พันธมิตรฯ ทยอยออกจากทำเนียบรวมตัวแยกมิสกวัน เคลื่อนขบวนปิดล้อมรัฐสภา ตามยุทธศาสตร์ดาวกระจาย"สงคราม 9 ทัพ" ปิดสถานที่สำคัญของรัฐบาล หวังเผด็จศึกแบบม้วนเดียวจบ
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่าตั้งแต่เวลาประมาณ 05.30 น.วันที่ 24 พ.ย. พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้เตรียมความพร้อมผู้ชุมนุมเพื่อเดินแผนยุทธศาสตร์"สงคราม 9 ทัพ"กระจายไปชุมนุมยังสถานที่ต่างๆ ที่เป็นหน่วยงานของรัฐบาล โดยโฆษกบนเวทีได้แจ้งให้ผู้ชุมนุมที่ต้องการจะร่วมชุมนุมตามยุทธศาสตร์ดาวกระจาย ไปรวมตัวกันที่บริเวณแยกมิสกวัน โดยให้แต่งกายให้รัดกุม สวมรองเท้าผ้าใบ และไม่ต้องนำสิ่งของติดตัวไปมากเพื่อความสะดวกในการเดินทาง นอกจากนั้นมีการแจกอุปกรณ์ป้องกันแก๊สน้ำตาให้กับผู้ชุมนุมด้วย
สำหรับจุดที่พันธมิตรฯ จะดาวกระจายออกไปในวันนี้เท่าที่มีการเปิดเผย ได้แก่ รัฐสภา ทำเนียบรัฐบาลชั่วคราวที่ดอนเมือง กระทรวงการคลัง ตลาดหลักทรัพย์ กองบัญชาการตำรวจนครบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และบ้านพักของบุคคลสำคัญในรัฐบาลบางคน
นายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวว่า จะไปรัฐสภาก่อน เมื่อถึงรัฐสภาแล้วจึงจะอยกทัพ หลังจากนั้น นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ได้แจ้งให้ผู้ชุมนุมที่อยู่ในทำเนียบเดินออกไปรวมตัวกันที่แยกมิสกวัน เหลือไว้เฉพาะผู้สูงอายุที่ต้องการพักผ่อน หลังจากนั้นได้ประกาศ"ลุกขึ้นสู้ ณ บัดนี้ " และบอกว่าจะชนะแน่นอน
พล.ต.จำลองกล่าวว่า หลังจากรวมตัวกันที่แยกมิสกวันแล้วจะไปที่รัฐสภาเพื่อรวมตัวกันให้มากที่นั่น ส่วนจะไปที่ไหนต่อขึ้นอยู่กับมติว่าจะเอาอย่างไรต่อไป และขอให้ไปมือเปล่า ซึ่งจะทำให้เราชนะแน่
ขณะที่นายพิภพ ธงไชย กล่าวเรียกร้องให้พี่น้องที่อยู่ทางบ้านออกมาร่วมชุมนุมให้มาก เราจะได้ชัยชนะหรือไม่ขึ้นอยู่กับว่าเราออกมากันมากหรือไม่ ซึ่งถ้าเราออกมามากเราจะสามารถหยุดการประชุมสภาเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญได้แน่นอน โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญฉบับหมอเหวงที่จะเปลี่ยนโครงสร้างของประเทศ เราต้องหยุดให้ได้
ด้าน นายประพันธ์ คูณมี ขึ้นเวทีพันธมิตรฯ โดยกล่าวว่า วันนี้ตนแต่งกายมาเพื่อออกรบโดยเฉพาะ ที่สำคัญตนได้กราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยคุ้มครองพวกเราพันธมิตรฯ ให้แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งหลายทั้งปวง เพราะการต่อสู้ครั้งนี้ คือการต่อสู้ครั้งสุดท้าย ฉะนั้นวันนี้คือวันที่เราจะหยุดระบอบอำนาจทักษิณ ให้หลุดออกจากอำนาจทางการเมืองให้จงได้ เนื่องจากประจักษ์ชัดแล้วว่า นับตั้งแต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ขึ้นบริหารประเทศ ก็ไม่ได้มุ่งมั่นที่จะช่วยแก้ไขปัญหาให้ชาติบ้านเมือง โดยเอาแต่กอบโกยผลประโยชน์ให้กับตระกูลของเขา โดยในช่วง 4-5 ปี นั้น ผลการตรวจสอบของ คตส.ยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ และพวกพ้อง โกงกินประเทศชาติร่วม 400,000 ล้านบาท
