ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 14.25 น. วานนี้ (25 พ.ย.) พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นแกนนำอดีตนายทหาร จปร.7 แถลงภายหลังยื่นหนังสือลาออกจาก การเป็น ส.ส. ต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรว่าต้องขอโทษหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ทุกคน ยืนยันว่าไม่มีความขัดแย้งกับทางพรรค เพราะได้แจ้งให้นายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคฯทราบเรียบร้อยแล้ว ซึ่งทั้ง2 คนก็เข้าใจ ที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ให้เกรียติ ซึ่งต้องขอโทษที่ไม่ได้แจ้งถึงสาเหตุการลาออก ให้สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ให้ทราบล่วงหน้า
ขอขอบคุณทุกคนที่ให้ความเป็นมิตร ความรัก ความรู้ และโอกาส แต่ก็เป็น ความคิดของผมที่ตั้งใจจะทำงานให้บ้านเมืองมานานแล้ว แต่การทำงานในระบบรัฐสภาไม่สามารถแก้ปัญหาให้กับประเทศชาติได้ และปัญหาสำคัญที่ทำให้ผมตัดสินใจลาออกคือกรณีการเสียดินแดนเขาพระวิหาร ซึ่งในฐานะที่เป็นทหารเก่าและทหารทุกคนรู้สึกสะเทือนใจในเรื่องนี้มากที่สุด ผมขอฝากให้ทุกคนช่วยกันคิดในเรื่องดังกล่าวด้วย
พล.ต.มนูญกฤต กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีปัญหาการดำเนินการก่อสร้างรัฐสภาใหม่ทั้งที่ไม่ควรสร้างในพื้นที่เกียกกายซึ่งเป็นพื้นที่ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า รัชกาลที่6 ให้กับทหารม้า ขณะที่ประเทศชาติประสบปัญหาวิกติเศรษฐกิจ และรัฐสภาปัจจุบันก็รองรับการทำงานของ ส.ส. ,ส.ว. ทั้งหมดได้ จึงไม่ควรเอางบประมาณจำนวนมากมาทำในขณะนี้
พล.ต.มนูญกฤต กล่าวว่า สภาควรจะเป็นที่แก้ปัญหาของประชาชนแต่วันนี้ ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอะไรได้เลย รัฐบาลก็แก้ปัญหาไม่ได้ จึงคิดว่าการลาออกของตน ไม่กระทบใครเพราะเป็น ส.ส.ระบบสัดส่วน สามารถเลื่อนคนลำดับถัดไปมาทำหน้าที่แทนได้ ไม่ต้องเสียเงินเลือกตั้ง ตนอยากให้นำงบที่จะต้องไปเลือกตั้งซ่อม ไปคัดส.ส.ทั้งระบบใหม่ให้ได้คนดี เข้ามามากๆ จะได้ปรับปรุงการทำงานในระบบรัฐสภาให้ดีขึ้น
ผมมองว่า สภาไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ เพราะมีแต่ความขัดแย้ง ประชาชนไม่ยอมรับโครงสร้าง จึงเกิดปัญหาซ้ำซากสะสมเหมือนฟอสซิล ที่จะทำให้สังคมเสื่อมโทรม และปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมดอยู่ที่สภา จู่ๆ ก็จะมาแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงมีผู้ชุมนุมมาปิดล้อม ทำให้ประชุมสภาไม่ได้ผมจึงคิดว่าไม่ควรอยู่ทำหน้าที่ต่อไปและถ้าสภายังไม่ปรับปรุงแก้ไข ประเทศชาติก็ไปไม่รอดแน่ วันนี้ คนแตกแตกเป็นเสื้อแดง เสื้อเหลือง หากรัฐบาลจะปราบก็ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชนะ แต่จะเป็นรอยร้าวลึกในสังคม สุดท้ายก็จะแพ้ทั้งคู่ และขอพูดไว้ตรงนี้ว่าไม่ว่าฝ่ายใดชนะ จะมีการก่อการร้าย เกิดขึ้นทั่วประเทศถึงสีเหลือชนะ ถามว่าแล้วจะจัดการกลุ่มคนเสื้อแดงได้หรือไม่ เพราะผู้ถืออำนาจรัฐในขณะนี้คือกลุ่มคนเสื้อแดง ดังนั้นจะไม่สามารถแก้ปัญหาได้ถ้าไม่เกิดความปรองดองกัน
