นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นในหลายสถานที่ รวมถึงล่าสุดที่เกิดขึ้นกับพรรคประชาธิปัตย์ว่า รัฐบาลมีหน้าที่หาทางเจรจาเพื่อหาข้อยุติโดยไม่มีเงื่อนไข แต่รัฐบาลดูเหมือนไม่ทุกข์ร้อนกับสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น และการที่นาย สมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี เดินสายตลอดเวลาโดยไม่ทราบวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนว่า จะแก้ไขปัญหาของประเทศอย่างไร และกลุ่มคนที่ยังยุจะให้เกิดการทำรัฐประหาร ก็ยังมีอยู่
ส่วนกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ประกาศจะปิดศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อไม่ให้มีการอ่านคำวินิจฉัยยุบพรรคนั้น ทางเจ้าหน้าที่ก็ต้องดูแล ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ต้องถามนายกฯ เพราะนายกฯ พูดถึงการบังคับใช้กฎหมาย แต่ทำไมเวลาที่ผู้สนับสนุนรัฐบาลทำอะไรที่ผิดกฎหมาย กลับเพิกเฉย ตนไม่เข้าใจว่าจะยั่วยุให้เกิดอะไร ซึ่งถึงเวลาที่ทุกฝ่ายต้องปล่อยประโยชน์ของตัวเอง แล้วมาพูดคุยถึงการแก้ปัญหาบ้านเมืองได้แล้ว
สำหรับข้อเสนอของหลายฝ่ายที่จะให้เกิดรัฐบาลแห่งชาตินั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า กระบวนการที่สำคัญก็คือ เราต้องยึดกระบวนการตามรัฐธรรมนูญ เพราะฉะนั้นใครที่มีข้อเสนออะไรแล้วไม่มีความชัดเจนก็ต้องระมัดระวัง เช่น ถ้าไปพูดว่าเอานายกฯที่ไม่เป็นส.ส.จะทำได้อย่างไร เพราะรัฐธรรมนูญไม่ได้เปิดช่องเอาไว้ให้ และตนก็ไม่คิดว่าขณะนี้ควรจะมีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ
"การที่รัฐบาลยังตั้งแง่ไม่ยอมเจรจา ก็ต้องถามว่าท่านทำไปเพื่ออะไร รัฐบาลมีหน้าที่บริหารประเทศให้เดินหน้าไปได้ไม่สร้างความเสียหายให้กับระบบเศรษฐกิจไปมากกว่านี้ อะไรที่จะทำเพื่อลดเงื่อนไขความขัดแย้งได้แล้วนำไปสู่คำตอบ ก็ต้องทำ สำหรับแนวคิดรัฐบาลแห่งชาติจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ ก็ต้องมาคุยกันเพราะคำว่ารัฐบาลแห่งชาติ ความหมายในใจของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน" นายอภิสิทธิ์ กล่าว และว่ารัฐบาลต้องหยุดท่องว่า หากยุบสภาหรือลาออก จะไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่รู้ว่าใครสอนมา เพราะมีแต่ประเทศที่เป็นประชาธิปไตยเท่านั้น ที่ลาออกและยุบสภาได้ ดังนั้นอย่าเอาประโยชน์ตัวเองมาเป็นใหญ่
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณีนายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ ที่เสนอให้นายกฯ เข้าเฝ้าเพื่อทูลฯขอแนวทางในการแก้ไขปัญหานั้น เรื่องนี้ต้องระมัดระวัง เพราะบางฝ่ายได้พยายามดึงสถาบันพระมหากษัตริย์เข้ามาสู่ความขัดแย้งด้วย ซึ่งเราทุกคนต้องช่วยกันปกป้อง ซึ่งหากดูกระบวนความเคลื่อนไหว เราก็จะทราบว่าเป็นฝ่ายไหน