“ที่สำคัญ ตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร มีพฤติกรรมโกงกิน ซุกหุ้น และหลีกเลี่ยงภาษี ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องขุดรากถอนโคนออกมาให้หมด นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังพยายามผลักดัน ขนเอาโคตรเหง้าในตระกูลมานั่งในตำแหน่งสำคัญๆ โดยจะเห็นได้จาก พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร รวมทั้งพยายามที่จะผลักดันให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์ ขึ้นเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ”นายประพันธ์ ระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล และบริเวณสี่แยกลานพระบรมรูปทรงม้า ถนนศรีอยุธยา มีกำลังตำรวจประมาณ 300 นาย พร้อมโล่ และหมวก ยืนตรึงกำลังตลอดแนวถนน โดยระหว่างตำรวจและกลุ่มพันธมิตรนั้น บริเวณด้านหน้าของตำรวจมีรั้วลวดหนาม และแผงเหล็กกั้นไว้ จากนั้นถัดออกไปประมาณ 10 เมตรของฝั่งพันธมิตรฯมีแผงเหล็ก และยางรถยนต์ มากั้นเป็นแนวไว้
ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 06.45 น. พันธมิตรฯ เริ่มเคลื่อนขบวนออกจากแยกมิสกวันไปยังรัฐสภาแล้ว โดยมี 5 แกนนำพันธมิตรฯ เดินนำหน้าผู้ชุมนุมที่มาจากทั่วทุกสารทิศนับแสนคน
ต่อมาเวลา 07.00 น.แกนนำพันธมิตร พร้อมพันธมิตรเรือนแสน ได้เดินมุ่งหน้ารัฐสภา และมาถึงจุดสกัด นายสนธิ และนายสมเกียรติ ได้ทำการเจรจากับ พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ ผบก.น.1 โดยทาง พล.ต.ต.อนันต์ ได้เปิดทางให้กลุ่มพันธมิตรเดินทางไป ทั้งนี้ทางตำรวจได้ตั้งเงื่อนไข 2 ข้อให้ทางแกนนำพันธมิตรฯ ยอมรับ คือ 1.ต้องไม่บุกรุกเข้าไปในสถานที่ราชการ และ 2.ต้องไม่ทำร้ายเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ทางแกนนำยอมรับได้ เพราะพันธมิตรฯ ไม่ก่อความรุนแรงอยู่แล้ว
เวลา 07.31 ทัพหน้าของพันธมิตรได้เดินทางถึงบริเวณด้านหน้ารัฐสภาแล้ว จากนั้นได้ปักหลักทำการชุมนุม โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำการอยู่ภายในอาคารรัฐสภาจำนวน 5 กองร้อย โดยเป็นกำลังของ ตชด.และมีรถดับเพลิงประจำการอยู่ 3 คัน ขณะที่กำลังของตำรวจนครบาล ซึ่งก่อนหน้านี้ประจำการอยู่ตามจุดต่างๆ ได้แยกย้าย เพื่อไปประจำการรอคำสั่ง ภายในสวนสัตว์เขาดิน
เวลาประมาณ 08.00 น. พันธมิตรฯ ได้ปิดล้อมรัฐสภาไว้ทุกด้านโดยสิ้นเชิง โดยมีผู้ชุมนุมเต็มถนนอู่ทองในและถนนราชวิถีจากหน้าสวนสัตว์ไปจนถึงแยกการเรือน หน้ามหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ขณะที่ผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งกระจายไปตามถนนพิชัยต่อเนื่องไปจนถึงบริเวณหน้าพรรคชาติไทยแล้ว