ผลักดันสภาปรองดองแก้วิกฤตชาติ
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะวางมือจากงานการเมืองไปทำงานด้านอื่นหรือไม่ พล.ต.มนูญกฤต กล่าวว่า กำลังคิดอยู่ เป็นหนทางที่จะไม่ให้เกิดความสูญเสีย ของทุกฝ่ายและให้ทุกฝ่ายมาปรองดองสามัคคีแก้ปัญหาประเทศร่วมกันโดยการตั้ง สภาปรองดอง ที่ให้ประชาชนทุกฝ่ายยอมรับและให้ทุกภาคส่วนเข้ามา มีส่วนร่วมด้วย รัฐบาลจะลาออกหรือไม่ก็ได้ และรัฐธรรมนูญจะแก้หรือไม่แก้ก็ได้ เพราะขณะนี้เห็นได้ชัดเจนแล้วว่าระบบรัฐสภาไม่สามารถเดินหน้าได้ จึงมีเพียงทางเดียว เท่านั้นคือทุกฝ่ายต้องหันหน้าเข้ามาสร้างความปรองดอง รัฐบาลและฝ่ายค้านควรจะหันหน้าเข้ามาแก้ไขปัญหา
ส่วนในฐานะเป็น อดีตนายทหาร จปร.7 มีการนำแนวคิดนี้ไปหารือกับเพื่อน ร่วมรุ่นอย่างพล.ต. จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือไม่ พล.ต.มนูญกฤต กล่าวว่า ความปรองดองในชาติ ไม่จำเป็นต้องให้ จปร.7 แต่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน และต้องให้ทุกคนมีส่วนร่วมจริงๆ ไม่เกี่ยวว่าจะเป็นบุคคลสำคัญหรือมีชื่อเสียง แต่ประชาชน 63ล้านคนควรจะได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ในครั้งนี้ด้วย
ส่วนจะเรียกร้องให้ ส.ส.คนอื่นลาออกด้วยหรือไม่นั้นพล.ต.มนุญกฤต กล่าวว่า ถ้าคนอื่นเข้าใจถึงเหตุผลของตนว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของทางออกของประเทศ หรือนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของประเทศ อย่าคิดว่าตนเป็น ส.ส. แต่คิดว่า เป็นคนไทยคนหนึ่งที่เป็นจุดเริ่มต้น ถามว่าวิกฤตวันนี้ใครแก้ได้ เมื่อถามว่า แล้วจะทิ้งการเมืองไปเลยหรือ พล.ต.มนุญกฤต กล่าวว่า ตอนนี้ก็อายุมากแล้ว ก็เหลือเวลาอีกไม่เท่าไหร่ เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้มีข่าวว่ามีปัญหาเรื่องสุขภาพ พล.ต.มนุญกฤต กล่าวว่า ไม่มีปัญหาเรื่องสุขภาพแล้ว ยังแข็งแรงดี
เทพเทือกบ่นเสียดายมนูญกฤต
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าได้รับทราบการลาออกจากการเป็น ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ของพล.ต.มนูญกฤตแล้ว ซึ่งมีความรู้สึกเสียดายอย่างยิ่ง ตนรู้จักพล.ต.มนูญกฤตมากว่า 30 ปี นิยมชมชอบ ความเป็นลูกผู้ชายชาติทหารขนานแท้ มีความรัก มีความจริงใจต่อบ้านเมือง ในช่วงระยะเวลาที่มีอยู่ในพรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้ช่วยพรรคมากในเรื่องการระดมหาเสียง เลือกตั้ง ทำให้ภาคกลางพรรคได้ผู้แทนเพิ่มขึ้นหลายจังหวัด แต่ก็เสียดายที่ช่วงหลังที่ท่านมีปัญหาเรื่องสุขภาพก็เลยไม่ได้ทำงานอย่างเต็มที่ แต่ถ้ามีเรื่องสำคัญท่านก็จะมาร่วมประชุม
