กกต.นัดชี้คุณสมบัติ “พิเชษฐ” ถูกตัดสิทธิทางการเมืองหรือไม่วันนี้ “สดศรี” ปิดช่องร้องเรียน ปชป.ซื้อใจพรรคร่วมฯ ไม่ส่งผู้สมัครลงชิงพื้นที่ทับซ้อน ชี้ไม่เกี่ยวฮั้วแค่รอมชอม หาทางออกจับขั้วการเมืองใหม่ ยืนยันพร้อมจัดการเลือกตั้งหากมีการยุบสภา
วันนี้ (8 ธ.ค.) ที่อาคารศรีจุลทรัพย์ นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวก่อนการประชุมเพื่อพิจารณาคุณสมบัติกรรมการบริหารพรรคที่ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งว่า วันนี้จะได้ความชัดเจนในเรื่องของจำนวนของ ส.ส.ที่จะต้องถูกเพิกถอนสิทธิที่ยังมีปัญหา โดยเฉพาะกรณีของนายพิเชษฐ ตันเจริญ อดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน ว่าได้ลาออกจากพรรคพลังประชาชนเพื่อไปสมัครพรรคเพื่อแผ่นดินในช่วงที่ นายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่ ทั้งนี้ นายพิเชษฐได้ลาออกจากพรรคพลังประชาชนเมื่อวันที 18 ต.ค.50 ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่นายยงยุทธกระทำความผิด นายพิเชษฐได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคไม่ใช่ลาออกจากการเป็นกรมการบริหารพรรค กกต.จึงต้องพิจารณาถึงคุณสมบัติการเป็นกรรมการบริหารพรรคด้วยหรือไม่ ซึ่งจะได้ขอยุติในวันนี้ อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นายพิเชษฐได้ส่งเอกสารชี้แจงมายัง กกต.แล้วว่าได้ลาออกจากสมาชิกพรรคก่อนที่นายยงยุทธจะกระทำความผิด
นางสดศรี กล่าวว่า ส่วนการรับรองกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ของพรรคเพื่อไทยนั้น ทางพรรคยังไม่ได้ส่งเอกสารชี้การเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรคใหม่ มาให้นายทะเบียนพรรคการเมือง โดยเบื้องต้นนายทะเบียนพรรคต้องตรวจสอบเอกสารตามข้อบังคับพรรค หากถูกต้องก็สามารถรับรองการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย จากนั้นถึงจะถือว่า ได้เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย และสามารถเข้าร่วมประชุมสภาได้
เมื่อถามว่า กรณีที่ผู้ที่ถูกเพิกถอนสิทธิยังเข้ามาเกี่ยวข้อกับทางการเมือง ทั้งที่เจตนาของรัฐธรรมนูญห้ามไว้นั้น นางสดศรี กล่าวว่า ตนคิดว่าการเคลื่อนทางการเมืองนั้นยังสามารถทำได้ เพราะกฎหมายไม่ได้เขียนห้ามเคลื่อนไหวทางการเมือง เพียงแต่เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเท่านั้น
เมื่อถามต่อว่า การเลือกตั้งซ่อนนั้น พรรคประชาธิปัตย์จะไม่ส่งผู้สมัครในพื้นที่เดียวกับพรรคร่วมที่เข้าร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ในการตั้งรัฐบาล ที่หลายฝ่ายมองว่าจะเป็นการฮั้วการเลือกตั้งนั้น นางสดศรี กล่าวว่า สำหรับเรื่องนี้มองได้ทั้งนั้น ซึ่งแล้วแต่ใครจะคิด หากมองว่าไม่ถูกต้องก็ส่งให้ กกต.ตีความได้ ส่วนเรื่องการฮั้วกันนั้น มันเป็นเรื่องที่ยากที่จะนำมาพิจารณาเพื่อตรวจสอบ ซึ่งมองว่าอาจเป็นเรื่องของการออมชอม ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา และสุญญากาศทางการเมือง ต้องดูการเคลื่อนไหวทางการเมืองต่อไป เพราะ กกต.มีหน้าที่เพียงจัดการเลือกตั้ง และทำให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยบริสุทธิ์ยุติธรรมเท่านั้น
เมื่อถามว่า การเปลี่ยนขั้วทางการเมืองจะทำให้การเมืองดีขึ้นหรือไม่ นางสดศรี กล่าวว่า เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลมากกว่า ถ้าทุกอย่างตกลงกันได้ และทำให้ประเทศชาติสงบก็ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าเปลี่ยนขั้วกันแล้วยังเกิดปัญหาความไม่ลงตัวกัน ตนคิดว่าก็คงไม่ราบลื่นส่วนหากเปลี่ยนขั้วทางการเมืองแล้วไม่ราบรื่นจนนำไปสู่การยุบสภา กกต.ก็พร้อมที่จะจัดการเลือกตั้ง คงไม่มีปัญหา
นางสดศรี กล่าวว่า ส.ส.แบบสัดส่วนของพรรคพลังประชาชนที่จะย้ายไปพรรคเพื่อแผ่นดินนั้นจะเกิดปัญหาหรือไม่ มองว่าสำหรับ ส.ส.แบบสัดส่วนของพรรคพลังประชาชนที่ถูกยุบพรรคแล้วจะย้ายไปพรรคเพื่อแผ่นดินนั้น จะเกิดปัญหาหรือไม่ ขณะนี้ 40 ส.ว.ได้ยื่นเรื่องให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้ว ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคงพิจารณาเพื่อให้เกิดความชัดเจนโดยเร็ว ส่วนจะเป็นปัญหาในการเปิดประชุมสภาเพื่อเลือกนายกหรือไม่นั้น เรื่องนี้คงเป็นปัญหา เนื่องจากหากมีการถอนเรื่องออกไปก็คงจะประชุมสภาได้ แต่หากไม่ถอนคงต้องรอให้ศาลพิจารณาให้เสร็จเรียบร้อยก่อน ขณะที่ ส.ส.เขตที่ไม่ถูกเพิกถอนสิทธิก็สามารถเข้าประชุมได้