**ปลุกคนไทยต้านอำนาจอันธพาล
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขณะนี้ตนมีเรื่องที่กังวลใจที่ผู้สนับสนุนรัฐบาล ออกมาตำหนิ ประณาม พล.อ.อนุพงษ์ เผาจินดา ผบ.ทบ. และ ผบ.เหล่าทัพ ให้ประชาชนเข้าใจผิดว่า ทหารคิดที่จะปฏิวัติ ซึ่งโดยข้อเท็จจริงพวกเราได้เห็นชัดเจนว่าในช่วงวิกฤต มีเสียงเรียกร้องให้ทหารทำการปฏิวัติ แต่ ผบ.ทบ. และผบ.เหล่าทัพ ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเขาเป็นกองทัพของแผ่นดิน ไม่ได้เข้าข้างใคร วิธีที่การที่ทหารนำมาใช้แก้ปัญหาครั้งนี้ คิดว่า เป็นการที่ประชาชนคนไทยต้องให้การยกย่อง และชื่นชม แทนที่จะใช้กำลัง เพราะเขาเชิญภาคเอกชน นักวิชาการไประดมสมอง ระดมความคิด หาทางออกให้บ้านเมือง ถือเป็นทหารยุคใหม่ เป็นทหารประชาธิปไตยจริงๆ เพราะถ้าเป็นทหารยุคเก่า ไม่ปรึกษาใคร เอากำลังออกมายึดอำนาจไปแล้ว
"ขนาดที่เขาตั้งใจทำงานอย่างนี้ ก็ยังถูกตำหนิ ถูกกดดัน และบริวารของรัฐบาลก็ยังออกมาหาเรื่องเขา มาสร้างขบวนการออกข่าว ด้วยวิธีการต่างๆ ทั้งการพูดผ่านสถานีโทรทัศน์ เอ็นบีที และการทำแถลงการณ์ต่าง ทำให้คนเข้าใจผิด และสิ่งที่ทำให้คนเข้าใจผิด ผมก็ไม่พอใจ กังวลใจอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ผมหนักใจกว่านั้น คือ ดูเหมือนเป็นกระบวนการที่จะให้รัฐบาลใช้อำนาจในการปลดผู้บัญชาการเหล่าทัพ ให้ดูสมเหตุสมผล และมีเหตุผลมากขึ้น ผมขอ ให้จับตามองความเคลื่อนไหวของขบวนการนี้ และถ้าขบวนการนี้ และรัฐบาลไม่มีความชอบธรรม รวมทั้งรัฐบาลที่ไม่เป็นธรรม ไปข่มแหงรังแก ผู้บัญชาการเหล่าทัพ เช่นเดียวกับ ผบ.ตร. คิดว่า คราวนี้ต้องเป็นหน้าที่ของประชาชนทุกคนที่ต้องลุกขึ้นมาปกป้องข้าราชการ ที่เป็นข้าราชการของประชาชน เป็นหน้าที่คนไทยต้องออกมาปกป้อง" นายสุเทพ กล่าว และว่า การปลด ผบ.ตร. เป็นการกระทำแบบอันธพาล ไม่ได้ใช้หลักนิติธรรมปกครองประเทศ
**ลาออกใช้กับรัฐบาลนี้ไม่ได้ผล
ส่วนที่ 40 ส.ว.เสนอให้ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ลาออก เพื่อกดดันของรัฐบาลนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ใช่วิธีการที่จะแก้ปัญหา และเชื่อว่าไม่ได้ผล เพราะหากมีการลาออกก็ต้องมีการเลือกตั้งซ่อม ซึ่งใช้ไม่ได้กับรัฐบาลนี้