ผมรู้สึกเห็นใจและเข้าใจต่อเหตุผลของท่าน เพราะ ท่านตั้งใจจะทำหน้าที่ ให้ดีที่สุด รัฐบาลนี้ไม่มีใครจะไปคาดหวังได้ ข้อเสนอที่ท่านอยากให้มี สภาปองดองแห่งชาติ หรือรัฐบาลที่มาจากการมีส่วนร่วมของประชาชน ทุกภาคส่วน เป็นความคิดเห็นที่คล้ายคลึงกันกับที่พวกผมคิดไว้กันอยู่แล้ว จึงขอเป็นกำลังใจให้ท่าน ไม่ว่าท่านจะเลือกทำงานให้กับประเทศชาติ ด้วยวิธีการใดก็ตาม ก็ขอให้ทำสำเร็จ
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ พล.ต.มนูญกฤตลาออกเพราะต้องการให้ ส.ส.คนอื่นและรัฐบาลทำตาม เพื่อจะได้ตั้งสภาปองดองได้ นายสุเทพ กล่าวว่า ลองเอาสิ่งที่ท่านเสนอ ไปคิดกันดูก่อนอาจจะเห็นดีเห็นงามก็ทำตาม แต่ถ้าขัดข้องก็ศึกษากันไป อย่างไรก็ตาม ตนมั่นใจว่า พล.ต.มนูญกฤต ไม่ลาออกไปอยู่พรรคพลังประชาชนและพรรคเพื่อไทย เพราะไม่ใช่แนวทางของพล.ต.มณูกฤตที่ตนรู้จัก
ส่วนพล.ต. มณูกฤต จะไปร่วมกับ พล.ต.จำลองหรือไม่ ในฐานะเป็นอดีต นายทหาร จปรก.7 ด้วยกันนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ตนนึกอยู่ว่าท่านคงจะเลือกแนวทางในการปฏิบัติงานทางการเมือง แนวทางใด แนวทางหนึ่ง ซึ่งหากอยู่ใน พรรคประชาธิปัตย์อาจจะไม่สะดวก ตนคิดเอาเองไม่ได้ถามท่าน และเคารพในการตัดสินใจของท่าน ซึ่งได้คุยกันล่าสุดเมื่อคืนที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้จะเลื่อนขึ้นมาตามลำดับของส.ส.สัดส่วน ต่อจาก พล.ต.มนูญกฤตคือ นพ.บรรพต ต้นธีรวงศ์ อดีตรองเลขาธิการองค์การอาหารและยา(อย.)
ศรีเมือง-ไชยาลาออกจากส.ส.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากก่อนหน้านี้ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ได้เสนอต่อ ที่ประชุมพรรคให้ ส.ส.สัดส่วน ที่เป็นกรรมการบริหารพรรคลาออกจากการเป็น ส.ส. เพื่อเปิดทางให้ผู้ที่อยู่ในลำดับทัดไปได้เลื่อนมาเป็น ส.ส. แทน เนื่องจาก ส.ส.สัดส่วนที่เป็นกรรมการบริหารพรรคอาจถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี หากศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยให้ยุบพรรคกรณี นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง เพราะให้ ส.ส.ของพรรคมีจำนวนเท่าเดิมแล้วย้ายไปสังกัดพรรคเพื่อไทย หลังศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคพลังประชาชน ซึ่งจะทำให้พรรคเพื่อไทยได้เป็นแกนนำในการเป็นรัฐบาลเพื่อต่อสู้ทางการเมืองต่อไปโดยไม่ต้องยุบสภา
ล่าสุด ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชนเริ่มทยอยลาออกแล้ว โดย นายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 15.00 น. วานนี้ (25 พ.ย.) นายศรีเมือง เจริญศิริ รมว.ศึกษาธิการ ส.ส.สัดส่วน กลุ่ม 3 และเป็นกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน ได้ส่งตัวแทน มายื่นหนังสือลาออกจากการเป็น ส.ส.ต่อนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎรแล้ว โดยไม่ได้แจ้งเหตุผล เพียงแต่บอกว่ามีความประสงค์จะลาออก ทั้งนี้จะมีผลตั้งแต่วันที่ 26 พ.ย. เป็นต้นไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบุคคลที่จะเลื่อนขึ้นมาเป็น ส.ส.แทน คือ นายชัยวัฒน์ กุลศักดิ์วิมล
ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 20 พ.ย. นายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.พาณิชย์ ส.ส.สัดส่วน และกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน ได้ยื่นใบลาออกจากการเป็น ส.ส.ต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรแล้ว โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 24 พ.ย.เป็นต้นไป
ขอขอบคุณทุกคนที่ให้ความเป็นมิตร ความรัก ความรู้ และโอกาส แต่ก็เป็น ความคิดของผมที่ตั้งใจจะทำงานให้บ้านเมืองมานานแล้ว แต่การทำงานในระบบรัฐสภาไม่สามารถแก้ปัญหาให้กับประเทศชาติได้ และปัญหาสำคัญที่ทำให้ผมตัดสินใจลาออกคือกรณีการเสียดินแดนเขาพระวิหาร ซึ่งในฐานะที่เป็นทหารเก่าและทหารทุกคนรู้สึกสะเทือนใจในเรื่องนี้มากที่สุด ผมขอฝากให้ทุกคนช่วยกันคิดในเรื่องดังกล่าวด้วย
พล.ต.มนูญกฤต กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีปัญหาการดำเนินการก่อสร้างรัฐสภาใหม่ทั้งที่ไม่ควรสร้างในพื้นที่เกียกกายซึ่งเป็นพื้นที่ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า รัชกาลที่6 ให้กับทหารม้า ขณะที่ประเทศชาติประสบปัญหาวิกติเศรษฐกิจ และรัฐสภาปัจจุบันก็รองรับการทำงานของ ส.ส. ,ส.ว. ทั้งหมดได้ จึงไม่ควรเอางบประมาณจำนวนมากมาทำในขณะนี้
พล.ต.มนูญกฤต กล่าวว่า สภาควรจะเป็นที่แก้ปัญหาของประชาชนแต่วันนี้ ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอะไรได้เลย รัฐบาลก็แก้ปัญหาไม่ได้ จึงคิดว่าการลาออกของตน ไม่กระทบใครเพราะเป็น ส.ส.ระบบสัดส่วน สามารถเลื่อนคนลำดับถัดไปมาทำหน้าที่แทนได้ ไม่ต้องเสียเงินเลือกตั้ง ตนอยากให้นำงบที่จะต้องไปเลือกตั้งซ่อม ไปคัดส.ส.ทั้งระบบใหม่ให้ได้คนดี เข้ามามากๆ จะได้ปรับปรุงการทำงานในระบบรัฐสภาให้ดีขึ้น
ผมมองว่า สภาไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ เพราะมีแต่ความขัดแย้ง ประชาชนไม่ยอมรับโครงสร้าง จึงเกิดปัญหาซ้ำซากสะสมเหมือนฟอสซิล ที่จะทำให้สังคมเสื่อมโทรม และปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมดอยู่ที่สภา จู่ๆ ก็จะมาแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงมีผู้ชุมนุมมาปิดล้อม ทำให้ประชุมสภาไม่ได้ผมจึงคิดว่าไม่ควรอยู่ทำหน้าที่ต่อไปและถ้าสภายังไม่ปรับปรุงแก้ไข ประเทศชาติก็ไปไม่รอดแน่ วันนี้ คนแตกแตกเป็นเสื้อแดง เสื้อเหลือง หากรัฐบาลจะปราบก็ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชนะ แต่จะเป็นรอยร้าวลึกในสังคม สุดท้ายก็จะแพ้ทั้งคู่ และขอพูดไว้ตรงนี้ว่าไม่ว่าฝ่ายใดชนะ จะมีการก่อการร้าย เกิดขึ้นทั่วประเทศถึงสีเหลือชนะ ถามว่าแล้วจะจัดการกลุ่มคนเสื้อแดงได้หรือไม่ เพราะผู้ถืออำนาจรัฐในขณะนี้คือกลุ่มคนเสื้อแดง ดังนั้นจะไม่สามารถแก้ปัญหาได้ถ้าไม่เกิดความปรองดองกัน
ผลักดันสภาปรองดองแก้วิกฤตชาติ