ขณะเดียวกันนายอมร อมรรัตนานนท์ โฆษกประจำเวทีพันธมิตรฯ ได้พาผู้ชุมนุมกลุ่มหนึ่งไปชุมนุมปิดล้อมหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.)แล้ว พร้อมกับเปิดเวทีย่อยกล่าวปราศรัย โดยมีผู้ปราศรัยนอกจากนายอมร ยังมีนายพิชิต ไชยมงคล นายอำนาจ พละมี และนายคมสันต์ ทองศิริ ผู้นำแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้านครหลวง
ส่วนสถานการณ์ในรัฐสภา นายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฏร ซึ่งเข้าไปรอนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร อยู่ภายในรัฐสภาตั้งแต่เช้าได้พยายามติดต่อนายชัยอยู่ตลอดเวลา และยอมรับว่าถ้ายังถูกปิดล้อมอยู่เช่นนี้คงจะยังเปิดประชุมไม่ได้ หลังจากนั้นนายพิทูร ได้ประชุมหารือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อประเมินสถานการณ์และรานงานต่อนายชัย ซึ่งยังเห็นว่าพอมีเวลาก่อนถึง 09.30 น.ที่จะตัดสินใจว่าจะเลื่อนการประชุมหรือไม่
ทั้งนี้มีแนวโน้มว่าหากพันธมิตรฯ ยังคงปิดล้อมรัฐสภาไปจนถึงวันที่ 28 พ.ย.ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดสมัยประชุม ก็อาจจะมีการเลื่อนวาระการพิจารณาข้อตกลงระหว่างประเทศออกไปพิจารณาในช่วงสมัยประชุมวิสามัญ
มีรายงานว่าเมื่อเวลาประมาณ 08.40 น. ได้มีการตัดกระแสไฟฟ้าในรัฐสภาเรียบร้อยแล้ว
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์(สรส.) และสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) จะนำประชาชนเคลื่อนขบวนออกจากแยกมิสกวัน ในเวลา 09.40 น.เพื่อนเดินทางไปปิดล้อมกระทรวงการคลังในเวลา 10.00 น. หลังจากนั้นจะแบ่งกำลังคนบางส่วนจากหน้าสภาไปสมทบที่กระทรวงการคลังด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.50 น.กลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนได้ขยายพื้นที่ในการชุมนุม โดยได้ปิดการจราจรบริเวณ ถ.พิชัย และ ถ.สุโขทัย ตั้งแต่แยกขัตติยานีถึงแยกสวนรื่นฤดี ซึ่งบริเวณดังกล่าวเป็นที่ตั้งของพรรคชาติไทยด้วย ทั้งนี้ผู้ชุมนุมได้ปักหลักบริเวณหน้าที่ทำการพรรค เพื่อไม่ให้บุคคลใดเดินทางเข้าออก พร้อมตะโกนโห่ร้องประณาม นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยและสมาชิกพรรคว่า รับใช้เผด็จการ
ขณะเดียวกันนายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินเท้าผ่านกลุ่มผู้ชุมนุม บริเวณแยกพิชัย เพื่อเข้าร่วมประชุมรัฐสภาโดยได้รับเสียงโห่ร้องตอบรับไปตลอดเส้นทาง
ในเวลาเดียวกัน ผู้ชุมนุมกลุ่มหนึ่งภายใต้การนำของ สรส.และสหภาพแรงงาน กฟผ.ได้ออกเดินทางไปกระทรวงการคลัง โดยใช้เส้นทางเลียบคลองผดุงกรุงเกษม ผ่านสนามม้านางเลิ้ง เข้าถนนพระราม 6 และเวลาประมาณ 10.00 น. ผู้ชุมนุมบางส่วนได้ปิดล้อมทางเข้ากระทรวงการคลังไว้เรียบร้อยแล้ว
เวลาประมาณ 10.10 น. นายสำราญ รอดเพชร แกนนำพันธมิตรฯ รุ่นที่ 2 ได้แจ้งให้กับผู้ชุมนุมที่หน้ารัฐสภาว่านายชัย ชิดชอบ ได้ตัดสินใจงดการประชุมสภาในวันนี้ไปก่อน จนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ โดยจะได้เชิญตัวแทนรัฐบาล วุฒิสภา ฝ่ายค้าน และฝ่ายพันธมิตรฯ มาหารืออีกครั้ง อย่างไรก็ตามพันธมิตรฯ ยังยืนยันจะชุมนุมต่อไป เพราะสภายังมีสมัยประชุมถึงวันที่ 28 พ.ย. โดยให้รอฟังการตัดสินใจของแกนนำอีกครั้ง
