“ประพันธ์” แนะให้ ส.ส.เข้าชื่อยื่น กกต.ส่งศาล รธน.ตีความสถานะกรณี ส.ส.สัดส่วนย้ายสังกัดพรรคใหม่ได้หรือไม่ ชี้ช่อง ครม.รักษาการณ์สามารถยุบสภาได้ สอนมารยาทแต่ต้องไม่โยกย้ายแต่งตั้งในช่วงนี้ ด้าน “สดศรี” ระบุ ส.ส.สัดส่วนที่ได้เป็น ส.ส.แล้วต้องหาพรรคสังกัดภายใน 60 วัน ได้
วันนี้ (3 ธ.ค.) นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงการเลื่อน ส.ส.สัดส่วนด้วยว่า ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 106 (8) กำหนดว่า ส.ส.สัดส่วนที่ไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรคในลำดับที่จะได้เลื่อนขึ้นมา สามารถไปหาพรรคใหม่สังกัดได้ ส่วนการที่นักวิชาการมองว่าไม่สามารถย้ายพรรคใหม่ได้เพราะพรรคที่สังกัดถูกยุบไปแล้วนั้น ตามเจตนารมณ์ในการร่างรัฐธรรมนูญต้องการให้ประชาชนเลือก ส.ส.สัดส่วนจากพรรคการเมือง แต่ในกรณีนี้ถือว่าเป็นกรณีที่พรรคถูกยุบหรือยกเลิก อย่างไรก็ตาม หากมีข้อสงสัยก็สามารถดำเนินการให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้ โดยใช้จำนวนเสียง ส.ส.เข้าชื่อร้องต่อประธานสภาฯ หรือยื่นเรื่องให้ กกต.ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ
นายประพันธ์ ยังแสดงความห่วงใยในกรณี ส.ส.สัดส่วนที่ได้ลาออกไปก่อนที่จะมีคำสั่งยุบพรรคว่า หากประธานสภาได้เลื่อนลำดับและแต่งตั้งแล้วก็ไม่น่ามีปัญหา แต่หากยังไม่ได้แต่งตั้งคงต้องเป็นดุลพินิจของประธานสภาฯ
นายประพันธ์ ยังกล่าวถึงการทำหน้าที่ของ ครม.รักษาการว่า เมื่อมีรัฐมนตรีเกินกึ่งหนึ่ง คณะรัฐมนตรีก็สามารถปฎิบัติงานต่อไปได้ แต่โดยมารายาทจะต้องไม่แต่งตั้งโยกย้ายหรืออนุมัติโครงการใหญ่ๆ ที่มีงบประมาณจำนวนมากๆ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีและ ครม.รักษาการสามารถยุบสภาได้
นายประพันธ์ ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นกรณีที่นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทยน้อยใจที่พรรคถูกยุบ เนื่องจากเรื่องดังกล่าวศาลได้ตัดสินแล้ว ที่ผ่านมา กกต.ก็ได้พิจารณาโดยยึดพยานหลักฐาน ไม่ได้มีการตั้งธงเรื่องยุบพรรคไว้ก่อน
ด้าน นางสดศรี สัตยธรรม กกต.กล่าวว่า ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 20 กรณีพรรคการเมืองสิ้นภาพตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ ส.ส.ในพรรคนั้นจะต้องหาพรรคสังกัดภายใน 60 วัน รวมถึงกรณี ส.ส.สัดส่วน ซึ่งก็เห็นเหมือนกันนายเสรี สุวรรณภานนท์ รองประธาน ส.ส.ร.ที่สามารถย้ายพรรคได้ เพราะตามรัฐธรรมนูญมาตรา 106 (8) เรื่องการย้ายพรรคไม่ได้กำหนดเฉพาะ ส.ส.เขตหรือสัดส่วน แต่เขียนแบบรวมๆ ซึ่งก็ชัดเจนแล้ว ไม่อยากให้เพิ่มข้อความในกฎหมาย แต่ยอมรับว่ากฎหมายยังมีช่องโหว่ และการที่กฎหมายเปิดโอกาสให้ย้ายพรรคได้อาจทำให้บางพรรคการเมืองมีจำนวน ส.ส.เพิ่มขึ้นโดยไม่ผ่านการเลือกตั้ง และจำนวนพรรคในสภาก็อาจมีจำนวนมากขึ้น