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะวางมือจากงานการเมืองไปทำงานด้านอื่นหรือไม่ พล.ต.มนูญกฤต กล่าวว่า กำลังคิดอยู่ เป็นหนทางที่จะไม่ให้เกิดความสูญเสีย ของทุกฝ่ายและให้ทุกฝ่ายมาปรองดองสามัคคีแก้ปัญหาประเทศร่วมกันโดยการตั้ง สภาปรองดอง ที่ให้ประชาชนทุกฝ่ายยอมรับและให้ทุกภาคส่วนเข้ามา มีส่วนร่วมด้วย รัฐบาลจะลาออกหรือไม่ก็ได้ และรัฐธรรมนูญจะแก้หรือไม่แก้ก็ได้ เพราะขณะนี้เห็นได้ชัดเจนแล้วว่าระบบรัฐสภาไม่สามารถเดินหน้าได้ จึงมีเพียงทางเดียว เท่านั้นคือทุกฝ่ายต้องหันหน้าเข้ามาสร้างความปรองดอง รัฐบาลและฝ่ายค้านควรจะหันหน้าเข้ามาแก้ไขปัญหา
ส่วนในฐานะเป็น อดีตนายทหาร จปร.7 มีการนำแนวคิดนี้ไปหารือกับเพื่อน ร่วมรุ่นอย่างพล.ต. จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือไม่ พล.ต.มนูญกฤต กล่าวว่า ความปรองดองในชาติ ไม่จำเป็นต้องให้ จปร.7 แต่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน และต้องให้ทุกคนมีส่วนร่วมจริงๆ ไม่เกี่ยวว่าจะเป็นบุคคลสำคัญหรือมีชื่อเสียง แต่ประชาชน 63ล้านคนควรจะได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ในครั้งนี้ด้วย
ส่วนจะเรียกร้องให้ ส.ส.คนอื่นลาออกด้วยหรือไม่นั้นพล.ต.มนุญกฤต กล่าวว่า ถ้าคนอื่นเข้าใจถึงเหตุผลของตนว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของทางออกของประเทศ หรือนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของประเทศ อย่าคิดว่าตนเป็น ส.ส. แต่คิดว่า เป็นคนไทยคนหนึ่งที่เป็นจุดเริ่มต้น ถามว่าวิกฤตวันนี้ใครแก้ได้ เมื่อถามว่า แล้วจะทิ้งการเมืองไปเลยหรือ พล.ต.มนุญกฤต กล่าวว่า ตอนนี้ก็อายุมากแล้ว ก็เหลือเวลาอีกไม่เท่าไหร่ เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้มีข่าวว่ามีปัญหาเรื่องสุขภาพ พล.ต.มนุญกฤต กล่าวว่า ไม่มีปัญหาเรื่องสุขภาพแล้ว ยังแข็งแรงดี
เทพเทือกบ่นเสียดายมนูญกฤต
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าได้รับทราบการลาออกจากการเป็น ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ของพล.ต.มนูญกฤตแล้ว ซึ่งมีความรู้สึกเสียดายอย่างยิ่ง ตนรู้จักพล.ต.มนูญกฤตมากว่า 30 ปี นิยมชมชอบ ความเป็นลูกผู้ชายชาติทหารขนานแท้ มีความรัก มีความจริงใจต่อบ้านเมือง ในช่วงระยะเวลาที่มีอยู่ในพรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้ช่วยพรรคมากในเรื่องการระดมหาเสียง เลือกตั้ง ทำให้ภาคกลางพรรคได้ผู้แทนเพิ่มขึ้นหลายจังหวัด แต่ก็เสียดายที่ช่วงหลังที่ท่านมีปัญหาเรื่องสุขภาพก็เลยไม่ได้ทำงานอย่างเต็มที่ แต่ถ้ามีเรื่องสำคัญท่านก็จะมาร่วมประชุม
ผมรู้สึกเห็นใจและเข้าใจต่อเหตุผลของท่าน เพราะ ท่านตั้งใจจะทำหน้าที่ ให้ดีที่สุด รัฐบาลนี้ไม่มีใครจะไปคาดหวังได้ ข้อเสนอที่ท่านอยากให้มี สภาปองดองแห่งชาติ หรือรัฐบาลที่มาจากการมีส่วนร่วมของประชาชน ทุกภาคส่วน เป็นความคิดเห็นที่คล้ายคลึงกันกับที่พวกผมคิดไว้กันอยู่แล้ว จึงขอเป็นกำลังใจให้ท่าน ไม่ว่าท่านจะเลือกทำงานให้กับประเทศชาติ ด้วยวิธีการใดก็ตาม ก็ขอให้ทำสำเร็จ