ในช่วงเวลาเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้นำ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์บางส่วน เดินทางมาร่วมประชุมรัฐสภา โดยจอดรถไว้ที่บริเวณแยกขัตติยานี ถ.สุโขทัย ด้านหลังโรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย และเดินต่อไปยังรัฐสภา โดยระหว่างเดินอยู่นั้น นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ได้โทรศัพท์มาแจ้งว่า ของดการประชุมรัฐสภาวันนี้ และจะนัดประชุมใหม่อีกครั้ง นายอภิสิทธิ์ จึงเสนอไปว่า ควรมีการหารือเพื่อหาทางออกต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ระหว่างรัฐสภา พันธมิตรฯ และตัวแทนรัฐบาล โดยฝ่ายค้านยินดีร่วมเจรจาด้วย แต่นายชัยยังไม่ได้รับปาก
สำหรับบรรยากาศการชุมนุมพันธมิตรฯ ที่บริเวณแยกขัตติยานี หน้าที่ทำการพรรคชาติไทย ยังเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ผู้ชุมนุมได้นำรถเมล์ ขสมก. มาปิดเส้นทางที่จะมุ่งไปยังรัฐสภา และไม่ให้รถยนต์และมอเตอร์ไซค์วิ่งผ่าน ทำให้มีปากเสียงกับผู้ใช้เส้นทางดังกล่าวเป็นระยะ แต่ไม่มีเหตุรุนแรง และผู้ชุมนุมบางส่วนได้เข้าไปยึดป้อมตำรวจที่แยกขัตติยานีเป็นสถานที่พักผ่อน
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาลชั่วคราวที่ดอนเมือง หลังนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ประกาศงดการประชุมร่วมสองสภา
ต่อมา นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตร ได้เดินทางมาตรวจสอบสถานการณ์ชุมนุมบริเวณหน้าพรรคชาติไทย โดยนายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ว่า การที่นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา แจ้งงดการประชุมร่วมสองสภา นับเป็นชัยชนะเบื้องต้นของพันธมิตรฯ ที่มีการเลื่อนการชุมนุมออกไป อย่างไรก็ตามได้ข่าวว่าทางรัฐบาลจะมีการไปประชุมที่อาคารสุประพฤติ ถนนประชาชื่น คงต้องตรวจสอบก่อนว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ทั้งนี้ยืนยันว่า ไม่ว่าจะมีการเลื่อนไปประชุมที่ใด พันธมิตรฯ จะประกาศตามไปไม่ให้มีการชุมนุมจนถึงวันที่ 28 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งเป็นวันปิดการประชุม
ส่วนการประชุมด่วนที่ดอนเมืองนั้น พอทราบข่าวบ้างแล้ว ซึ่งคงต้องพิจารณาอีกครั้งว่า ทั้งนี้ยืนยันว่ากำลังของพันธมิตรฯ มีเพียงพอ สามารถกระจายไปตามจุดต่างๆ ได้ หลังจากให้สัมภาษณ์เสร็จนายสมศักดิ์ จึงเดินทางกลับไปยังบริเวณหน้าอาคารรัฐสภา
ขณะนายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรฯ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า จะมีความชัดเจนในช่วงเวลา 12.00 น.ว่าพันธมิตรฯ จะปักหลักชุมนุมที่หน้ารัฐสภาต่อไป หรือจะย้ายกลับไปที่ทำเนียบรัฐบาล เนื่องจากขณะนี้ยังไม่ไว้วางใจกับสถานการณ์ว่าสภาจะมีการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ จนกว่าจะปิดสมัยประชุมสภาในวันที่ 28 พฤศจิกายน
