xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” ค้าน “ชาย” ขอคำแนะนำพระราชทาน ชี้ดึงฟ้าต่ำ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคปชป.
หน.ปชป.เอือม “ชายกระโปรง” ตีหน้าเศร้าไม่ทุกข์ร้อนปัญหาบ้านเมือง ปล่อยแก๊ง นปช.ปิดล้อมศาล รธน. ค้านนายกฯ ขอคำแนะนำพระราชทาน ดึงสถาบันกษัตริย์ลงมาสู่ความขัดแย้ง “สุเทพ” แนะจับตารัฐบาลปลด ผบ.เหล่าทัพ ยันการลาออกจาก ส.ส.ไม่ใช่ทางออก ใช้กับรัฐบาลนี้ไม่ได้

วันนี้ (1 ธ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นในหลายสถานที่ รวมถึงล่าสุดที่เกิดขึ้นกับพรรคประชาธิปัตย์ว่า ตนจึงยืนยันว่ารัฐบาลมีหน้าที่ที่จะหาทางในการพูดคุยเจรจาเพื่อหาข้อยุติโดยไม่มีเงื่อนไข แต่รัฐบาลในขณะนี้เหมือนไม่ทุกข์กับสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นในบ้านเมือง และการที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี เดินสายตลอดเวลาโดยไม่ทราบวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนว่าจะแก้ไขปัญหาของประเทศอย่างไร และกลุ่มคนที่ยั่วยุจะให้เกิดการทำรัฐประหารก็ยังมีอยู่

ผู้สื่อข่าวถามว่า กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ประกาศจะปิดศาลรัฐธรรมนูญเพื่อไม่ให้มีการอ่านคำวินิจฉัยยุบพรรคจะทำให้เกิดปัญหาบานปลายหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ก็ต้องดูแลและควรพยายามป้องกันไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงขึ้น อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ต้องถามนายกฯ เพราะนายกฯ พูดถึงการบังคับใช้กฎหมาย แต่ทำไมเวลาที่ผู้สนับสนุนรัฐบาลทำอะไรที่ผิดกฎหมายกลับเพิกเฉย ตนไม่เข้าใจว่าจะยั่วยุให้เกิดอะไร ซึ่งถึงเวลาที่ทุกฝ่ายต้องปล่อยประโยชน์ของตัวเองแล้วมาพูดคุยถึงการแก้ปัญหาบ้านเมือง

สำหรับข้อเสนอของหลายฝ่ายที่จะให้เกิดรัฐบาลแห่งชาตินั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า กระบวนการที่สำคัญก็คือ เราต้องยึดกระบวนการตามรัฐธรรมนูญ เพราะฉะนั้น ใครที่มีข้อเสนออะไรแล้วไม่มีความชัดเจนก็ต้องระมัดระวัง เช่น ถ้าไปพูดว่าเอานายกฯ ที่ไม่เป็น ส.ส.จะทำได้อย่างไร เพราะรัฐธรรมนูญไม่ได้เปิดช่องเอาไว้ให้ และตนก็ไม่คิดว่าขณะนี้ควรจะมีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ

“การพูดคุยกันต้องเกิดขึ้นก่อน และต้องเป็นการพูดคุยอย่างเปิดเผยด้วย แต่ถ้าปฏิเสธการพูดคุย ปัญหาก็จะรุนแรงบานปลายมากขึ้น ถ้าหากมาตั้งธงว่าพูดคุยกันแล้วจะต้องหรือจะห้ามกันก็คงพูดคุยกันไม่ได้ แทนที่จะเสนอว่าจะต้องเป็นอย่างไรก็ควรที่จะกดดันให้ทุกฝ่ายมาพูดคุยกันมากกว่า และการกดดันรัฐบาลเป็นหลัก ซึ่งการที่รัฐบาลยังตั้งแง่อยู่ก็ต้องถามว่าท่านทำไปเพื่ออะไร รัฐบาลมีหน้าที่บริหารประเทศให้เดินหน้าไปได้ไม่สร้างความเสียหายให้แก่ระบบเศรษฐกิจไปมากกว่านี้ อะไรที่จะทำเพื่อลดเงื่อนไขความขัดแย้งได้แล้วนำไปสู่คำตอบก็ต้องทำ สำหรับแนวคิดรัฐบาลแห่งชาติจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ ก็ต้องมาคุยกัน เพราะคำว่ารัฐบาลแห่งชาติ ความหมายในใจของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