ต่อข้อถามถึงกรณีที่กลุ่มนปช.จะปิดล้อมศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อกดดันการพิจารณาคดียุบพรรค นายสุเทพ กล่าวว่า เชื่อในระบบยุติธรรมของประเทศไทย ศาลต่างๆมีคุณภาพ มาตรฐานโลก เป็นที่พึ่งของประชาชนได้ แต่คนพวกนี้เป็นคนที่ทำความผิดแล้วไม่ยอมรับการตัดสินของกระบวนการยุติธรรม จึงได้แสดงปฏิกิริยาตรงกันข้าม ขอให้คนไทยจับตาดู จะได้เห็นธาตุแท้ของคนเหล่านี้ชัดขึ้น และตนเชื่อว่านายกฯจะไม่ห้าม เพราะนายกฯต้องอาศัยกลุ่มคนเหล่านี้ เห็นได้จากสื่อมวลชนที่ไปถ่ายรูปจะเห็นว่ามีแต่กลุ่มคนเสื้อแดงไปอารักขานายกฯ
**สมชายหัวหน้าแก๊งเสื้อแดงตัวจริง
นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี เดินสายไปตามจังหวัดต่างๆว่า ทางที่ดีนายกฯ ควรจะกลับกรุงเทพฯ ได้แล้ว เพราะเป็นศูนย์กลางการบริหารราชการแผ่นดิน ดีกว่าเดินสายไปตามจังหวัดต่างๆ แล้วให้ม็อบเสื้อแดงคุ้มกัน ทำให้คนทั้งประเทศเข้าใจได้ว่า กำลังเดินสายไปตามหัวเมืองเพื่อไปปลุกม็อบ และไปกล่าวร้ายกลุ่มพันธมิตรฯ ว่าเป็นผู้ก่อการร้าย ที่ยึดสนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง และหากนายกฯไม่กลับ กทม. ตนจะตั้งข้อกล่าวหาว่านายกฯ คือหัวหน้าม็อบเสื้อแดงตัวจริง เพราะเห็นจากการไปไหนมาไหน แม้กระทั้งล่าสุดนั่งเครื่องบินจาก จ.อุดรธานีกลับ จ.เชียงใหม่ ก็มีม็อบเสื้อแดงกว่า 100 คน ห้อมล้อมคอยส่งและอารักขาด้วย
"ผมอยากจะถามว่าที่นายกฯไม่กลับกรุงเทพฯ นั้นกลัวอะไร กลัวพี่น้องประชาชน กลัวทหาร หรือกลัวม็อบ ดังนั้น ถ้าคุณสมชายยังดำรงสถานะเป็นนายกฯ ก็ควรแสดงความกล้าหาญ โดยกลับมาบริหารราชการแผ่นดินที่กรุงเทพฯ เพราะศูนย์กลางบริหาราชการแผ่นดินอยู่ที่กทม.ไม่ใช่ที่จ.เชียงใหม่ วันนี้นายกฯเร่ร่อนไปเร่ร่อนมา ซึ่งเป็นพฤติกรรมเหมือนผีตองเหลือง ที่โผล่ตรงนู้นทีตรงนี้ที ผมไม่อยากให้นายกฯมีภาพแบบนี้"นายเทพไท กล่าว
ส่วนกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ประกาศจะปิดศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อไม่ให้มีการอ่านคำวินิจฉัยยุบพรรคนั้น ทางเจ้าหน้าที่ก็ต้องดูแล ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ต้องถามนายกฯ เพราะนายกฯ พูดถึงการบังคับใช้กฎหมาย แต่ทำไมเวลาที่ผู้สนับสนุนรัฐบาลทำอะไรที่ผิดกฎหมาย กลับเพิกเฉย ตนไม่เข้าใจว่าจะยั่วยุให้เกิดอะไร ซึ่งถึงเวลาที่ทุกฝ่ายต้องปล่อยประโยชน์ของตัวเอง แล้วมาพูดคุยถึงการแก้ปัญหาบ้านเมืองได้แล้ว
สำหรับข้อเสนอของหลายฝ่ายที่จะให้เกิดรัฐบาลแห่งชาตินั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า กระบวนการที่สำคัญก็คือ เราต้องยึดกระบวนการตามรัฐธรรมนูญ เพราะฉะนั้นใครที่มีข้อเสนออะไรแล้วไม่มีความชัดเจนก็ต้องระมัดระวัง เช่น ถ้าไปพูดว่าเอานายกฯที่ไม่เป็นส.ส.จะทำได้อย่างไร เพราะรัฐธรรมนูญไม่ได้เปิดช่องเอาไว้ให้ และตนก็ไม่คิดว่าขณะนี้ควรจะมีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ
"การที่รัฐบาลยังตั้งแง่ไม่ยอมเจรจา ก็ต้องถามว่าท่านทำไปเพื่ออะไร รัฐบาลมีหน้าที่บริหารประเทศให้เดินหน้าไปได้ไม่สร้างความเสียหายให้กับระบบเศรษฐกิจไปมากกว่านี้ อะไรที่จะทำเพื่อลดเงื่อนไขความขัดแย้งได้แล้วนำไปสู่คำตอบ ก็ต้องทำ สำหรับแนวคิดรัฐบาลแห่งชาติจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ ก็ต้องมาคุยกันเพราะคำว่ารัฐบาลแห่งชาติ ความหมายในใจของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน" นายอภิสิทธิ์ กล่าว และว่ารัฐบาลต้องหยุดท่องว่า หากยุบสภาหรือลาออก จะไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่รู้ว่าใครสอนมา เพราะมีแต่ประเทศที่เป็นประชาธิปไตยเท่านั้น ที่ลาออกและยุบสภาได้ ดังนั้นอย่าเอาประโยชน์ตัวเองมาเป็นใหญ่
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณีนายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ ที่เสนอให้นายกฯ เข้าเฝ้าเพื่อทูลฯขอแนวทางในการแก้ไขปัญหานั้น เรื่องนี้ต้องระมัดระวัง เพราะบางฝ่ายได้พยายามดึงสถาบันพระมหากษัตริย์เข้ามาสู่ความขัดแย้งด้วย ซึ่งเราทุกคนต้องช่วยกันปกป้อง ซึ่งหากดูกระบวนความเคลื่อนไหว เราก็จะทราบว่าเป็นฝ่ายไหน
**ปลุกคนไทยต้านอำนาจอันธพาล
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขณะนี้ตนมีเรื่องที่กังวลใจที่ผู้สนับสนุนรัฐบาล ออกมาตำหนิ ประณาม พล.อ.อนุพงษ์ เผาจินดา ผบ.ทบ. และ ผบ.เหล่าทัพ ให้ประชาชนเข้าใจผิดว่า ทหารคิดที่จะปฏิวัติ ซึ่งโดยข้อเท็จจริงพวกเราได้เห็นชัดเจนว่าในช่วงวิกฤต มีเสียงเรียกร้องให้ทหารทำการปฏิวัติ แต่ ผบ.ทบ. และผบ.เหล่าทัพ ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเขาเป็นกองทัพของแผ่นดิน ไม่ได้เข้าข้างใคร วิธีที่การที่ทหารนำมาใช้แก้ปัญหาครั้งนี้ คิดว่า เป็นการที่ประชาชนคนไทยต้องให้การยกย่อง และชื่นชม แทนที่จะใช้กำลัง เพราะเขาเชิญภาคเอกชน นักวิชาการไประดมสมอง ระดมความคิด หาทางออกให้บ้านเมือง ถือเป็นทหารยุคใหม่ เป็นทหารประชาธิปไตยจริงๆ เพราะถ้าเป็นทหารยุคเก่า ไม่ปรึกษาใคร เอากำลังออกมายึดอำนาจไปแล้ว
"ขนาดที่เขาตั้งใจทำงานอย่างนี้ ก็ยังถูกตำหนิ ถูกกดดัน และบริวารของรัฐบาลก็ยังออกมาหาเรื่องเขา มาสร้างขบวนการออกข่าว ด้วยวิธีการต่างๆ ทั้งการพูดผ่านสถานีโทรทัศน์ เอ็นบีที และการทำแถลงการณ์ต่าง ทำให้คนเข้าใจผิด และสิ่งที่ทำให้คนเข้าใจผิด ผมก็ไม่พอใจ กังวลใจอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ผมหนักใจกว่านั้น คือ ดูเหมือนเป็นกระบวนการที่จะให้รัฐบาลใช้อำนาจในการปลดผู้บัญชาการเหล่าทัพ ให้ดูสมเหตุสมผล และมีเหตุผลมากขึ้น ผมขอ ให้จับตามองความเคลื่อนไหวของขบวนการนี้ และถ้าขบวนการนี้ และรัฐบาลไม่มีความชอบธรรม รวมทั้งรัฐบาลที่ไม่เป็นธรรม ไปข่มแหงรังแก ผู้บัญชาการเหล่าทัพ เช่นเดียวกับ ผบ.