ทางด้านมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ได้ประกาศปิดการเรียนการสอน โดยจะเปิดอีกครั้งในวันพฤหัสบดีที่ 27 พฤศจิกายนนี้ เนื่องจากผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จำนวนมากขอใช้ห้องน้ำภายในสถาบัน ซึ่งสถาบันได้อนุญาตให้สามารถเข้าใช้ได้ ขณะเดียวกันมีรายงานว่า พันธมิตรฯ ได้ทำการยึดรถประจำทาง สาย 56 หมายเลขทะเบียน 104-9004 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่บริเวณสี่แยกการเรือน ด้านถนนราชสีมา ฝั่งหน้าสมาคมนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ และรถประจำทางสาย 515 ไปปิด ถ.พิชัย ก่อนถึงแยกตัด ถ.สุโขทัย ด้วย รวมถึงมีการเตรียมกระสอบเปล่าจำนวนหลายใบไว้รับมือกับแก๊สน้ำตา หากเจ้าหน้าที่ตำรวจตัดสินใจยิงเข้าใส่ผู้ชุมนุม
ส่วนที่หน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาลมีรายงานว่าผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ได้รื้อแนวกั้นของตำรวจเข้าไปตั้งเวลาประชิดรั้ว บช.น.เพื่อตั้งเวทีปราศรัยชั่วคราวได้แล้ว โดยแกนนำพันธมิตรฯ อาทิ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายอมร อมรรัตนานนท์ ได้นำการปราศรัยทวงถามความคืบหน้าการตามจับฆาตกรที่ฆ่าประชาชนเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม และผู้ที่อยู่เบื้องหลังการยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่พันธมิตรฯ ในทำเนียบรัฐบาล จนทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ
ขณะที่ตำรวจที่อยู่ใน บช.น.ได้ปิดประตูด้านหน้า และใช้รถน้ำกันไว้อีกชั้น ส่วนด้านในมีตำรวจคอมมานโด ชุดปราบปรามจลาจล ประมาณ 2 กองร้อย ตั้งแถวด้านหน้าเพื่อคอยรับมือ มีการจัดเตรียมรถดับเพลิง ประมาณ 4-5 คัน เพื่อตรึงสถานการณ์หากเกิดการปะทะ ซึ่งผู้ชุมนุมยืนยันไม่บุกเข้าไปภายในกองบัญชาการตำรวจนครบาล
ด้านนายสมเกียรติ ได้ปราศรัยเรียกร้องให้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แสดงความรับผิดชอบเหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ยืนยันจะไม่บุกเข้าไปในกองบัญชาการตำรวจนครบาล แต่มาเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม โดยนายสมเกียรติ ระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นฆาตกรฆ่าประชาชน และมีส่วนรู้เห็นในการยิงระเบิด เอ็ม 79 เข้าไปในทำเนียบรัฐบาล หลังจากนั้น แกนนำได้สลับกันขึ้นปราศรัยอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน พันธมิตรฯ ได้ตัดน้ำตัดไฟภายในกองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับความสะดวก แต่ยังไม่เกิดเหตุปะทะขึ้นแต่อย่างใด ทั้งนี้มีรายงานว่า พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางออกจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล ไปก่อนหน้านี้แล้ว
