“พงศพัศ” ชี้แถลงคดียุบพรรค “พลังประชาชน-ชาติไทย-มัชฌิมาฯ” พรุ่งนี้ไม่มีเหตุวุ่นวาย บอก “ปทีป” ฟิตสั่ง บช.น.จัดกำลังสนธิกับฝ่ายทหาร ดูแลสกัดกั้นไม่ให้ผู้ชุมนุมขัดขวางกระบวนการของศาลเต็มที่ รวมทั้งติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เน้นพูดคุยกับแกนนำทั้ง 2 ฝ่าย เชื่อ 5 ธ.ค.ทุกอย่างจะอยู่ในความสงบเรียบร้อย
วันนี้ (1 ธ.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะประชาสัมพันธ์ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อติดตามสถานการณ์ กล่าวถึงผลการประชุมสถานการณ์ประจำวันซึ่งมี พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ และรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร) เป็นประธานร่วมประชุมกับรอง ผบ.ตร.และผู้ช่วย ผบ.ตร.ว่า การแบ่งงานทุกฝ่ายยังคงเป็นไปตามเดิม รวมทั้งการแต่งตั้งโยกย้ายก็จะไม่มีการดำเนินการขอให้ตำรวจทุกคนอย่าหวั่นไหว และให้ผู้บังคับบัญชาแวะเวียนไปตรวจเยี่ยมตำรวจที่ทำหน้าที่ในการดูแลผู้ชุมนุม รวมทั้งให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความอดทนอดกลั้น
พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวว่า สำหรับวาระการประชุมในวันนี้หลังฟังรายงานสถานการณ์การชุมนุมจาก พล.ต.ท.ฉลอง สนใจ ผบช.ภ.1 และพล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น.ตลอด 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สรุปว่าสถานการณ์ยังทรงตัว แต่ยังมีความกังวลเรื่องการใช้อาวุธสงครามทำร้ายผู้ชุมนุม ซึ่งคดีที่เกิดขึ้นตำรวจอยู่ระหว่างการสืบสวนซึ่งมีความก้าวหน้าไปพอสมควร และตำรวจจะเข้มงวดในการดูแลมากขึ้นเชื่อว่าจะเกิดเหตุน้อยลง
ส่วนเรื่องที่ประชาชนมีความกังวลเรื่องทรัพย์สิน เนื่องจากกำลังตำรวจไปดูแลผู้ชุมนุม พล.ต.ท.พงศพัศ ยืนยันว่า สถิติอาชญากรรมช่วงนี้แนวโน้มลดลงทุกกลุ่ม ซึ่ง พล.ต.อ.ปทีป ก็ได้สั่งการให้ตำรวจที่ไม่เกี่ยวข้องในการดูแลการชุมนุมเพิ่มสายตรวจ และตั้งจุดตรวจเพื่อป้องกันเหตุรวมทั้งตรวจอาวุธที่จะใช้นำมาก่อเหตุทำร้ายผู้ชุมนุม ทั้งพื้นที่นครบาล และภูธรภาค 1 รวม 150 จุด ขอให้ประชาชนที่ผ่านจุดตรวจให้ความร่วมมมือเจ้าหน้าที่ในการตรวจป้องกันเหตุ
พล.ต.ท.พงศพัศ ยังกล่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมว่า ขณะนี้ทั้งฝ่ายพันธมิตรฯ และแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) มีการชุมนุมมากขึ้นทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งตำรวจก็จะเข้าไปดูแลทุกฝ่ายไม่ให้ได้รับอันตราย โดยเฉพาะเมื่อมีการเคลื่อนไหวให้ป้องกันเหตุปะทะทั้ง 2 ฝ่าย จึงวิงวอนให้การชุมนุมเป็นไปด้วยความสงบ ส่วนการเคลื่อไหวทุกกลุ่มอาจมีการเคลื่อนไปยังจุดต่างๆ ก็จะได้ประสานแกนนำทั้ง 2 ฝ่ายให้อยู่ในที่ชุมนุมโดยเฉพาะเวลากลางคืน เพื่อความปลอดภัย เชื่อว่าทุกอย่างจะยังอยู่ในความเรียบร้อยใน 1-2 วันนี้
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดแถลงคดียุบพรรคพลังประชาชน ชาติไทย และมัชฌิมาธิปไตย ในวันพรุ่งนี้ว่า ฝ่ายข่าวสันติบาลรายงานความเคลื่อนไหวว่าขณะนี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหวจากทั้ง 2 ฝ่ายว่าจะเคลื่อนไปที่ศาลรัฐธรรามนูญ อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.ปทีป สั่งการให้ บช.น.จัดกำลังโดยสนธิกำลังกับฝ่ายทหาร เพื่อเข้าไปดูแลสกัดกั้นไม่ให้ผู้ชุมนุมขัดขวางการดำเนินการของศาลอย่างเต็มที่ รวมทั้งติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยพูดคุยกับแกนนำทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งเชื่อว่าวันที่ 5 ธ.ค. ซึ่งเป็นวันสำคัญทุกอย่างจะอยู่ในความสงบเรียบร้อย
ส่วนกรณีที่ พล.ต.ท.สุชาติ เคยออกมากล่าวว่าจะมีการใช้กฎหมายก่อการร้ายดำเนินคดีต่อกลุ่มพันธมิตรฯ พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นการพูดก่อนที่ พล.ต.อ.ปทีป จะมารับหน้าที่ รรท.ผบ.ตร. ซึ่ง พล.ต.อ.ปทีป ยืนยันว่าตำรวจจะดำเนินการตามกรอบกฎหมาย รวมทั้งรัฐบาลก็มีนโยบายให้เจรจาเพื่อยุติการชุมนุมไม่ต้องการให้เสียเลือดเนื้อ เชื่อว่ายังมีหลายช่องทางที่จะดำเนินการให้จบได้
ขณะเดียวกัน ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อเวลา 13.00 น. พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ รอง ผบช.น. และโฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวถึงการดูแลความปลอดภัยศาลรัฐธรรมนูญ ว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา บช.น. มีการประชุมวิดีโอทางไกลผ่านระบบคอนฟอเรนซ์ กับผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งในที่ประชุมได้รับรายงานเหตุที่ตรงกันว่าจะมีกลุ่ม ผู้ที่มีความเห็นขัดแย้งเข้าไปปิดล้อมศาลฯ ก่อความวุ่นวาย เพื่อกดดันไม่ให้ศาลมีการพิจารณาในเรื่องดังกล่าว ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ต.วิทยา รัตนวิชช์ ผบก.น.6 จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ร่วมกับกองบังคับการตำรวจปฏิบัติการพิเศษ ร่วมกับทหาร กว่า 500 นาย เข้าไปดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย บริเวณศาลฯ
พล.ต.ต.สุพร กล่าวต่อว่า บก.น.6 ได้ออกแผนการปฏิบัติรองรับไว้ เนื่องจากต้องนำกำลังอีกส่วนหนึ่งเข้าไปดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของกลุ่มผู้ชุมนุม นปช. ที่ลานคนเมือง ซึ่งก็คาดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่หากมีเหตุการณ์รุนแรงก็จะมีการร้องขอกำลังทหารเข้ามาดูแล ส่วนจะมีการปิดการจราจรหรือไหมนั้น ก็ต้องพิจารณาดูว่า กลุ่มผู้ชุมนุมมีมากน้อยเพียงใดแต่ ขณะนี้ยังไม่มีการปิดจราจรแต่อย่างใด และได้จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรไปอำนวยความสะดวกตามปกติ