เลขา ปชป.สั่งเจ้าหน้าที่ ลูกพรรค เก็บของเผ่นหนีออกจากพรรค หลังมีข่าว นปช.ยกพลเตรียมเผา ด้าน เทพไท แนะสามเกลอหัวขวด หยุดปลุกระดมปั่นกระแสวิกฤต ยอมรับสภาพชะตากรรม
วันนี้ (2 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยตัดสินยุบพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย เสร็จสิ้น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ได้มีคำสั่งแจ้งให้เจ้าหน้าที่พรรค และสมาชิกพรรคทั้งหมดเก็บของ และเดินทางออกจากที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ ทันที เพราะได้รับแจ้งว่า กลุ่ม นปช.กำลังเดินทางมาปิดล้อม และอาจมีการเผาพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้ ส.ส.และเจ้าหน้าที่พรรคทุกคนพากันเก็บข้าวของ และทยอยออกจากพรรคด้วยอาการแตกตื่น จากนั้น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของพรรค ได้ปิดประตูทางเข้า-ออก พร้อมกับนำแผงเหล็กมาปิดกั้นตลอดแนวหน้าที่ทำการพรรค ขณะเดียวกัน ได้มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจนครบาลบางซื่อประมาณ 20 นาย มาทำหน้าที่ดูแลสถานการณ์ความเรียบร้อย
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรค ได้เดินทางออกจากที่ทำการพรรคไปก่อนเวลาที่ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยคดียุบพรรค ขณะที่แกนนำพรรคอีกหลายคนไม่ได้เดินทางเข้ามาติดตามชมการถ่ายทอดสด การอ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในคดีดังกล่าว แต่มีเพียง นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค ได้เดินทางเข้ามาพรรคเพียงคนเดียว และได้ขึ้นรถออกจากพรรคไปทันทีที่มีข่าวว่ากลุ่มนปช.ได้มาบุกพรรคประชาธิปัตย์
อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลา 13.30 น.ได้มีกลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 10 คน นั่งรถกระบะมาจอดเยื้องกับที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อสังเกตการณ์ แต่ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจไล่ออกไป เพื่อป้องกันเหตุรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้น ทำให้รถกระบะคันดังกล่าววิ่งออกไปทันที
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวแสดงความเห็นใจพรรคการเมืองที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรค แต่คิดว่า ส.ส.จะได้มีโอกาสตัดสินใจเลือกอนาคตของตัวเอง เช่นเดียวกับคนไทยทั้งประเทศที่เห็นว่าหลังจากนี้ไปปัญหาทุกอย่างจะคลี่คลายลง ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตทางเศรษฐกิจ หรือวิกฤตทางการเมือง คิดว่า น่าจะได้รับการแก้ไข
นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงว่า ตนอยากเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเคารพในคำตัดสินของศาล แม้ว่าอาจจะไม่ถูกใจสมาชิกพรรค และผู้สนับสนุนก็ตาม แต่บ้านเมืองก็มีหลักกฎหมายที่ใช้บังคับ และสถาบันศาลถือเป็นหนึ่งเดียวในอำนาจอธิปไตย ที่ไม่ถูกแทรกแซงจากระบอบทักษิณ อยากจะให้ผู้มีส่วนได้เสียยอมรับกฎแห่งกรรม ว่า กรรมใดใครก่อก็ย่อมได้รับผลกรรมนั้น ไม่อยากให้พรรคการเมืองที่ถูกยุบปลุกระดม ให้สมาชิกผู้สนับสนุนต่อต้านคำตัดสินดังกล่าว และเรียกร้องให้แกนนำ นปช.และผู้จัดรายการความจริงวันนี้ แสดงความรับผิดชอบต่อความเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดง ที่ไปปิดล้อมศาลวันนี้ จะมาปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ เพราะเป็นแกนนำชุดเดียวกับที่เคลื่อนไหวที่ท้องสนามหลวงและลานคนเมือง
