพร กล่าวว่า ตอนนี้ความหวังของประชาชน และผลสำรวจต่างๆ จะเห็นว่าดัชนีความสุขเริ่มดีขึ้น เราก็หวังว่าสิ่งที่เราจะได้รับจากในปีใหม่นี้ อยากจะให้ประเทศชาติเดินไปด้วยความสงบเรียบร้อย ไม่อยากพบสิ่งที่เป็นฝันร้ายของคนไทยเหมือนในช่วงเวลาที่ผ่านมา ฉะนั้นตนหวังว่าปีใหม่นี้ คนไทยจะมีความรักความสามัคคี ประเทศชาติจะได้สงบสุข และเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลก ฉะนั้นสิ่งที่อยากฝากไว้คือ จะทำอย่างไรให้คนไทยหันหน้าเข้าหากัน แล้วช่วยกันพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า มีความสงบสุข
กำลังโหลดความคิดเห็น