ส่วนที่หน้ากระทรวงการคลัง หลังจากพันธมิตรฯ เคลื่อนขบวนมาปิดด้านหน้าไว้นั้น พันธมิตรฯ ได้มีการเชิญชวนให้ข้าราชการกระทรวงการคลังออกมาร่วมชุมนุม เพื่อขับไล่รัฐบาล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่เป็นนอมินีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
นายศิริชัย ไม้งาม แกนนำพันธมิตรฯ รุ่นที่ 2 เปิดเผยว่า พันธมิตรฯ บางส่วนซึ่งไปจากสหภาพแรงงาน กฟผ.ได้ทำการปิดล้อมหน้ากระทรวงการคลัง ไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว ก่อนที่ขบวนพันธมิตรฯ จากแยกมิสกวันจะเดินทางไป ทั้งนี้เพื่อประท้วงรัฐบาลต่อการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจและเดินหน้าขับไล่นายกรัฐมนตรี
ต่อมาเมื่อพันธมิตรฯ ได้มารวมตัวกันจำนวนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และได้มีการนำรถปราศรัยมาจอดบริเวณถนนข้างกระทรวงการคลังตรงข้ามสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) โดยพันธมิตรฯ ได้ตัดน้ำและไฟฟ้าของอาคารในกระทรวงการคลัง ทำให้หน่วยต่างๆ ไม่สามารถทำงานได้ โดยเฉพาะเวทีสัมมนาที่ นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมสัมมนาระหว่างสำนักบริหารหนี้สาธารณะ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ต้องหยุดชะงักไปด้วย หลังจากนั้นกระทรวงการคลัง ได้ปิดประตูเข้าออกทุกด้าน เพื่อป้องกันการรุกล้ำเข้ามาภายในพื้นที่กระทรวง หลังจากนั้น ข้าราชการของกระทรวงการคลัง ได้ทยอยกลับบ้านก่อนเวลา
ในช่วงเวลาเดียวดัน นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวว่า แกนนำพันธมิตรฯ จะขอแลกบัตรเข้าอาคารรัฐสภาเพื่อยื่นหนังสือต่อนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมดลาออก ถือว่าเป็นผู้สนับสนุนรัฐบาลในการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย ขณะที่แกนนำพันธมิตรฯ กำลังประเมินว่าจะมีการดาวกระจายเคลื่อนขบวนต่อไปที่ไหนอีกหรือไม่ หลังจากเคลื่อนขบวนไปปิดที่กระทรวงการคลัง และไปปิดล้อมที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยมีการเรียกร้องให้ตำรวจที่สั่งให้เกิดความรุนแรงในวันที่ 7 ตุลาคม มอบตัว พร้อมทั้งมีการตัดไฟที่กองบัญชาการนครบาลด้วย
เวลาประมาณ 11.00 น. พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ได้แถลงว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และประธานคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ร่วม ได้ประชุมติดตามสถานการณ์ประจำวันและรับทราบข้อมูลด้านการข่าว รวมทั้งรับฟังการประเมินสถานการณ์ จากหน่วยข่าวของกองทัพบก พล.อ.อนุพงษ์ ได้แสดงความเป็นห่วงสถานการณ์การชุมนุม โดยเฉพาะเกรงว่าจะมีกลุ่มบุคคลที่เป็นมือที่ 3 อาศัยช่วงสถานการณ์วุ่นวายเข้ามาก่อเหตุและได้กำชับให้ทหารวางกำลังอย่างเข้มงวด โดยกระจายกำลังเป็นวงกว้าง เพื่อป้องกันมือที่ 3 เข้ามาก่อเหตุความรุนแรง รวมทั้ง เพื่อช่วยป้องกันและยกระดับของความรุนแรง ขณะที่ บรรยากาศบริเวณด้านหน้ากองบัญชาการกองทัพบก ถนนราชดำเนินนอก การจราจรของประชาชนยังคงเป็นปกติและไม่มีพันธมิตรฯ มาชุมนุมปิดล้อมแต่อย่างใด