นายเทพไท กล่าวว่า ส่วน สามเกลอหัวกลม ที่บอกว่า การปิดล้อมศาลเป็นสิทธิ์ส่วนบุคคล นั้น หากแกนนำไม่ชักใยอยู่เบื้องหลัง หรือสนับสนุนความเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงในวันนี้ย่อมแยกไม่ออกกับความเคลื่อนไหวของกลุ่ม นปช.ภายใต้การรู้เห็นเป็นใจของรัฐบาล ในฐานะเป็นผู้รับผิดชอบกฎหมายกลับมาให้ท้ายกลุ่มคนเสื้อแดงเสียเอง คนที่ต่อต้านศาลในวันนี้ก็เพราะรู้ว่าคำพิพากษาไม่เป็นไปตามที่ตัวเองต้องการ ไม่สามารถแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมได้ เหมือนในยุคที่ระบอบทักษิณเรืองอำนาจ จึงออกมาต่อต้านอย่างรุนแรง
“ในฐานะที่เป็นนักการเมืองด้วยกันก็รู้สึกเห็นใจเพื่อนสมาชิกทั้ง 3 พรรค ที่ต้องชะตากรรมโดนยุบพรรค แต่ต้องแยกแยะความรู้สึกส่วนตัวต่อความผิดถูกชั่วดี ที่เกิดขึ้น คนกระทำความผิดก็จะต้องรับผิดจะหนีความผิดไปไม่ได้ ถ้าชะตากรรมเช่นนี้เกิดขึ้นกับพรรคประชาธิปัตย์ เราก็พร้อมที่จะพิสูจน์ความจริงในศาล และยอมรับคำพิพากษาโดยดุษฎี เพราะอำนาจศาลเป็นเพียงอำนาจเดียวของ 3 อำนาจในระบอบประชาธิปไตยที่ยังหลงเหลืออยู่ ไม่ถูกระบอบทักษิณแทรกแซงครอบงำ คนในระบอบทักษิณก็พยายามที่จะเคลื่อนไหวเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของศาลให้สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของพ.ต.ท.ทักษิณใน การเคลื่อนไหวกดดันอำนาจนิติบัญญัติและอำนาจบริหาร เพราะสองอำนาจนี้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน แต่อำนาจตุลาการทำงานในพระปรมาภิไธยของพระเจ้าอยู่หัว จึงไมได้เกี่ยวข้องกับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดทั้งสิ้น จึงอยากเรียกร้องให้ทุกฝ่ายได้ยอมรับและเคารพการตัดสินของกระบวนการยุติธรรมไทย”
นายเทพไท เผยด้วยว่า แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ได้มีการหารือกันว่าต่อจากนี้ไป สถานการณ์อาจจะรุนแรงมากยิ่งขึ้น เพราะกลุ่มคนจำนวนหนึ่งที่ผิดหวังในคำตัดสินของศาลอาจจะได้รับการปลุกระดม และสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้นในสถานที่ต่างๆ ได้ ที่ทำการพรรคน่าจะเป็นจุดหนึ่งที่จะเป็นเป้าหมายของกลุ่มคนเหล่านี้ เพื่อความไม่ประมาท จึงได้เปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่ของพรรคเดินเลิกงานก่อนเวลาได้ เพื่อป้องกันความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้น แม้ว่าพรรคจะมี รปภ.และเจ้าหน้าที่ตำรวจมาดูแล แต่เกรงว่า กำลังเจ้าหน้าที่จะไม่พอรับกำลังต่อฝูงชนเหล่านี้ได้ จึงได้ทำการปิดที่ทำการพรรคก่อนเวลา ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้เกิดเหตุการณ์ปาประทัดยักษ์ใส่พรรคมาแล้วครั้งหนึ่ง หากไม่ระมัดระวังอย่างเต็มที่แล้วก็อาจจะเกิดเหตุร้ายขึ้นมาอีก จึงไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย และเกิดความสูญเสียใดๆ เกิดขึ้น เมื่อสามารถป้องกันเหตุร้ายที่จะเกิดขึ้นได้ พรรคจึงมีมาตรการป้องกันไว้ก่อนดีกว่าวัวหายแล้วล้อมคอก