ตร. คิดว่า คราวนี้ต้องเป็นหน้าที่ของประชาชนทุกคนที่ต้องลุกขึ้นมาปกป้องข้าราชการ ที่เป็นข้าราชการของประชาชน เป็นหน้าที่คนไทยต้องออกมาปกป้อง" นายสุเทพ กล่าว และว่า การปลด ผบ.ตร. เป็นการกระทำแบบอันธพาล ไม่ได้ใช้หลักนิติธรรมปกครองประเทศ
**ลาออกใช้กับรัฐบาลนี้ไม่ได้ผล
ส่วนที่ 40 ส.ว.เสนอให้ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ลาออก เพื่อกดดันของรัฐบาลนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ใช่วิธีการที่จะแก้ปัญหา และเชื่อว่าไม่ได้ผล เพราะหากมีการลาออกก็ต้องมีการเลือกตั้งซ่อม ซึ่งใช้ไม่ได้กับรัฐบาลนี้
ต่อข้อถามถึงกรณีที่กลุ่มนปช.จะปิดล้อมศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อกดดันการพิจารณาคดียุบพรรค นายสุเทพ กล่าวว่า เชื่อในระบบยุติธรรมของประเทศไทย ศาลต่างๆมีคุณภาพ มาตรฐานโลก เป็นที่พึ่งของประชาชนได้ แต่คนพวกนี้เป็นคนที่ทำความผิดแล้วไม่ยอมรับการตัดสินของกระบวนการยุติธรรม จึงได้แสดงปฏิกิริยาตรงกันข้าม ขอให้คนไทยจับตาดู จะได้เห็นธาตุแท้ของคนเหล่านี้ชัดขึ้น และตนเชื่อว่านายกฯจะไม่ห้าม เพราะนายกฯต้องอาศัยกลุ่มคนเหล่านี้ เห็นได้จากสื่อมวลชนที่ไปถ่ายรูปจะเห็นว่ามีแต่กลุ่มคนเสื้อแดงไปอารักขานายกฯ
**สมชายหัวหน้าแก๊งเสื้อแดงตัวจริง
นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี เดินสายไปตามจังหวัดต่างๆว่า ทางที่ดีนายกฯ ควรจะกลับกรุงเทพฯ ได้แล้ว เพราะเป็นศูนย์กลางการบริหารราชการแผ่นดิน ดีกว่าเดินสายไปตามจังหวัดต่างๆ แล้วให้ม็อบเสื้อแดงคุ้มกัน ทำให้คนทั้งประเทศเข้าใจได้ว่า กำลังเดินสายไปตามหัวเมืองเพื่อไปปลุกม็อบ และไปกล่าวร้ายกลุ่มพันธมิตรฯ ว่าเป็นผู้ก่อการร้าย ที่ยึดสนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง และหากนายกฯไม่กลับ กทม. ตนจะตั้งข้อกล่าวหาว่านายกฯ คือหัวหน้าม็อบเสื้อแดงตัวจริง เพราะเห็นจากการไปไหนมาไหน แม้กระทั้งล่าสุดนั่งเครื่องบินจาก จ.อุดรธานีกลับ จ.เชียงใหม่ ก็มีม็อบเสื้อแดงกว่า 100 คน ห้อมล้อมคอยส่งและอารักขาด้วย
"ผมอยากจะถามว่าที่นายกฯไม่กลับกรุงเทพฯ นั้นกลัวอะไร กลัวพี่น้องประชาชน กลัวทหาร หรือกลัวม็อบ ดังนั้น ถ้าคุณสมชายยังดำรงสถานะเป็นนายกฯ ก็ควรแสดงความกล้าหาญ โดยกลับมาบริหารราชการแผ่นดินที่กรุงเทพฯ เพราะศูนย์กลางบริหาราชการแผ่นดินอยู่ที่กทม.ไม่ใช่ที่จ.เชียงใหม่ วันนี้นายกฯเร่ร่อนไปเร่ร่อนมา ซึ่งเป็นพฤติกรรมเหมือนผีตองเหลือง ที่โผล่ตรงนู้นทีตรงนี้ที ผมไม่อยากให้นายกฯมีภาพแบบนี้"นายเทพไท กล่าว