“เท่าที่รับฟังจากหลายฝ่าย ตอนนี้ไม่ได้มีใครเรียกร้องว่าเมื่อตั้งรัฐบาลแห่งชาติแล้วฝ่ายต่างๆ จะต้องมาร่วมเป็นรัฐบาลด้วย ซึ่งฝ่ายทีไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลเรียกร้องเรื่องความรับผิดชอบ ถ้ารัฐบาลยังไม่เข้าใจหลักของความรับผิดชอบ ก็เท่ากับว่าไม่เข้าใจหลักของคำว่าประชาธิปไตยและความรับผิดชอบเป็นเรื่องหลักที่รัฐบาลจะหนีไม่ได้อยู่แล้ว และต้องหยุดท่องว่าหากยุบสภา หรือลาออกจะไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่รู้ว่าใครสอนมา เพราะมีแต่ประเทศที่เป็นประชาธิปไตยเท่านั้นที่ลาออกและยุบสภาได้ ดังนั้น อย่าเอาประโยชน์ตัวเองมาเป็นใหญ่”

ส่วน นายสุลักษณ์ ศิวลักษณ์ นักวิชาการ มีข้อเสนอให้นายกรัฐมนตรีเข้าเฝ้าฯ เพื่อทูลฯ ขอแนวทางในการแก้ไขปัญหานั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราต้องระมัดระวังในเรื่องนี้ เพราะบางฝ่ายได้พยายามดึงสถาบันพระมหากษัตริย์เข้ามาสู่ความขัดแย้งด้วย ซึ่งเราทุกคนต้องช่วยกันปกป้อง ซึ่งหากดูกระบวนความเคลื่อนไหวเราก็จะทราบว่าเป็นฝ่ายไหน

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีมีคนร้ายขว้างประทัดยักษ์ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อเช้าวันที่ 1 ธ.ค.ว่า ตนได้รับคำตักเตือนจากประชาชน และสมาชิกพรรคมาหลายวันจึงได้เพิ่มมาตรการในการดูแลมากขึ้น และได้ขอให้เจ้าหน้าที่ส่งกำกลังเพิ่ม และขอให้เจ้าหน้าที่พรรคที่เป็นผู้ชายได้ผลัดเปลี่ยนเข้าเวรเพื่อดูแลความสงบ ซึ่งเราคงป้องกันและมากคงไม่ได้ ถ้าคนร้ายยังตั้งหน้าตั้งตาที่จะก่อกวน และสร้างความเสียหายให้เกิดขึ้นอย่างนี้ก็เป็นเรื่องที่น่ากังวลใจ แต่เราก็พยายามทำให้ดีที่สุด

นายสุเทพ กล่าวว่า ขณะนี้ตนมีเรื่องที่กังวลใจมากที่สุด คือ ผู้ที่สนับสนุนรัฐบาลออกมาแสดงอาการตำหนิติเตียน ประณาม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. และผบ.เหล่าทัพ สิ่งที่คนเหล่านี้เขาพูด นับตั้งแต่นายวีระ มุสิกพงศ์ พิธีกรความจริงวันนี้ และอาจารย์บางคนที่พยายามพูดให้ประชาชนเข้าใจผิดว่าทหารคิดที่จะปฏิวัติ ซึ่งโดยข้อเท็จจริงพวกเราได้เห็นชัดเจนว่าในช่วงวิกฤตมีเสียงเรียกร้องให้ทหารทำการปฏิวัติ แต่ ผบ.ทบ. ผบ.เหล่าทัพได้พิสูจน์ให้เห็นว่า เขาเป็นกองทัพของประชาชน กองทัพของแผ่นดินไม่ได้เข้าข้างใคร วิธีที่การที่ทหารนำมาใช้แก้ปัญหาครั้งนี้ คิดว่าเป็นการที่ประชาชนคนไทยต้องให้การยกย่องและชื่นชม แทนที่จะใช้กำลังเพราะเขาเชิญภาคเอกชาน นักวิชาการไประดมสมอง ระดมความคิด และปรึกษาหารือว่าควรจะหาทางออกให้บ้านเมืองอย่างไร ถือเป็นทหารยุคใหม่ เป็นทหารของประชาธิปไตยจริงๆ เพราะถ้าเป็นทหารยุคเก่าไม่ปรึกษาใคร เอากำลังออกมายึดอำนาจไปแล้ว โดยมีเหตุผลต่างๆมาอ้าง แต่ตนเข้าใจว่า ผบ.ทบ.และผบ.เหล่าทัพ เห็นแล้วว่า การทำอย่างนั้นจะทำให้ประเทศชาติเสียหาย เขาจึงเลือกแก้ปัญหาโดยาระบบประชาธิปไตยที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ

“แต่ขนาดที่เขาตั้งใจทำงานอย่างนี้ก็ยังถูกตำหนิ ถูกกดดัน และบริวารของรัฐบาลก็ยังออกมาหาเรื่องเขา มาสร้างขบวนการออกข่าวด้วยวิธีการต่างๆ ทั้งการพูดผ่านสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที และการทำแถลงการณ์ต่างๆ ทำให้คนเข้าใจผิด และสิ่งที่ทำให้คนเข้าใจผิด ผมก็ไม่พอใจ กังวลใจอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ผมหนักใจกว่านั้น คือ ดูเหมือนเป็นกระบวนการที่จะให้รัฐบาลใช้อำนาจในการปลดผู้บัญชาการเหล่าทัพ ให้ดูสมเหตุสมผล และมีเหตุผลมากขึ้น ผมขอ ให้จับตามองความเคลื่อนไหวของขบวนการนี้ และถ้าขบวนการนี้และรัฐบาลไม่มีความชอบธรรม รวมทั้งรัฐบาลที่ไม่เป็นธรรม ไปข่มแหงรังแกผู้บัญชาการเหล่าทัพ เช่นเดียวกับ ผบ.ตร. คิดว่า คราวนี้ต้องเป็นหน้าที่ของประชาชนทุกคนที่ต้องลุกขึ้นมาปกป้องข้าราชการ ที่เป็นข้าราชการของประชาชน เป็นหน้าที่คนไทยต้องออกมาปกป้อง” นายสุเทพ กล่าวว่า

ผู้สื่อข่าวถามว่า การออกมาเรียกร้องให้ประชาชนออกมาปกป้องเช่นนี้ ขณะที่ยังเสื้อเหลือง สีแดง จะทำให้สถานการณ์บานปลายหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า การออกมาปกป้องข้าราชการไม่ได้หมายความว่าจะออกมาสร้างความวุ่นวาย แต่เป็นการออกมาพูดแสดงความคิดเห็น และแสดงพลังยับยั้งไม่ให้รัฐบาลลุแก่อำนาจมากกว่านี้ ซึ่งทำได้หลายรูปแบบที่ไม่ทำให้บ้านเมืองวุ่นวายมากไปกว่านี้ แต่จะอยู่เงียบเฉยต่อไปไม่ได้แล้ว เพราะจำให้รัฐบาลได้ใจ ตนยืนยันว่าการปลด ผบ.ตร.เป็นการกระทำแบบอันธพาลไม่ได้ใช้หลักนิติธรรมปกครองประเทศ

เมื่อถามว่า กรณีที่ 40 ส.ว.เสนอให้ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อให้เกิดแรงกดดันของรัฐบาล นายสุเทพ กล่าวว่า ถือเป็นความคิดของนักวิชาการ บางคนเคยเสนอมายังตน แต่เห็นว่าไม่ใช่วิธีการที่จะแก้ปัญหา และได้ผล อะไรที่เป็นผลดีต่อบ้านเมือง พรรคประชาธิปัตย์พร้อมทำ แต่วิธีนี้ไม่ได้ผล เพราะหากมีการลาออกก็ต้องมีการเลือกตั้งซ่อม ซึ่งใช้ไม่ได้กับรัฐบาลนี้

ต่อข้อถามถึงกรณีที่กลุ่ม นปก.จะปิดล้อมศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อกดดันการพิจารณาคดียุบพรรค นายสุเทพ กล่าวว่า เชื่อในระบบยุติธรรมของประเทศไทย ศาลต่างๆ มีคุณภาพ มาตรฐานโลก ดังนั้น เราให้ความน่าเชื่อถือว่าจะเป็นที่พึ่งของประชาชนได้ เพราะพิสูจน์มาแล้ว แต่คนพวกนี้เป็นคนที่ทำความผิดแล้วไม่ยอมรับการตัดสินพิพากษาของกระบวนการยุติธรรม จึงได้แสดงปฏิกิริยาตรงกันข้ามขอให้คนไทยจับตาดู จะได้เห็นธาตุแท้ของคนเหล่านี้ชัดขึ้น ตนคิดว่ายิ่งเขาทำออกมาก็ยิ่งประจานตัวเองมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งตนเชื่อว่านายกฯ ไม่ห้ามกลุ่มคนเสื้อแดงออกมา เพราะนายกฯ ต้องอาศัยกลุ่มคนเหล่านี้ เห็นได้จากสื่อมวนชลที่ไปถ่ายรูปจะเห็นว่ากลุ่มคนเสื้อแดงไปอารักขานายกฯ เท่านั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น