ด้าน พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือ กอ.รมน. ระบุว่า จากการติดตามประเมินสถานการณ์การชุมนุมของพันธมิตรฯ ยังมั่นใจว่าตำรวจสามารถควบคุมดูแลสถานการณ์ได้ ซึ่งจะมีการรายงานสถานการณ์ให้คณะกรรมการติดตามสถานการณ์ร่วมทราบเป็นระยะ
เมื่อเวลาประมาณ 12.30 น. นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตร ขึ้นปราศรัยบนเวทีชั่วคราวหน้ารัฐสภา ว่า เมื่อไม่สามารถประชุมสภาได้ ถือว่าพันธมิตรฯ ทำหน้าที่เสร็จไปแล้ว 1 อย่าง ซึ่งถ้าจะอยู่ที่หน้าสภาไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะสภาไม่มีใครอยู่แล้ว แต่ถ้ามีการประชุมสภาเมื่อไหร่ จะมาปิดล้อมเมื่อนั้น จนกว่าจะพ้นวันที่ 28 พ.ย.ที่เป็นวันปิดสมัยประชุมสภา หลังจากนั้น นายสมศักดิ์ได้ประกาศให้ผู้ร่วมชุมนุมแบ่งกำลังส่วนหนึ่งเดินทางไปที่สนามบินดอนเมืองเพื่อขัดขวางการประชุม ครม. ขณะที่บางส่วนก็เคลื่อนกลับทำเนียบและสะพานมัฆวานฯ โดยก่อนหน้านี้ได้ให้พี่น้องที่ชุมนุมอยู่ที่กระทรวงการคลังหลายหมื่นคนบุกล่วงหน้าไปที่ดอนเมืองแล้ว
หลังจากนั้นนายพิชิต ไชยมงคล โฆษกบนเวทีชั่วคราวหน้ารัฐสภากล่าวว่า ทัพใหญ่ของเราจะยังอยู่ที่ทำเนียบ สะพานมัฆวาน และหน้า บช.น. อีกสักครู่เราจะถอนกำลังกลับ แต่ขอให้ฟังเพลงจาก"เศก ศักดิ์สิทธิ-ซูซู"และ"ศรัณยู วงศ์กระจ่าง"ก่อน
ต่อมาเวลาประมาณ 13.00 น. พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยสารรถบัส จำนวน 2 คัน เดินทางถึงที่ทำการทำเนียบรัฐบาลชั่วคราว และทันทีที่พันธมิตรฯ มาถึง เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประจำการอยู่ จำนวน 60 นาย ยืนตั้งแถวปิดกั้นไม่ให้พันธมิตรฯ เข้าพื้นที่ ซึ่งเป็นจุดที่คณะรัฐมนตรีประชุมนัดพิเศษ ทันทีที่ถึงทำเนียบรัฐบาลชั่วคราว พันธมิตรฯ ได้ใช้มือตบปรบมือแสดงจุดยืนว่าจะชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลชั่วคราว จนกว่าจะถึงเวลา 15.00 น. ที่จะมีการแถลงข่าวร่วมกันระหว่าง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก และนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ระหว่างนั้นได้มีพันธมิตรฯ จากการบินไทย และพันธมิตรฯ ที่เป็นประชาชนในย่านดอนเมือง ทยอยเดินทางเข้ามาสมทบอย่างต่อเนื่อง
ต่อมาเวลา 13.30 น.แกนนำพันธมิตรฯ ที่ตั้งเวทีปราศรัยที่หน้า บช.น.ได้บอกกับทางตำรวจว่า จะยอมสลายการชุมนุม โดยมีเงื่อนไขว่า ให้ตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องเหตุการณ์ใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 51 ต้องลาออกภายใน 24 ชั่วโมง แต่ถ้าหากเมื่อครบกำหนดเวลาแล้วยังไม่ลาออก จะกลับมาชุมนุมอีกครั้งหนึ่ง