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ พล.ต.มนูญกฤตลาออกเพราะต้องการให้ ส.ส.คนอื่นและรัฐบาลทำตาม เพื่อจะได้ตั้งสภาปองดองได้ นายสุเทพ กล่าวว่า ลองเอาสิ่งที่ท่านเสนอ ไปคิดกันดูก่อนอาจจะเห็นดีเห็นงามก็ทำตาม แต่ถ้าขัดข้องก็ศึกษากันไป อย่างไรก็ตาม ตนมั่นใจว่า พล.ต.มนูญกฤต ไม่ลาออกไปอยู่พรรคพลังประชาชนและพรรคเพื่อไทย เพราะไม่ใช่แนวทางของพล.ต.มณูกฤตที่ตนรู้จัก
ส่วนพล.ต. มณูกฤต จะไปร่วมกับ พล.ต.จำลองหรือไม่ ในฐานะเป็นอดีต นายทหาร จปรก.7 ด้วยกันนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ตนนึกอยู่ว่าท่านคงจะเลือกแนวทางในการปฏิบัติงานทางการเมือง แนวทางใด แนวทางหนึ่ง ซึ่งหากอยู่ใน พรรคประชาธิปัตย์อาจจะไม่สะดวก ตนคิดเอาเองไม่ได้ถามท่าน และเคารพในการตัดสินใจของท่าน ซึ่งได้คุยกันล่าสุดเมื่อคืนที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้จะเลื่อนขึ้นมาตามลำดับของส.ส.สัดส่วน ต่อจาก พล.ต.มนูญกฤตคือ นพ.บรรพต ต้นธีรวงศ์ อดีตรองเลขาธิการองค์การอาหารและยา(อย.)
ศรีเมือง-ไชยาลาออกจากส.ส.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากก่อนหน้านี้ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ได้เสนอต่อ ที่ประชุมพรรคให้ ส.ส.สัดส่วน ที่เป็นกรรมการบริหารพรรคลาออกจากการเป็น ส.ส. เพื่อเปิดทางให้ผู้ที่อยู่ในลำดับทัดไปได้เลื่อนมาเป็น ส.ส. แทน เนื่องจาก ส.ส.สัดส่วนที่เป็นกรรมการบริหารพรรคอาจถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี หากศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยให้ยุบพรรคกรณี นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง เพราะให้ ส.ส.ของพรรคมีจำนวนเท่าเดิมแล้วย้ายไปสังกัดพรรคเพื่อไทย หลังศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคพลังประชาชน ซึ่งจะทำให้พรรคเพื่อไทยได้เป็นแกนนำในการเป็นรัฐบาลเพื่อต่อสู้ทางการเมืองต่อไปโดยไม่ต้องยุบสภา
ล่าสุด ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชนเริ่มทยอยลาออกแล้ว โดย นายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 15.00 น. วานนี้ (25 พ.ย.) นายศรีเมือง เจริญศิริ รมว.ศึกษาธิการ ส.ส.สัดส่วน กลุ่ม 3 และเป็นกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน ได้ส่งตัวแทน มายื่นหนังสือลาออกจากการเป็น ส.ส.ต่อนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎรแล้ว โดยไม่ได้แจ้งเหตุผล เพียงแต่บอกว่ามีความประสงค์จะลาออก ทั้งนี้จะมีผลตั้งแต่วันที่ 26 พ.ย. เป็นต้นไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบุคคลที่จะเลื่อนขึ้นมาเป็น ส.ส.แทน คือ นายชัยวัฒน์ กุลศักดิ์วิมล
ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 20 พ.ย. นายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.พาณิชย์ ส.ส.สัดส่วน และกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน ได้ยื่นใบลาออกจากการเป็น ส.ส.ต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรแล้ว โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 24 พ.ย.เป็นต้นไป