ในช่วงเวลาเดียวกันที่ทำเนียบรัฐบาลชั่วคราว สนามบินดอนเมือง นายศิริชัย ไม้งาม ได้นำพันธมิตรฯ นับพันคนปิดล้อมทางเข้าออกของอาคารท่าอากาศยาน ขณะที่ตำรวจทั้งในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบจากกองร้อยควบคุมฝูงชน กองบัญชาการตำรวจนครบาล 2 จำนวน 2 กองร้อยคอยดูแลควบคุมสถานการณ์ โดยไม่มีการพกอาวุธปืน มีเพียงหมวกสายตรวจและวิทยุสื่อสารเท่านั้น
ขณะที่การประชุมหารือประเมินสถานการณ์การเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล เรียกประชุมคณะรัฐมนตรีตั้งแต่เวลา 10.30 น.ต้องเลิกประชุมกระทันหันทันทีที่รู้ว่าพันธมิตรประกาศปิดล้อม โดยไม่มีการแถลงข่าวใดๆทั้งสิ้น เช่นเดียวกับข้าราชการต่างพากันเก็บข้าวของและนำรถส่วนตัวออกอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเกรงว่ากลุ่มพันธมิตรจะปกหลักยืดเยื้อเหมือนกับทำเนียบรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ต่อมาคณะรัฐมนตรีได้แอบกลับเข้ามาทำการประชุมอีกครั้ง
นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ปราศรัยบนเวที ชื่นชมการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ภายในที่ทำการทำเนียบรัฐบาลชั่วคราว ดอนเมือง ที่อำนวยความสะดวกกับผู้ชุมนุมให้เข้ามาภายในได้ พร้อมประกาศจะปักหลักชุมนุมกันอีก 1 คืน เพื่อจะรอว่า วันพรุ่งนี้ (25 พ.ย.) จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรี ประจำวันอังคาร หรือเลื่อนการประชุมไปวันพุธ หรือไม่ โดยการชุมนุมปิดล้อมที่ทำการทำเนียบรัฐบาลชั่วคราว เพื่อไม่ให้รัฐบาลที่ขาดความชอบธรรมสามารถประชุมบริหารประเทศได้
ทั้งนี้ มีรายงานแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีสัปดาห์นี้ เลื่อนจากวันพรุ่งนี้ ไปเป็นวันพุธที่ 26 พฤศจิกายน แต่อาจเปลี่ยนสถานที่การประชุม โดยขอใช้หอประชุมกองทัพไทย ถนนแจ้งวัฒนะแทนที่ทำการทำเนียบรัฐบาลชั่วคราวดอนเมือง
นายศิริชัย ปราศรัยยืนยันว่า จะปักหลักชุมนุมอยู่ที่ดอนเมือง ซึ่งเป็นสถานที่การประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างน้อย 3 วัน 3 คืน เพื่อไม่ให้มีการประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันพุธที่ 26 พฤศจิกายน ตามกำหนดการเดิม ที่นายกรัฐมนตรีได้เดินทางกลับจากการประชุมสุดยอดผู้นำเอเชียแปซิฟิก ที่สาธารณรัฐเปรู ซึ่งบรรยากาศพันธมิตรฯ ได้ทยอยเดินทางมาสมทบอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ สหภาพแรงงานบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน ) ได้สนับสนุนข้าว และน้ำจำนวน 10,000 ชุด ขณะที่รถปรับอากาศสายสีส้ม หรือยูโรทู สาย 515 ศาลายา-อนุสาวรีย์ชัย ได้มารับ-ส่งพันธมิตรฯ ให้มาชุมนุมที่ท่าอากาศยานดอนเมืองด้วย
ต่อมาเวลา 16.10 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ประกาศบนเวทีปราศรัยที่ทำเนียบรัฐบาลว่า คืนนี้เวทีปราศรัยจะปิดในเวลา 24.00 น. เพื่อให้ผู้ร่วมชุมนุมได้พักผ่อน จากนั้นเวลา 04.00 น. จะเริ่มยุทธการดาวกระจายอีกครั้ง แต่ยังไม่เปิดเผยว่าจะไปยังจุดใด